31 ธ.ค. 2022 เวลา 03:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Avatar: The Way of Water (2022) - การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ Avatar ในวิถีแห่งสายน้ำ
สายน้ำไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ... สายน้ำเชื่อมโยงทุกสรรพสิ่ง ชีวิตจวบจนความตาย ความมืดมิดสู่แสงสว่าง
สวัสดีครับทุกท่าน ! หลังจากที่ Avatar: The Way of Water เข้าฉายและทำรายได้ถึง 1 พันล้านเหรียญ เป็นที่เรียบร้อย ตัวผมซึ่งดองเอาไว้นานมาก เพราะ ตั้งใจว่าจะไปโรง IMAX 3D Laser สุดท้ายก็ขอยอมแพ้ ไปหาดูโรง 3D ธรรมดาแทน หลังจากที่รับชม ก็รู้สึกว่า Cinematic Experience ที่ได้รับมาประทับใจอย่างที่คาดหวังไว้ และรู้สึกอิ่มเอมตลอดทั้ง 3 ชั่วโมง
วันนี้จึงอยากจะมาแชร์รีวิว แบ่งปันความคิดเห็นนะครับ ไหน ๆ ก็เป็นหนังฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี อดไม่ได้ที่จะต้องเขียนรีวิวส่งท้ายปีสักหน่อย
[ เรื่องย่อ ]
Avatar: The Way of Water (2022) ภาคต่อจาก Avatar (2009) ภายใต้การกำกับของ James Cameron
เรื่องราวในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากภาคแรกไปประมาณ 10 ปี หลังจากที่ ครอบครัวซัลลี่ (เจค เนย์ทีรี่ และลูก ๆ ของพวกเขา) อาศัยอยู่บนดาวแพนดอร่าอย่างสงบสุข
ความวุ่นวายครั้งใหม่เกิดขึ้น เมื่อ "คนจากฟ้า" หรือ "มนุษย์โลก" วนกลับมาที่ดาวนี้อีกครั้ง เพื่อวางแผนเปลี่ยนดาวแพนดอร่าให้กลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ของพวกเขา อีกทั้งมีการตั้งทีมไล่ล่าเจค ส่งผลให้เจคเลือกที่จะอพยพครอบครัวไปอยู่กับ เผ่าแมทคยิน่า (Metkayina) ที่เป็นพันธมิตรของเจค โดยตัวเจคและครอบครัว ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการใช้ชีวิตกับสายน้ำแทนที่จะอาศัยอยู่ในป่าเขาแบบในอดีตที่ผ่านมา
[ ความรู้สึกหลังชม ]
ความรู้สึกหลังจากที่ดูจบ รู้สึกว่า "หนังสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ชมได้ยอดเยี่ยม" ทั้งในขาเทคนิคที่ต้องยกให้เป็นเบอร์ 1 ด้าน CGI กับอีกขา คือ ด้านบทภาพยนตร์ ซึ่งทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวได้ดีเช่นกัน
- เหมือนกับที่ทุกเพจชม พาร์ทที่เป็นไฮไลท์ที่สุดของหนัง ได้แก่ "งานภาพอันน่าตกตะลึง (Spectacular & Stunning)" ช่วงที่หนังอยู่พาร์ทป่าเขา เราอาจจะคุ้นเคยภาพต่าง ๆ จาก Avatar 1
แต่พอเข้าสู่พาร์ทท้องทะเล เชื่อว่าทุกคนต่างอ้าปากค้างถึงความมหัศจรรย์ของ CGI ที่ทำให้เส้นแบ่งระหว่างโลกจริงกับจินตนาการเลือนหายไป น้ำทะลเนียนใสเหมือนของจริง ชนิดที่แยกแทบไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือ CG
โลอักบนหลังพญาคาน... น้ำใสจนนึกว่าของจริง
นึกถึงเรื่อง Waterworld (1995) ที่ยกกองกันไปถ่ายในทะเลสุดหฤโหด... มาในปี 2022 เรามาถึงขั้นที่สร้างทุกอย่างได้ในสตูดิโอ
จุดนี้เอง ต้องยกนิ้วให้ว่า Avatar เป็นหนังอีกเรื่องที่แสดงความทะเยอทะยานของมนุษย์ว่า "เราจะทลายขีดจำกัดในการสร้างภาพยนตร์ได้แค่ไหน" ขอเพียงมีวิสัยทัศน์ที่ดีและงบประมาณที่พอ ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยีของมนุษย์
- ในส่วนบทภาพยนตร์ เห็นหลายคนบอกว่า ภาคนี้บทดูดร็อปไป มีความขัดใจบางอย่าง ก็ขอบอกว่า บทมันก็คลิเช่อย่างที่ว่าจริง ๆ 😂 แต่เป็นคลิเช่ที่ทำได้ดีแบบที่เจมส์ คาเมรอน ถนัด โครงสร้างหนังกว้างและลึกเพียงพอกับการรองรับเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ในจักรวาลแพนดอร่า
ถ้าเทียบกับหนังกลุ่มแรก "กลุ่มหนังมหากาพย์ที่เข้าชิงออสการ์บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม" (เช่น LOTR หรือ Dune) ต้องบอกว่า บทหนังของ Avatar อาจไม่ได้มีดีเทลเชิงเรื่องราวที่ลึกละเอียดอย่างสองเรื่องที่กล่าวมา แต่ยังคงมีความลึกในด้านจินตนาการของดาวแพนดอร่า
ขณะที่ถ้าไปเทียบกับกลุ่มที่สอง หรือ "กลุ่มหนัง Commercial ฟอร์มยักษ์ (รวมถึงหนังฮีโร่)" อันนี้ดูเป็นตัวเลือกที่น่าเทียบ ไม่ว่าจะพล็อตตัวละครฟื้นคืนชีพ พล็อตเด็กชอบก่อเรื่องวุ่นวาย ไปจนถึงการไล่ฆ่ากันไปมาระหว่างฮีโร่และวายร้าย... นี่มันพล็อตสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ 😂
อย่างไรก็ตาม อาจจะต่างบ้าง ตรงภาษาภาพยนตร์ของ Avatar ทำได้สวยและเนี้ยบฉบับมาตรฐานเจมส์ คาเมรอน เช่น โทนเรื่องที่ซีเรียสจริงจัง (ไม่ยิงมุกจนเป็นหนังบันเทิง) หรือโทนเรื่องที่พ่วงปรัชญาธรรมชาตินิยม มุมกล้อง (Cinemathography) ดนตรีประกอบสุดยิ่งใหญ่
สิ่งเหล่านี้ ส่งผลให้หนังมี "ความเป็นภาพยนตร์ (Cinema)" ชั้นเชิงทางศิลปะ และความเป็นกวีที่เปี่ยมสมบูรณ์กว่ากลุ่มหนังฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น
เจคและเนเทยัม
- ประเด็นต่าง ๆ ในเรื่อง โดยรวมมีกลิ่นอายบางส่วนคล้ายกับภาคแรก ความรักของครอบครัว ความเสียสละ การสู้เพื่อปกป้องถิ่นฐานตนเองกับการล่าอาณานิคมทางดวงดาว การปะทะกันระหว่างอารยธรรม ทุนนิยมที่จ้องหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม จิตวิญญาณ ความรักในธรรมชาติ สายน้ำกับความหมายของชีวิต
และท้ายที่สุด การเติบโตเปลี่ยนแปลงของตัวละคร เพื่อปกป้องสิ่งที่ตนหวงแหน...
สำหรับประเด็นที่ชอบที่สุด ก็คือ เรื่องการพูดถึง "วิถีของสายน้ำ (The Way of Water)" หนังถ่ายทอดความหมายของสายน้ำกับชีวิตของชาวนาวีได้คมคาย ซึ่งช่วยขับธีมเรื่องที่เกี่ยวกับสายน้ำให้โดดเด่น และเป็นหัวใจของ Avatar ในภาคนี้
" The way of water has no beginning and no end,
The sea is around you and in you,
The sea is your home, before your birth and after your death.
Our hearts beat in the womb of the world,
Our breath burns in the shadows of the deep,
The sea gives and the sea takes.
Water connects all things, life to death, darkness to light. "
" วิถีของสายน้ำไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ
ทะเลอยู่รอบตัวเรา ทั้งภายนอกและภายใน
บ้านเราอันแท้จริง คือ ทะเล ทั้งก่อนเกิดและหลังความตาย
หัวใจเราล้วนเต้นอยู่ในครรภ์ของโลก
ลมหายใจเราต่างแผดเผาในเงาแห่งความมืดมิด
ทะเล คือผู้ให้และผู้ทำลาย
สายน้ำเชื่อมโยงทุกสรรพสิ่ง ชีวิตจวบจนความตาย ความมืดมิดสู่แสงสว่าง "
Tsireya - Avatar: The Way of Water
ทูค (Tuktirey) ลูกของเจค
- พาร์ทดนตรีประกอบภาพยนตร์ ยังไพเราะเหมือนเดิม แม้ว่า James Horner คอมโพเซอร์คู่บุญของคาเมรอนที่ทำดนตรีในภาคก่อน จะล่วงลับไปแล้ว แต่ธีมดนตรียังคงสะท้อนความเป็น Avatar เป็นอย่างดี ผ่านการสานต่อโดย Simon Franglen
อาจมีจุดเพิ่มเติมนิดนึง ก็เป็นเรื่อง Sound กว้าง ๆ ในโลกใต้น้ำ ถ้าใส่ให้อลังการกว่านี้อีกก็จะเยี่ยมเลย 😂
ส่วนงาน Sound Efffects ออกมาเนี้ยบสมจริง ใครดูในโรง Zigma คงจะมันส์หูดับตับไหม้ 🤣
[ สรุป ]
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ที่จะยกย่องว่า Avatar คือ หนังเรื่องหนึ่งที่ "ยิ่งใหญ่" ที่สุดในโลกภาพยนตร์
Avatar ในภาคนี้ มีความเป็นมหากาพย์ที่เต็มไปด้วยหลากหลายเรื่องราว ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างใหญ่ของผู้กำกับ ทุกอย่างถูกสะท้อนผ่านภาพยนตร์ในระยะเวลา 3 ชั่วโมง ชนิดที่พอดิบพอดี งดงาม น่าประทับใจ
ในส่วนเนื้อเรื่อง มันคือ ยำรวมมิตรที่เอาส่วนดี ๆ จากภาพยนตร์หลายเรื่องมารวมกันตามมุมมองผู้กำกับ และถ้ากล่าวอีกนัยหนึ่ง Avatar ก็เป็นอาหารที่กินอร่อยทีเดียว อาหารจานนี้ อาจไม่ใช่อาหารที่เด่นในการโชว์เทคนิคอันลึกล้ำของตัวเชฟ (บทหนังอันแพรวพราว) แต่มีจุดเด่นที่เชฟรวมวัตถุดิบล้ำค่า (ราคาหูฉีก) ไว้ด้วยกันในจานยักษ์ใบเดียว พร้อมกับปรุงออกมาในรสชาติที่กลมกล่อมกินง่าย จะชาวบ้านหรือพระราชา ก็อร่อยถูกปากเหมือนกัน
ก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่า จะมีผู้กำกับคนไหนที่จะของบทำหนังระดับพันล้านเหรียญ ได้แบบ James Cameron แถมยังคงสร้างมาตรฐานหนังออกมาอย่างยิ่งใหญ่สมกับงบประมาณที่ลงทุนไป... รอดูภาคต่อไปเลยครับ หวังว่ามาตรฐานแกจะไม่ตก !
[ เพิ่มเติม ]
บทความดี ๆ จาก The Cloud ที่เล่าเจาะลึกถึงไอเดียและเบื้องหลังของ Avatar อย่างละเอียด
ป.ล. ในปีนี้ รู้สึกโชคดีที่ได้เห็นหนังฟอร์มยักษ์ดี ๆ หลายเรื่อง ส่วนตัวขอยกให้ The Batman, Top Gun: Marverick และ Avatar: The Way of Water เป็นสามที่สุดในปีนี้เลย
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพุดคุยหรือติดต่อกับผม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา