Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Travel Heart
•
ติดตาม
23 มี.ค. 2023 เวลา 02:18 • ท่องเที่ยว
ยอดเขายุงเฟรา
2J เที่ยวสวิสตอนที่ 6
11 ตุลาคม 2565
วันที่ 5 มาด้วยกันไปด้วยกัน
ตื่นขึ้นพร้อมกับกำลังขาที่ลดลง เมื่อวานพลาดแรงกว่าทุกวัน การเดินลงเขาพร้อมแบกอารมณ์ทะเลาะกับเพื่อนร่วมทาง ยังมีควันหลงมาถึงเช้าของวันนี้ ต่างคนต่างพูดน้อยๆ เพราะพูดขึ้นมาทีก็เหมือนจะฟังไม่เข้าหู ชวนให้อยากทะเลาะ อาหารเช้าก็เลือกจากอาหารสำเร็จรูปที่เตรียมมา มื้อกลางวันตกลงกันว่าค่อยไปหาซื้อใน Coop
ระหว่างเดินไปสถานีรถไฟ จะเรียกว่าต่างคนต่างเดินก็ได้ เสียงพูดคุยแทบจะไม่เกิดขึ้น กว่าบรรยากาศจะทำให้เริ่มคุยกันมากขึ้นก็ใกล้ถึงสถานี Grindelwald Terminal เป็นจุดเปลี่ยนขึ้นกระเช้า Eiger Express บัตร Berner Oberland ที่ซื้อมาทำให้เราไม่ต้องต่อคิว แต่ต้องซื้อบัตรต่อขึ้น Jungfraujoch ที่สถานี Eigerglestscher ถือว่าเราก็โชคดีที่พนักงานบอกว่าใช้ Swiss Travel Pass ของวันพรุ่งนี้ลดได้ 50% เพราะใช้บัตร Berner Oberland จะลดได้น้อยกว่า (ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกป่าวนะ เพราะอาจแปลผิดก็เป็นได้ ภาษาก็นะ...)
เพียงไม่กี่นาที Jungfraubahn ก็พาเราขึ้นถึง Jungfraujoch สถานที่ที่ใครๆ ก็บอกว่าเป็น Top of Europe ที่มีความหมายคือ รถไฟขึ้นถึงบนเขาได้สูงที่สุดในยุโรป แต่ถ้าเป็นภูเขาที่สูงสุดในยุโรปไม่ใช่จุงเฟรานะ ลองหาใน Google คือ Mount Elbrus สูง 5,642 m
หลังจากเราและเพื่อนเริ่มคุยกันมากขึ้นอีกครั้งจึงตกลงกันว่าวันนี้จะเที่ยวแบบพักเอาแรงโดยการอยู่ที่ Jungfrau แค่จุดเดียวพอ
จุดแรกของเรา คือ Alpine Sensation Adventure Tunnel เป็นทางเดินเล่าเรื่องราวการสร้างเส้นทางรถไฟที่ต้องขอบคุณผู้คิดและผู้สร้างเพราะทำให้เราได้ขึ้นไปเห็นความสวยงามของธรรมชาติที่สร้างความประทับใจกับคำว่า "ครั้งหนึ่งในชีวิต"
จุดที่ 2 คือ Ice Palace เราเกือบพลาดอีกแล้ว โชคดีที่มีคนเตือนไม่ให้เราใส่แผ่นเสริมรองเท้าเพื่อเดินหิมะเข้าไป เพราะถ้าใส่เข้าไปคงทำให้พื้นน้ำแข็งเป็นรอยแน่ๆ และไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำเตือนที่ดี หลังจากเดินชมจนทั่วอย่างสบายใจ ก็ได้เวลาออกไปชมความงามของยอดเขาสักที
สีขาวของหิมะมีให้เห็นรอบตัวเลย ดีใจมากเพราะได้สัมผัสก้บหิมะเยอะๆ ครั้งแรกในชีวิต ที่ผ่านมาเคยได้สัมผัสแค่หิมะข้างทางที่บางครั้งก็เพิ่งตกเล็กๆน้อยๆ บางครั้งก็ละลายจนความขาวเปื้อนไปด้วยเศษฝุ่นดูไม่ขาวสะอาดตาและดูเหมือนผ่านการเหยียบย้ำมาเยอะ บางครั้งสภาพก็เหมือนน้ำแข็งละลาย ความขาวของหิมะบนยอดจุงเฟราจึงสร้างความประทับให้เรามากจริงๆ
กิจกรรมที่ใครๆ มาถึงจุงเฟราแล้วไม่ควรพลาด คือ การถ่ายรูปกับธงชาติสวิสฯ เพราะทั้ง YouTube Facebooks Instagram หรือ ทุกเครือข่าย Social เรามักจะพบว่าใครก็ตามที่มาจุงเฟราก็มักจะมีภาพถ่ายธงชาติมาอวดเสมอ นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่เข้าแถวต่อกันยาวเป็นสิ่งย้ำเตือนบอกว่าเราก็ไม่ควรพลาด
ระหว่างรอคิวเราก็เก็บภาพถ่ายไปเรื่อยๆ การแซงคิวเพื่อรีบเข้าไปถ่ายก็มีให้เห็นบ้างแต่ก็จะถูกนักท่องเที่ยวที่ต่อคิวลำดับถัดไปร้องบอกให้คนแซงรีบออกไปและพยายามไม่ให้มีคนมาแซงคิวคนอื่นในแถว เราได้เห็นมุมการถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกันของนักท่องเที่ยวคนละสัญชาติแล้วก็ทำให้รู้ดี คิวก่อนหน้าก็ส่งกล้องให้คิวถัดไปถ่ายรูปให้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะพูดภาษาของอีกฝ่ายไม่ได้ คนถ่ายรูปก็เต็มใจถ่ายให้โดยไม่มีข้อแม้
คนถูกถ่ายก็เปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ คนถ่ายก็ถ่ายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคนถูกถ่ายเดินเข้าไปหาคนถ่ายรูปพร้อมกล่าวคำขอบคุณ ภาพที่เห็นก็เปลี่ยนสลับกันอีกครั้ง คนถ่ายรูปก็จะกลายเป็นคนถูกถ่ายแทน คิวต่อไปก็จะเป็นช่างภาพให้ เหตุการณ์ที่เห็นทำให้เรารอคอยได้อย่างเพลิดเพลินเพราะสัมผัสได้ถึงมิตรภาพที่ได้รับจากการเดินทาง เป็นความช่วยเหลือที่ทุกคนยินดีมอบให้คนอื่น เกื้อกูลกันแม้จะไม่รู้จักกันเลยก็ตาม เราจึงชอบการเดินทางเพราะทำให้ได้เห็นการมีน้ำใจ การรู้จักแบ่งปัน และการโอบอ้อมอารีที่มนุษย์มีให้กันเสมอ
เรากับเพื่อนจากที่ตึงเครียดใส่กันตั้งแต่เมื่อวาน มาถึงตอนนี้คุยกันได้ปกติโดยลืมเรื่องที่ทะเลาะไว้เป็นอดีตไปแล้ว ชวนกันถ่ายรูปกับธงทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่ แบบมาด้วยกันไปด้วยกันเลือดสุพรรณเอ๋ยได้อย่างสนุก
หลังจากเก็บรูปจนครบทุกมุมที่เห็น เราจึงเลือกหาโต๊ะว่างและตัดสินใจไม่ไปต่อคิวซื้ออาหาร เพราะตกลงกันว่าจะไม่แบกไก่ย่างจาก Coop กลับลงไป จากไก่ย่างที่ร้อนๆ ตอนนี้เย็นเหมือนเพิ่งออกจากตู้เย็น แต่พอกินแล้วบอกได้เลยว่าอร่อยอย่างบอกไม่ถูก จะบอกรสชาติกำลังดีหรือว่าหิวจากการรอคิว ก็บอกชัดไม่ได้แต่ก็หมดในเวลาอันรวดเร็ว
แวะเข้า Lindt Chocolate เพื่อซื้อของฝาก เลือกเฉพาะเม็ดที่ไม่เคยเห็นในไทย เพราะกลัวคนรับจะคิดว่าซื้อมาทำไม แบกให้เหนื่อยเปล่าๆ ซื้อในไทยก็ได้ (จริงๆ คนรับเค้าคงไม่คิดแต่เราซิคิดไปเองละ 555) ได้ของฝากตัวเองและคนอื่นเรียบร้อยจึงตัดสินใจกลับที่พักเพื่อเอาซื้อผ้าไปซักจะได้มีใส่ในวันที่เหลือของทริป (ความตั้งใจตั้งแต่จัดกระเป๋าคือเอาชุดไปแค่ 6 วัน เพื่อหาที่ซักเพราะไม่อยากใส่ซ้ำและยังกังวลกับโควิด รวมถึงต้องการแบ่งเนื้อที่กระเป๋าเพื่อขนอาหารไปด้วย)
ขากลับเราเลือกลงทางรถไฟเพื่อชมความงามอีกบรรยากาศ สวยไม่แพ้ตอนขึ้นกระเช้า ถ่ายรูปกันเพลินเหมือนเดิม ถ้ามีโอกาสมาอีกครั้งก็จะขึ้นทางรถไฟแล้วลงกระเช้าก็แล้วกัน
กลับถึงที่พักเราได้เจอพี่คนไทยกำลังทำอาหารอยู่ จึงได้พูดคุยสอบถามถึงร้านหยอดเหรียญซักผ้า จึงได้รู้ว่าแถวที่พักมีอยู่ 1 ร้าน จึงลองเดินหาแต่ก็ไม่เจอ อาจเพราะร้านปิดแล้วหรือเดินผิดเส้นทาง จึงตัดสินใจไปซักผ้าที่ Youth Hostel ที่ Interlaken Ost ด้วยการนั่งรถไฟไป 1 สถานี และน่าจะเดินไปอีกไม่ไกลนัก
ขอบอกเลยว่า การแบกกระเป๋าเสื้อผ้าเพื่อไปซักข้ามสถานีไม่ได้สนุกเลย เหนื่อยเพราะเราไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไป เราเลือกแบกไปกับกระเป๋าถือเพื่อให้สะดวกในการขึ้นรถไฟ (น่าจะคิดผิด เพราะถ้าใส่ใบใหญ่ยังลากกระเป๋าได้ หลีกเลี่ยงการยกใบใหญ่ขึ้นรถไฟ แต่เมื่อยมากในการแบก)
ปัญหามีไว้ให้แก้ จะซักผ้าแต่ไม่มีเหรียญหยอดตู้ ทำไงดี โชคเข้าข้างเราเสมอ เจอคนไทยด้วยกันกำลัง Check in เราจึงได้ขอความช่วยเหลือ เด็กน้อยที่มาในกลุ่มได้ยินเราอยากได้เหรียญรีบยื่นเหรียญที่มีให้ในทันที น่าเอ็นดูและขอขอบคุณครอบครัวคนไทยที่ใจดี เราจึงได้ซักผ้า
ความมีน้ำใจของคนไทยพบได้เสมอเมื่อได้ยินเสียงพูดภาษาไทย เพราะห้องซักผ้าเป็นห้องฝากกระเป๋าเดินทาง และอยู่ใกล้ลิฟท์ทางขึ้นตึก เราจึงได้รับช่วยเหลือในการอธิบายว่าไม้ที่ได้มาจากพนักงานใช้ทำอะไร จะถูกหรือผิดไม่รู้ แต่เราเอาไว้กั้นประตูไม่ให้ปิด เพราะกลัวถูกขังอยู่ในห้องซักผ้า และเมื่อเราคุยเหมือนมีความกังวัลใจ คนไทยที่เดินผ่านมาได้ยิน ก็จะได้รีบคำถามว่า “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ/ครับ” เสมอ
การรอคอยเครื่องซักผ้าและอบผ้า ชวนให้ว่างและหิวข้าว เราจึงตัดสินใจสั่งไอติมและข้าวมากินเพื่อฆ่าเวลา ซึ่งก็ช่วยได้ดี เมื่อเวลาผ่านไปจนฟ้ามืด ความกังวัลกลับมาอีกครั้งเราจะกลับที่พักอย่างไรดี แบกเสื้อผ้าไปขึ้นรถไฟ แค่คิดก็เหมือนจะปวดหลัง หาข้อมูลเจอในเน็ตว่ากลับด้วยรถบัสได้ สถานีอยู่ใกล้เราจึงเลือกเส้นทางนี้ในทันที ขอบคุณที่เปิด Roaming ไป จึงใช้หาเส้นทางใหม่ได้ทันท่วงที
วันนี้เพลียเหมือนเมื่อวานเลย แต่ต่างกันที่วันนี้ไม่ทะเลาะกัน ถึงที่พักอย่างมีเสียงพูดคุยมันย่อมดีกว่าต่างคนต่างเงียบ เพราะเรามากันแค่ 2 คน เพื่อเป็นเพื่อนร่วมทาง
เราหลับไปด้วยความตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะขึ้นไปชมทะเลหมอกที่ Schynige Platte - Top of Swiss Tradition คืนนี้ราตรีสวัสดิ์
เคล็ดลับที่เรานำเสนอเพิ่มเติม คือ
1. แผ่นเสริมรองเท้าเพื่อเดินหิมะก็ต้องใช้กับหิมะเท่านั้น อย่าคิดใช้กับพื้นน้ำแข็ง
2. ครั้งหน้าหากต้องการซักผ้าที่สวิสฯ มีหลายร้านให้เลือก แต่ละร้านเปิดและปิดไม่เท่ากัน เราจะค้นหาล่วงหน้าไว้ว่าร้านไหนใกล้ที่พัก จะได้ไม่ต้องหอบเสื้อผ้าไปไกล และจะซักผ้าก็อย่าลืมพกเหรียญไปด้วยนะ
3. หากคิดแวะร้าน Lindt เพื่อซื้อของฝากครั้งหน้าเราจะซื้อที่ร้านอื่น เพราะราคาบนจุงเฟราแพงกว่าข้างล่าง
วิวระหว่างนั่ง Eiger Express
อีกภาพ ภาพนี้เห็น สถานี Grindelwald Terminal
ตั้งใจถ่ายลวดสลิง
สวยแม้มีเงา
Eiger Express
Alpine Sensation Adventure Tunnel
JUNGFRAU - BAHN
Top of EUROPE
Ice palace
Piano
นกอินทรีย์น้ำแข็ง
หมาน้ำแข็ง
รองเท้าและแผ่นเสริมเดินหิมะ
เราเองมีไว้ประดับเรื่องราวในความทรงจำ
MONCH OR EIGER
หิมะ
SNOW
Lindt Chocolate
ลงด้วยรถไฟ
ถ่ายจากหน้าตารถไฟ
อีกภาพที่สวยแม้มีเงา
เหมือนภาพวาด
ชอบเพราะไม่ต้องพกน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มก็ซักได้
อาหารฆ่าเวลา
ท่องเที่ยว
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
2 J เที่ยวเองกับสวิสเซอร์แลนด์
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย