9 ก.ค. 2023 เวลา 12:08 • ท่องเที่ยว
ทะเลสาบเออชีเนิน

2J เที่ยวสวิสตอนที่ 7

12 ตุลาคม 2565
วันย้ายเมือง
วันนี้เราตื่นเช้ากว่าทุกวันเพราะตั้งใจไป 2 แห่ง คือ Schynige Platte และ Oeschinensee จากนั้นจะย้ายเมืองจาก Interlaken ไป Luzern แผนที่คุยกันเมื่อคืนก็ต้องถูกเปลี่ยนอีกครั้ง เพราะเพื่อนเราตื่นไม่ไหว ร่างกายเพลียมาก จึงตกลงกันใหม่ว่า เราจะขึ้นไปดูทะเลหมอกคนเดียว ระหว่างที่ให้เพื่อนนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องและเราจะกลับมาให้ทันก่อน 9.00 น เพื่อฝากกระเป๋าแล้วเดินทางไป Oeschinensee
การเดินทางเริ่มก่อนท้องฟ้าจะสว่าง ทางเดินไปสถานีรถไฟที่เริ่มคุ้นชินมากขึ้นไม่ได้ดูน่ากลัว ระหว่างเดินก็ดูตารางรถไฟไปด้วยไม่นานก็ถึงสถานี การเดินทางไป Schynige Platte เราจะนั่งรถไฟที่เก่าแก่ไต่ขึ้นยอดเขาและเป็นรถไฟหัวจักรไอน้ำแบบโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1894 ขึ้นไปชมทะเลหมอกระหว่าง 2 ข้างทาง ที่เปิดให้ขึ้นชมประมาณปลาย พฤษาคม ถึง ปลายตุลาคม ของทุกปี ระหว่างทางจะได้ชมวิวเมือง Interlaken รวมถึงได้เห็น ทะเลสาบ Thun และ ทะเลสาบ Brienz ด้วย
ด้านบนมีร้านอาหารและมีเส้นทาง Trekking ให้เดินชมความงาม แต่เราทำได้แค่นั่งรถไฟไปถึงสถานีด้านบนและขึ้นรถไฟขบวนเดิมกลับเท่านั้น เล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนคงว่าบ้าเปล่าเนี่ยไปถึงแล้วก็นั่งกลับเลย ไปทำไมเสียเวลา เราเองก็อยากว่าตัวเองแบบนั้น แต่วิว 2 ข้างทางระหว่างทางขึ้นกับทางลง บอกได้เลยว่าถ้าไม่ได้ไปจะผิดหวังมากกว่า ถึงแม้ตอนขึ้นไปจะมีละอองฝนทำให้ต้องคอยเช็ดกระจกและมองด้านนอกไม่ชัดก็ตาม
ได้เห็นยอดจุงเฟราอีกครั้งเมื่อขึ้นถึงยอดเขาแม้อากาศจะไม่สดใส เราออกจากรถเพื่อสัมผัสพื้นด้านบนด้วยอารมณ์ "ถึงแล้วจ้า" และถ่ายรูปไว้เป็นระลึกว่าถ้ามีโอกาสจะกลับไปเที่ยวใหม่นะ แล้วก็กระโดดขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางกลับในบรรยากาศที่ทั้งโบกี้เป็นของเรา ขากลับฟ้าสว่างมากขึ้นทำให้เห็นวิว 2 ข้างทางชัดเจน บอกอีกครั้งว่าคุ้มค่ากับการนั่งรถเล่น รถไฟยังคงแล่นผ่านเส้นทางเดียวกับขาขึ้นแต่อารมณ์คนโดยสารเปลี่ยนไป ร่าเริงกว่าเดิมเพราะเดินไปหน้าต่างโน้น หน้าต่างนี้ตามใจชอบ ไม่มีคนอื่นให้ต้องเกรงใจ สนุกสนานไปอีกแบบ
เมือง Interlaken อยู่กลางระหว่างทะเลสาบ มีหมอกลอยอยู่ด้านบนเป็นภาพที่สวยงามและประทับใจ เสียดายที่เพื่อนไม่ได้มาด้วย จะได้แบ่งกันถ่ายรูป และสลับกันอัดคลิป จากประสบการณ์เวลาขากลับมักเร็วกว่าขาไปเสมอในความรู้สึกของเรา เผลอแป๊บเดียวรถไฟก็ถึงสถานี เรารีบต่อขบวนเพื่อกลับไปยังที่พักด้วยความอิ่มเอมใจ
เพื่อนตื่นนอนนานแล้วเพราะนอนต่อไม่ได้ อาหารเช้าจึงพร้อมให้กองทัพได้เติมพลังก่อนเดินทาง หลังจากถามไถ่อาการว่าเพื่อนน่าจะเดินทางไหว กระเป๋าจึงถูกนำไปฝากในห้องเก็บกระเป๋าและการเดินทางของคู่หู 2J จึงเริ่มต้นอีกครั้ง
พวกเราต่อรถไฟไปสถานี Spiez จากนั้นต่อไป Kandersteg และเดินไปทางถนน Bahnhofstrasse ข้ามแม่น้ำสายเล็กๆ เพื่อขึ้นกระเช้าไป Oeschinensee บัตรเบ่ง Regional-Pass Berner Oberland ทำให้เราสามารถขึ้นกระเช้าได้โดยไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋ว ระหว่างทางใช้เวลาไม่นาน ถ่ายรูปเพลินๆ พริบตาเดียวก็ถึงจุดหมาย สิ่งแรกที่ทำให้ตื่นเต้นคือ Mountain Coaster เป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดอย่างมาก
Mountain Coaster ยาว 750 เมตร เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่เล่นดี วิวสวยและสนุกจนอยากเล่นอีกรอบ แต่ทะเลสาบยังรอเราอยู่ จากสภาพร่างกายที่ยังเพลียสะสมจากการเดินหลายวันที่ผ่านมาและยังต้องเดินอีกหลายวัน ทั้งๆ ที่ตอนอยู่เมืองไทยกิจกรรมหลักคือการนั่งโต๊ะทำงาน ทำให้พวกเราเลือกขึ้นรถโดยสารเพื่อเดินทางไปทะเลสาบน่าจะดีกว่าเดิน
หลายบทความเขียนว่าทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่เที่ยว Unseen เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมน้อยกว่าสถานที่อื่นๆ จากที่อ่านมา Oeschinensee เป็นทะเลสาบในหุบเขา Bernese Oberland และตั้งแต่ปี 2007 สถานที่แห่งนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกจาก UNESCO เราบอกเลยว่าสมคำล้ำลือและสมหวังจริงๆ ที่เลือกที่เที่ยวแห่งนี้ไว้ในทริป สีน้ำสวยประทับจิตประทับใจ มุมโน้นก็ดี มุมนี้ก็ได้ เดินไปถ่ายรูปไปแบบลืมความเพลียไปได้อย่างง่ายดาย
ความตั้งใจแรกอยากลองชิมปลาจากทะเลสาบที่มีคนเขียนรีวิวว่าสด อร่อย ชวนให้พวกเราเลือกร้านที่จะลองชิม นั่งรอสักพักเห็นโต๊ะอื่นๆ ก็กำลังรออาหารอีกหลายโต๊ะ เพื่อนจึงชวนเปลี่ยนแผนไปหากินที่อื่นจะดีกว่าเพราะเริ่มหิวแล้ว ขนมปังจึงเป็นของรองท้องไปก่อนระหว่างเดินทางกลับที่พัก
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่กับการขึ้นรถไฟกลับมาอีกครั้ง รอบนี้ดีกว่ารอบที่แล้ว ประสบการณ์มักสอนเราเสมอ ความผิดพลาดในการลากกระเป๋าขึ้นรถไฟแบบทุลักทุเลด้วยการยกกระเป๋าลงบันไดเพื่อไปให้ทันรถไฟใน 5 นาทีทำให้เราเลือกขบวนรถที่วิ่งตรงถึง Luzern เพียงขบวนเดียว
รถไฟค่อยๆ เคลื่อนเทียบชานชาลา ความใหญ่โตของสถานีแตกต่างกับที่ Interlaken อย่างเห็นได้ชัดสถานีมีร้านขายของมากมาย มีหลายชั้น ผู้คนคึกคัก จนเริ่มสร้างความกังวลในการหาที่พักขึ้นมา ออกประตูไหนดี Google Map ทำเรา งง เล็กน้อย เมื่อเริ่มจับทิศทางได้ชัดเจนเราและเพื่อนไม่รอช้ามุ่งมั่นลากกระเป๋าไปตามทางเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เส้นทางเดินที่เราเลือกคือเลียบแม่น้ำทำให้เราได้ผ่าน Chapel bridge ก่อนถึงที่พัก
ห้องที่ทางโรงแรมแจ้งว่าอัพเกรดให้เป็นห้องใต้หลังคา ห้องดูกว้างดี บรรยากาศโดยรวมใช้ได้ แต่หากเราเก่งภาษาอีกนิดจะถามว่าถ้าเป็นห้องที่เราจองไว้จะได้ห้องแบบไหนคะ? เพราะดูแล้วก็เหมือนห้องปกติทั่วไป อ่างล้างหน้าอยู่ปลายเตียง ห้องน้ำอยู่ด้านใน มีโต๊ะที่เหมาะกับการไว้หุงข้าว มีโซฟาและที่นั่งใต้หลังคาสามารถใช้วางกระเป๋าได้ สรุปห้องดูใหญ่กว่าที่พักที่ Interlaken สิ่งนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการอัพเกรดก็แล้วกัน
พวกเราสามารถหลับได้อย่างรวดเร็วด้วยความเพลียสะสมจากการเดินทาง พรุ่งนี้ยังมีโปรแกรมอีก คาดหวังว่าจะได้ไปถ่ายรูปกับสิงโต Lion Monument หลังจากลับจาก Titlis นะ ราตรีสวัสดิ์
เคล็ดลับที่เรานำเสนอเพิ่มเติม คือ
1. รอบหน้าเราจะชิมขนมปังด้านล่างเขาแทน เพราะด้านบนเขาแพงกว่า 2 เท่า เราเข้าใจได้เพราะการแบกของขึ้นเขาเหนื่อยกว่าและมีค่าใช้จ่ายมากกว่า ส่วนเราคนชิมก็ควรเลือกสถานที่ซื้อด้วยจะได้คุ้มค่า ซึ่งหากมองอีกมุมก็คุ้มค่านะเพราะเราได้กินขนมปังบนเขาที่เรียกว่าสักครั้งในชีวิต
2. แผนล่มและเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เราต้องเตือนตัวเองเพราะจะได้สนุกไปกับการสิ่งจะพบเจอ มากกว่ารู้สึกหงุดหงิดและเสียอารมณ์ เพราะวันนี้เราเปลี่ยนแผนตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงเข้านอนเลยละ
3. ถึงอย่างไรเรื่องภาษาก็ยังสำคัญเพราะเราต้องสื่อสารกับผู้อื่นในมือถือจึงควรมี App แปลภาษาไว้เสมอ หากมีปัญหาเกิดขึ้นเราจะได้พร้อมใช้
สถานี Wilderswil
ฟ้าใกล้สว่างแล้ว ณ Wilderswil
รอรถไฟมารับ มาเร็วๆ อยากนั่งแล้ว
ภาพขาขึ้น
ถึงแล้ว อยากเดินไปเที่ยวจังเลย
รถไฟขาขึ้น - รถไฟขาลง
ภาพด้านบน เก็บไว้เป็นที่ระลึก
ทั้งโบกี้เป็นของเรา หนุกหนานจัง
ภาพขาลง
กลับมาถึงสถานี Wilderswil อีกครั้งฟ้าสว่างแล้ว
2J พร้อมลุย
Spiez Station
Kandersteg
มุมเกือบเดียวกัน แต่คนละกล้อง
ไป 2 คน ก็ต้องได้ภาพ 2 แบบจาก 3 กล้องใช่ปะ
เส้นทาง Mountain Coaster … อยากเล่นอีก
ระหว่างนั่งรถไปทะเลสาบ
Oeschinensee แบบสวยทุกมุม
เก็บตก Interlaken

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา