22 ธ.ค. 2022 เวลา 11:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
It's a Wonderful Life (1946) - คืนอัศจรรย์วันคริสต์มาสที่บอกเล่าความหมายของชีวิตอย่างงดงาม
It’s a Wonderful Life แสดงให้เห็นว่า ชีวิตของมนุษย์ทุกคนบนโลกคือ สิ่งสำคัญ... และนี่เป็นสารอันทรงพลังที่ถูกส่งมาจากภาพยนตร์
Steven Spielberg
สวัสดีครับทุกท่าน ! ใกล้ถึงเทศกาลคริสต์มาสต์ประจำปี 2022 วันนี้ผมจึงอยากจะมาแนะนำภาพยนตร์คลาสสิคประจำเทศกาลคริสต์มาสต์อย่างเรื่อง It's a Wonderful Life (1946) ที่ตอนนี้มีฉายบน Netflix
ถ้าให้กล่าวถึงคุณงามความดีของเรื่องนี้ รับรองว่า พิมพ์ไม่หมด เพราะ นี่คือหนึ่งในหนังอมตะที่ได้รับการยกย่องในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ตัวหนังการันตีความยอดเยี่ยมด้วยการเข้าชิงออสการ์ 5 รางวัล (รวมสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม)
สำหรับคะแนน IMDB ก็ได้รับการโหวตสูงถึง 8.6 (Top rated movie #21) ในฟาก Metascore ก็ได้รับคำแนนวิจารณ์ 89 คะแนน ซึ่งถือว่าสูงมาก !
คะแนนจาก IMDB
นอกจากนี้ It's a Wonderful Life (1946) ยังได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในหนังภาพยนตร์คริสต์มาส และภาพยนตร์อเมริกันที่ให้แรงบันดาลใจตลอดกาล รวมถึงถูกบรรจุชื่อไว้ในหอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติ หรือ National Film Registry (NFR) ของสหรัฐ ฯ
กล่าวชมมาถึงขนาดนี้ ขออนุญาตเข้าส่วนรีวิวเลยแล้วกัน... หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ
[ เรื่องย่อ ]
It's a Wonderful Life (1946) ได้รับการกำกับโดย Frank Capra
เนื้อเรื่องเริ่มต้นในคืนคริสต์มาสต์อีฟ ณ เมือง Bedford Falls ในคืนนั้นมีเสียงวิงวอนถึงพระเจ้า เพื่อขอพระเจ้าช่วยเหลือ "จอร์จ เบลีย์ (James Stewart)" ที่หายตัวไป พระเจ้าจึงมอบหมายหน้าที่ให้กับ "คลาแรนซ์" เทวดาชั้นสอง ให้ไปช่วยชีวิตจอร์จ
ขณะเดียวกัน ก็มีการเล่าถึงชีวิตของจอร์จว่า ทำไมทุกคนถึงเป็นห่วงเขา ทุกคนในเมืองเป็นหนี้บุญคุณจอร์จมากขนาดไหน...
[ ความรู้สึกหลังชม ]
เกริ่นก่อนว่า ได้ดูเรื่องนี้บน Netflix โดยความบังเอิญ (คาดว่า Netflix คงจะ Personalized ให้เรียบร้อยแล้ว 😂) ไม่น่าเชื่อว่า แม้เวลาจะผ่านไปจะเกือบ 80 ปี แต่ It's a Wonderful Life ยังเป็นหนังที่สนุกและมีสารอันทรงพลังที่สะกดทุกคนให้อิ่มเอมตามได้
- ส่วนแรกที่ประทับใจ คือ "สารที่หนังสื่อออกมาถึงความหมายและคุณค่าของชีวิต"
โลกจะเป็นอย่างไร ถ้าเราไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้...
คำถามที่น่าสนใจในวันที่เราอดทนเดินทางมาจนถึงวันนี้ หลายปีที่ผ่านมา มีทั้งความสุขและความผิดหวังผสมปนเป ทว่าในวันที่ความผิดหวังและความเหนื่อยล้าถาโถมจนอาจรู้สึกว่า "ทำไมชีวิตเราถึงไร้ค่าและน่าผิดหวัง" และ "จริง ๆ แล้ว ชีวิตที่เราเกิดมามีคุณค่าแค่ไหน ?"
เชื่อว่า "จอร์จ เบลีย์" ก็รู้สึกแบบเดียวกันในคืนคริสต์มาสอีฟ เป็นเหตุให้เขาคิดสั้นฆ่าตัวตาย จน "คลาแรนซ์" ได้ฉายภาพให้จอร์จดูว่า ทุกอย่างจะเป็นอย่างไร ถ้าจอร์จไม่ได้เกิดมาบนโลก ?
สิ่งที่เห็นเลวร้ายกว่าที่คิด
  • ใครจะช่วยเหลือน้องชายเขาจากอุบัติเหตุ
  • ใครจะเตือนเจ้าของร้านขายยาที่ส่งยาพลาดจนเกือบติดคุก
  • ใครจะดูแล "แมรี่" ภรรยาของเขาให้มีความสุข
  • ใครจะช่วยเหลือให้ชาวเมืองเบดฟอร์ด ฟอลส์ ให้ลืมตาอ้าปากได้ ไม่ต้องทนโดนเอารัดเอาเปรียบจาก "พอตเตอร์" นายทุนขี้เหนียวที่ขูดรีดชาวเมือง
จอร์จ และครอบครัว
ภาพที่ฉายดูน่าอัศจรรย์ มันเป็นภาพที่ทำให้เราตระหนักว่า "ชีวิตคือ สิ่งอัศจรรย์ของโลกใบนี้" และ "การอุทิศตนเพื่อผู้อื่น ทำให้ชีวิตมีคุณค่ามากขนาดไหน" ทั้งเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากทำดีแก่คนรอบข้าง เพื่อความสุขของทุกคน
แน่นอนว่า เรื่องทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านวันคริสต์มาสอีฟ ซึ่งก็ช่วยให้วันคริสต์มาสในปีนี้ เป็นวันที่มีความหมายกว่าเดิม อย่างน้อยก็ในชีวิตและครอบครัวของจอร์จ
- ส่วนถัดมาที่ชอบ คือ "การร้อยเรียงองค์ประกอบภาพยนตร์" น่าชื่นชมว่า หนังมีองค์ประกอบที่ประกอบกันพอดิบพอดี
แม้วิธีการเล่า / สไตล์บางอย่างอาจจะเชยในยุคนี้ แต่ด้วยสารอันหนักแน่นและวิธีเล่าเรื่อง ก็ช่วยให้คนดูอินตามหนังได้ไหลลื่น การบ่มเรื่องในช่วงต้นและไประเบิดในช่วง Climax ก็ทำได้เยี่ยม พาให้ผู้ชมน้ำตานอง ซึ้งอิ่มเอมใจ (ฟีลลิ่งเหมือนท้ายเรื่องของ Schindler's List)
ถ้าพูดถึงความยาวหนัง ตัวหนังยาวประมาณ 2 ชั่วโมง ถือว่าใกล้เคียงกับความยาวหนังในปัจจุบันที่ทุกคนคุ้นเคย
ดังนั้นในภาพรวม ถือว่าเป็นหนังที่เข้าถึงได้ไม่ยาก และหากดูด้วยความเปิดใจ ทุกคนสามารถอินและเพลิดเพลินไปกับหนังได้อย่างประทับใจ
จอร์จและชาวเมืองที่รวมตัวกันช่วยเขาในยามลำบาก
- พาร์ทนักแสดง ที่โดดเด่นที่สุด ขอยกเครดิตให้ James Stewart ในบทเบลีย์ แสดงโดดเด่น จนเข้าชิงออสการ์ ส่วนนักแสดงท่านอื่น ๆ ก็แสดงได้น่าประทับใจ
- ซีนที่ทรงพลังที่สุด ขอยกให้เป็นซีนท้ายเรื่อง ที่มีการร้อง อย่าง "Auld Lang Syne (สามัคคีชุมนุม)" เรียกว่าพอเข้าซีนนี้มา พาเอาต่อมน้ำตาแตกได้ง่าย ๆ 😭
- นอกจากนี้ หลาย ๆ ซีนก็มี Quote ที่น่าจดจำ เช่น
-- "ผู้มีมิตรสหาย ย่อมไม่มีวันล้มเหลว (No man is a failure who has friends.)" :
คำคมอมตะจากวรรณกรรมเรื่อง ทอม ซอว์เยอร์ผจญภัย (The Adventures of Tom Sawyer) โดยคลาเรนซ์ได้เขียนคำนี้ถึงจอร์จ ซึ่งมีความหมายว่า จอร์จจะไม่มีวันล้มเหลว เพราะ มีเพื่อนมากมายคอยอุ้มชูในวันที่เขาลำบาก
-- "เขาคือคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมือง (To my big brother George, the richest man in town.)" :
แฮร์รี่ น้องชายของจอร์จที่เพิ่งกลับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้กล่าวสดุดีถึงจอร์จว่า "เขาคือผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในเมือง"
จอร์จอาจไม่ได้มีเงินมีร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่สิ่งที่จอร์จมีคือ ความรวยจากไมตรีจิต น้ำใจ และความดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีวันแห้งเหือด... ว่าไปแล้ว ก็อาจล้ำค่ากว่าความรวยจากทรัพย์สินเงินทองเสียอีก
- ในเรื่องมีเพลงที่น่าสนใจอย่างเพลง Buffalo Gals Won't You Come Out Tonight? ซึ่งเป็นเพลงที่พระเอกและนางเอกร้องอยู่บ่อย ๆ เพราะดีเหมือนกัน
[ ปิดท้าย ]
สุดท้ายนี้ ก็ขอบคุณที่อ่านรีวิวมาถึงตรงนี้นะครับ... ผมเห็นหนังคลาสสิคมีคุณค่า ก็อดมาแบ่งปันไม่ได้ หากใครสนใจก็แนะนำเลยครับ รับชมได้บน Netflix
ขอปิดท้ายด้วย บทอาขยาน "กฤษณาสอนน้องคำฉันท์" ที่เราเรียนกันสมัยเด็ก ซึ่งเข้ากับข้อคิดที่ได้จาก It's A Wonderful Life... ขอให้วันคริสต์มาสในปีนี้เป็นวันที่มีความสุขนะครับ สวัสดี !
" พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา... "
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพุดคุยหรือติดต่อกับผม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา