16 ธ.ค. 2022 เวลา 03:30 • นิยาย เรื่องสั้น
บางอย่างที่ขาดหาย (4)
แมลงปอสีเทอร์ควอยซ์ ร่างโปร่งใสขยับปีกบินตรงดิ่งข้างหน้า ช่องบานประตูถ้ำถูกปลดผนึกจากเถาไม้หนาม มันนำพาพวกเขาต้องไปต่ออีก
ระหว่างทางเดินออกจากถ้ำ ประดับโคมไฟตะกร้อมืดสนิทอยู่ก่อน สะเก็ดดวงไฟเล็กๆ จากหางแมลงปอมรกต ลอยลิ่วผ่านรูไม้สานเข้าไป พอให้แสงสีเขียวสดสลัวๆ ขับไล่ความมืดบอดตลอดทาง
มันทอดยาวเรื่อยๆ ก่อนนำพาพวกเขาทั้งสองมาสู่แสงสว่างปลายอุโมงค์ มอบโลกเจิดจ้าแจ่มใสภายนอกให้เสียที
แล้วทว่า มันกลับอยู่กับเอกาไม่ได้ไกลนักเลย ตอนที่เด็กชายงงงวยหนัก เห็นดวงไฟซึ่งเคลื่อนเข้าหาตะกร้อโคมไฟประดับข้างทาง ว่าจะเกิดประโยชน์อย่างไร หากดวงอาทิตย์ยังให้แสงแดดเหลืองสุกงอมลอดผ่านแมกไม้ในป่าผืนนี้อยู่
หลังจากเอกาเดินมาพบทางตัน เบื้องหน้าคือหน้าผาสูงสิบเมตร เขามองรอบๆ ตัวค้นหาทางไปอื่น ที่ไม่ใช่ย้อนหลังกลับเด็ดขาด
เจ้าหางก้อนสาวเท้า แล้วทิ้งก้นลงนั่งห่างจากหน้าผาห้าก้าว
เอกาตามหลังมาถึงตรงตำแหน่งเดียวกันกับสุนัขจิ้งจอกขาว สัญลักษณ์ก้นหอยประทับอยู่บนพื้นดิน ขาหน้าข้างซ้ายของมัน ยกขึ้นชี้บุ้ยใบ้ที่แท่งหินแก้วใสสะอาดของหัวหอก
เขาหมุนหอกกลับด้าน ทิ่มลงตรงกลางของวงคด เกิดมวลกระแสลมเกลียว จมูกสัมผัสกลิ่นแม่น้ำเย็นสดชื่นอบอวล ปะทุขึ้นจากข้างใต้ล่าง พวยพุ่งสูงเทียบหน้าผาตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
เจ้าหางก้อนกระโจนตัวเข้าหาสายลมม้วนวนเปิดประเดิม สาธิตวิธีการใช้พลังงานของลมพายุจากพื้น ส่งมันลอยเคว้งเทียบยอดหน้าผาในทันใด ไม่มีทางจะร่วงตกลงมาแน่นอน
ทันใดเอกาก้าวเท้าข้างหนึ่ง เหนือลมพายุสามารถยกร่างของเขาขึ้นสู่ที่สูงลิ่วได้อย่างปลอดภัย
ร่างของเด็กชายพุ่งพรวดพอดีกับระดับความสูงของหน้าผา กางแขนกางขาเคว้งคว้างอยู่อย่างนั้น ตัดสินใจฉับพลันทันด่วน กระโดดเกาะขอบหน้าผาด้วยความแข็งแรง
เผลอก้มมองลงข้างล่าง ต่อให้เอกาจะเคยปีนป่ายต้นไม้มานับครั้งไม่ถ้วนกับมานิ ความสูงของต้นไม้แต่ละต้นก็ไม่ใช่น้อยๆ ทั้งยังเคยเหยียบอยู่บนกิ่งก้านสาขาที่เล็กแคบมาแล้วก็ตาม ยังไม่รู้สึกปั่นป่วนในท้องไส้ได้เท่ากับตอนอยู่ในท่ายึดขอบหินเทาเช่นนี้เลย เมื่อจินตนาการภาพเหตุการณ์ของตัวเองร่วงตกไปกองแผละผิดรูปผิดร่างอยู่ที่พื้นเบื้องล่าง ผุดเข้ามาในหัวหลอกหลอน หอกของเอกายังเสียบคาตรงนั้น
เขาตะเกียกตะกายขึ้นมายืนเหนือขอบผาสำเร็จ พอเท้าสองข้างได้ความมั่นคงกลับคืนอีกครั้ง เอกาสามารถยื่นหน้าก้มลงมองหอกตัวเอง ไม่สะทกสะท้านว่าเท้าข้างหนึ่งปริ่มขอบผาอยู่นั่นเอง
มือข้างขวาเหยียดตรงสุดแขน ออกนอกความเวิ้งว้างสูงลิบลิ่ว เขาตั้งมั่นในสมาธิ หอกกลับมาอยู่ในกำมือ ประหนึ่งอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย จะคงความถาวรอยู่กับเขา ไม่มีวันขาดหายจากมือขวาแน่นอน
คืบหน้าอีกสิบก้าว นำทางไปยังจุดสิ้นสุดชายขอบป่า บรรยากาศกลับมามืดอึมครึมอีกแล้ว บัดนี้เอกาไม่หวั่นเกรง พร้อมชะล้างความมืนมนไปจากอีธาราเสียให้หมด ทุกหนระแหงเขาย่างกราย
ดวงไฟสีเขียวแกมฟ้าหลุดลอยออกจากส่วนท้ายแมลงปอ เติมเต็มความสว่างให้ตะกร้อโคมไฟบนเสาไม้ เรียงรายสองข้างทางสลับฟันปลา ตอนทีเอกาเริ่มก้าวเดินต่อ
เอกาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีเทาหม่นสูงเกินหยั่ง ความหดหู่สัมผัสถึงข้างในใจเขา เหล่าก้อนเมฆสีเทาเหมือนกัน ทว่า เข้มกว่าลอยคว้างอ้อยอิ่ง เอกาย่างเท้าย่ำลงบนแผ่นไม้กระดานหลายแผ่นสานต่อกัน ด้วยเชือกเส้นหนา สะพานไม้ยึดไว้อย่างแข็งแรงมั่นคง กับตอไม้ตอกฝังลึกลงใต้ดินทั้งสองฟากฝั่ง แขวนคล้อยต่ำอยู่เหนือช่องเขา ลึกลงไปกว่าสี่สิบเมตร ธารน้ำสีดำขลักเชี่ยวกราก
ครั้นข้ามสะพานข้ามฟากแล้ว เอกาเริ่มรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ตั้งแต่เห็นเสาไฟต้นแรกแล้ว มันชัดเจนขึ้นทุกๆ ขณะ เด็กชายกำลังมาสิ้นสุดที่ตรงจุดหมายปลายทาง ของการผจญภัยหฤโหดต่างๆ นานาผ่านๆ มาสักทีหนึ่ง
แมกไม้สีดำกลับมาเป็นหลังคาโลกอีกคราหนึ่ง ความมืดทะมึนแผ่ครอบงำอีธาราอย่างไร้ซึ่งที่สิ้นสุด
ทางเข้าด้านหน้าหมู่บ้านเผยในระยะสายตาเอกา อยู่ๆ เด็กชายเอกาอีกคนโผล่ออกจากข้างทางไล่หลังมานิมาติดๆ ร่างพวกเขาสองคนเริ่มโปร่งแสงสีเขียวใบหญ้าเรืองรองวิ่งไล่ตามกัน
“ใครถึงทางเข้าหมู่บ้านก่อน”
มานิเอ่ยคำท้าชิง
“คนนั้นเป็นฝ่ายชนะไปเลย”
“แน่นอน”
เสียงเอกาจากเวลาในอดีตรับคำ
“ฉันต้องได้ที่หนึ่งก่อนนายล่ะ มานิ”
“ไม่หรอก”
อีกฝ่ายเอ่ย
“ฉันต่างหากล่ะ เพราะฉันนำหน้านายอยู่นะ เอกา”
ผลแพ้ชนะ สำหรับการแข่งขันประชันความเร็วของพวกเขาทั้งคู่ตอนนั้น เอกากลับยอมให้มานิเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะไปง่ายๆ เพราะเขาต้องการเห็นอีกฝ่ายมีความสุขบนความพึงพอใจในตนเองก็พอแล้ว
พวกเขาตรงนั้นทิ้งทวน ด้วยเสียงหัวเราะคิกคักสนุกสนาน เอกาวาดแขนโอบตัวอีกฝ่ายกระชับแนบกาย
เอกาตรงนี้คิดถึงสัมผัสแนบแน่นอบอุ่นนั้น และอาจกำลังได้กลับมาเยือน หวนคืนสู่วันวานเหล่านั้นแล้วก็เป็นได้
“ฉันได้กลับมาถึงหมู่บ้านของฉันแล้ว เจ้าหางก้อน”
น้ำเสียงเอกาเบิกบานใจสุดขีด
ตะกร้อโคมไฟทุกต้น ระหว่างต้อนรับกลับหมู่บ้านค่อยๆ ถูกเติมเต็มด้วยแสงไฟดวงสีเขียวมะนาว เพื่อมอบความชื้นใจของผู้พเนจร หวนคืนสู่เหย้าอย่างปลอดภัยและถูกต้อง เอกาก็เคยรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันเดมที แต่หลายๆ สิ่ง อันที่เปลี่ยนแปลงผิดจากความคุ้นเคย เกิดกับหมู่บ้านของตัวเอง ราวกับผ่านเวลานี้มาแสนเนิ่นนานทีเดียวเชียว เขาเหมือนกับว่าไม่ได้กลับมาบ้าน ด้วยความรู้สึกเปี่ยมล้นแห่งความสบายอกสบายใจเสียเท่าไรเลย
เอกาชักไม่แน่ใจว่าควรดีใจอยู่อีกหรือไม่
ระหว่างสำรวจหมู่บ้านเปลียวร้างและเงียบวิเวก ต่างราวกันโลกคนละใบ มันช่วยยืนกรานความหวาดกลัวลึกๆ ของก้นบึ้ง เอกาไม่ปรารถนาขุดมันขึ้นมาประจักษ์เป็นความจริง ยากยอมรับไหว อย่างเช่นดวงตาคู่นี้ย้ำเตือนไม่ใช่ฝันร้ายหลอกลวงให้เจ็บปวด จากความผิดหวังมหันต์ครานี้
“มะ --- ไม่ ---”
เอกาพูดเสียงตะกุกตะกักแผ่วเบา อย่างกับสถานที่แห่งนี้ สูบพลังกายพลังจิตของเขา ไม่เหลือสิ้นเรี่ยวแรงในการขับเคลื่อนชีวิตต่อไป
“ไม่จริงใช่ไหม หมู่บ้านของฉันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ”
ฉุกคิดคำนึงหาพ่อแม่ และมานิ หรือชาวบ้านนับร้อยกว่าชีวิต เกิดอะไรขึ้น จึงทำให้พวกเขาละทิ้งจากหมู่บ้านอันสงบสุข ทั้งร่มรื่นแห่งเดียวที่นี่ไปกันหมด
เขาเกิดเป็นห่วงครอบครัว มานิก็ด้วย มากกว่าใครๆ ทั้งนั้น ทว่า เวลานี้กลับไม่เหลือใครให้รู้สึกอย่างนั้นอีกแล้ว นอกจากตัวเอง และสุนัขจิ้งจอกขาว ว่าจะทำอย่างไรดีอีกนี่สิ เพราะในหัวสมองของเขากลวงโบ๋เป็นที่เรียบร้อย เมื่อถูกความว่างเปล่า ดั่งหมัดหนักหน่วงอัดเข้าใส่หน้าจนมึนงง
สองเท้าของเด็กชาย อย่างกับเหยียบย่ำบนพื้นดินอ่อนยวบ ดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะดูดร่างโงนเงนอ่อนปวกเปียกนี้ จมหายลงไปในแผ่นดินเสื่อมโทรม ซึ่งแผ่ขยายอำนาจชั่วร้ายครอบงำทั้งหมู่บ้านเสียงสายลมใต้ตลอดจนถูกชะล้างมลายสิ้น
หอกคอยค้ำพยุงก้าวที่เดินโซซัดโซเซ ลื่นถลาหลังกระแทกพิงขอบบ่อน้ำ
เอกาหมุนตัว คอตกก้มหน้า ดวงตาที่เคยไม่ได้จับจุดสนใจสิ่งใดเป็นพิเศษ ครั้นมีสิ่งสะดุดตาเข้าให้อย่างจัง ก็ต้องผวาล้มก้นจ้ำเบ้า ด้วยอารามประหลาดใจหนัก แต่ไม่ได้ผงะถอยออกมา ช่วงอกถึงศีรษะตกกระทบผิวน้ำนิ่งราบเรียบ ต่ำลงไปแค่สุดแขนเอื้อม เห็นเงาสะท้อนทุกองค์ประกอบอันสมบูรณ์ของตัวเขาเอง ไม่ถูกบิดเบือน และต้องการมองให้เห็นความผิดแผกได้ชัดๆ
เอกามีหูสามเหลี่ยมสองข้าง คล้ายหมาป่า แท่งหินแก้วเรืองแสงสกาว ทำให้เห็นสีของเรือนขน เป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับเส้นผมหยักศกทุกเส้น
แล้วสัญชาตญาณของเอกา บอกให้มองสำรวจด้านหลังตัวเอง ว่ามีสิ่งแปลกปลอมรู้สึกไม่ปกติอีกไหม พบว่าตรงบริเวณก้นกบ เขามีหางยาวสีน้ำเงิน ส่วนปลายแหลมของหางสีขาวสะอาดห้อยตก
เด็กชายยังไม่อาจหลุดพ้นออกมาจากภวังค์ ขังตัวเองไว้ในความตื่นตระหนกสุดขีด ตนนั้นได้กลายมาอยู่ในสภาพมนุษย์กึ่งหมาป่าเสียแล้ว เป็นไปได้อย่างไรนั้น เอกาไม่มีทางรู้ถึงคำตอบแท้จริงได้เลย
เจ้าหางก้อนปรากฏตัวตรงหน้า ขณะเกยคางอยู่บนหน้าขาของเขา ตอนที่ขาแข้งเอกาก็ทรุดฮวบนั่งทับส้นเท้าอยู่ที่พื้น มันปลุกเขาตื่นขึ้นมาในโลกความจริงอีกครา ซึ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากให้เป็นเพียงฝันร้าย ระหว่างนิทราเท่านั้นพอ
มือของเขาลูบหัวมันเบามือไปพลาง แววตาเวทนาจับจ้องใบหน้าของเอกา ค่อยๆ คลายทุกข์ระทมอมเอาไว้ ผลิบานออกเป็นรอยยิ้มเนือยๆ ทั้งสุขทั้งเศร้าหมองขณะเดียวกัน เสมือนกลีบดอกไม้ได้หวนกลับมาเบ่งบานรับแสงตะวันแห่งคิมหันตฤดู หลังผ่านพ้นความลำบากอันฝืนทนในอากาศหนาวเหน็บแสนทรมาทรกรรมยามเหมันตฤดูเนิ่นนาน
“ฉันไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับที่นี่กันแน่”
เอการำพึง
“ฉันกลับรู้สึกเหมือนว่าสูญเสียหลายๆ สิ่งอย่างพร้อมๆ กันคราวเดียว จากทุกสิ่งอันเคยมีไปตลอดกาลแล้ว เหลือเพียงฉันลำพังในโลกใบนี้ --- แต่ก็นะ … ไม่รู้สิ ว่าทำไมถึงต้องคิดทำนองนี้น่ะนะ คงเป็นเพราะสภาพหมู่บ้านที่เห็นและที่เป็นอยู่ตอนนี้กระมัง มันไม่ใช่สิ่งลวงตาอย่างฝันร้าย ซึ่งฉันก็ไม่เคยรู้อะไรเลยทั้งนั้น ที่ทำให้เกิดความเลวร้ายครอบงำที่นี่อยู่”
เขาจับจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาของเจ้าหางก้อน สะท้อนเงาเอกา กับแสงสีขาวเรืองจากแท่งคริสตัลประดับหัวหอกบนกระจกตา
“แกจะยังอยู่เคียงข้างฉันไปตลอด จนกว่าฉันจะหาทางเข้าใจอะไรเป็นอะไรในตัวเองมากขึ้นได้ไหม”
ยิ้มแย้มสำนึกขอบคุณบนดวงหน้าของเด็กชาย รับการพยักหน้ารับคำของเจ้าหางก้อน
“ขอบใจแกมากเลยนะ เจ้าหางก้อน”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา