24 ธ.ค. 2022 เวลา 04:32 • ไลฟ์สไตล์
๏ ปริเฉทที่ ๑๗ (ตอน ๒)
กปิลวัตถุคมณปริวรรต
เรื่องวงศ์ของพระพุทธเจ้า
**********
~ ประเพณีของพระพุทธเจ้า ~
วันรุ่งขึ้นพระศาสดาทรงแวดล้อมด้วยภิกษุสองหมื่นองค์
เสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังกรุงกบิลพัสด์.
ไม่มีใคร ๆ จะไปนิมนต์หรือรับบาตร
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับยืนที่เสาเขื่อน
ทรงพระรำพึงว่า
พระพุทธเจ้าในปางก่อนทั้งหลาย
เสด็จเที่ยวบิณฑบาตในพระนครของตระกูลอย่างไรหนอ
ได้เสด็จไปยังเรือนของอิสรชนโดยข้ามลำดับ
หรือเสด็จเที่ยวจาริกไปตามลำดับตรอก
แต่นั้นไม่ได้ทรงเห็นแม้พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งเสด็จไปโดยข้ามลำดับ
แล้วทรงพระดำริว่า
"นี้เท่านั้นเป็นวงศ์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น
นี้เป็นประเพณีของเรา
แม้เราก็ควรจะดำรงไว้ ในบัดนี้"
และสาวกทั้งหลายของเราสำเหนียกตามเราอยู่นั่นแล
จักบำเพ็ญบิณฑบาตจาริกวัตรต่อไป
จึงเสด็จเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับตรอก
ตั้งแต่เรือนที่ตั้งอยู่ในที่สุดไป
**********
~ พระนางพิมพาทรงทราบการเสด็จบิณฑบาต ~
มหาชนเล่าลือกันว่า ได้ยินว่า
สิทธัตถกุมารผู้เป็นเจ้าเที่ยวไปเพื่อก้อนข้าว
จึงเปิดหน้าต่างบนปราสาทชั้นที่ ๒
และชั้นที่ ๓ เป็นต้น ได้เป็นผู้ขวนขวายเพื่อจะดู.
ฝ่ายพระนางพิมพาเทวี (มารดาพระราหุล)
ทรงพระดำริว่า
"นัยว่าพระลูกเจ้าเสด็จเที่ยวไปด้วยวอทองเป็นต้น
โดยราชานุภาพยิ่งใหญ่ในพระนครนี้แหละ"
"บัดนี้ปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ
ถือกระเบื้องเที่ยวไปเพื่อก้อนข้าว
จะงามหรือหนอ..."
จึงทรงเปิดสีหสัญชรทอดพระเนตรตรวจดูอยู่
ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยังถนนในพระนคร
ให้สว่างไสวด้วยพระรัศมีแห่งพระสรีระอันรุ่งเรื่อง
ด้วยความรุ่งเรื่องต่าง ๆ ไพโรจน์ด้วยพุทธสิริอันหาอุปมามิได้
ประดับด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ
สว่างด้วยพระอนุพยัญชนะ ๘๐
ซึ่งตามประชิดล้อมรอบด้วยพระรัศมีด้านละวา
จึงทรงชมเชยตั้งแต่พระอุณหิสจนถึงพื้นพระบาท
ด้วยคาถาชื่อว่านรสีหะ ๘ ประการ มีอาทิอย่างนี้ว่า
"พระผู้นรสีหะมีพระเกสาเป็นลอนอ่อนดำสนิท
มีพื้นพระนลาตปราศจากมลทินดุจพระอาทิตย์
มีพระนาสิกโค้งอ่อนยาวพอเหมาะ
ซ่านไปด้วยพระข่ายแห่งพระรัศมี" ดังนี้.
แล้วจึงกราบทูลแด่พระราชาว่า
พระโอรสของพระองค์เสด็จเที่ยวไปเพื่อก้อนข้าว.
**********
~ ประเพณี พุทธวงศ์ ~
พระราชาทรงสลดพระทัย
ทรงจัดผ้าสาฎกให้เข้าที่ด้วยพระหัตถ์รีบด่วนเสด็จออกไปโดยเร็ว
ประทับยืนเบื้องพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วตรัสว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ"
"เพราะเหตุไร? พระองค์จึงทรงกระทำหม่อมฉันให้ได้อาย"
"เพื่ออะไร? จึงเสด็จเที่ยวไปเพื่อก้อนข้าว"
"ทำไม? พระองค์จึงกระทำความสำคัญว่า
ภิกษุทั้งหลายมีประมาณเท่านี้ไม่อาจได้ภัตตาหาร"
พระศาสดาตรัสว่า
"มหาบพิตร อันนี้เป็นวงศ์ เป็นจารีตของอาตมภาพ"
พระราชาตรัสว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันทั้งหลาย
มีวงศ์เป็นกษัตริย์มหาสมมติราชมิใช่หรือ
ก็ในวงศ์กษัตริย์มหาสมมตราชนั้น"
"แม้กษัตริย์พระองค์หนึ่งชื่อว่า
เที่ยวไปเพื่อภิกขาจาร... ย่อมไม่มี"
พระศาสดาตรัสว่า
"มหาบพิตร ชื่อว่าวงศ์นี้ เป็นวงศ์ของพระองค์"
"แต่ชื่อว่า พุทธวงศ์นี้ คือ พระทีปังกร พระโกณฑัญญะ
พระกัสสปะ เป็นวงศ์ของอาตมภาพ
และพระพุทธเจ้าอื่น ๆ นับได้หลายพัน
ได้สำเร็จการเลี้ยงชีพด้วยการภิกขาจารเท่านั้น"
**********
~ พระราชาบรรลุโสดาปัตติผล ~
พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงประทับยืนในระหว่างถนนนั้นแล ตรัสพระคาถานี้ว่า
"บุคคลไม่ควรประมาทในก้อนข้าว
อันบุคคลพึงลุกขึ้นยืนรับ"
"พึงประพฤติธรรมให้สุจริต"
"บุคคลผู้ประพฤติธรรม
ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้ และในโลกหน้า"
ในเวลาจบคาถา
พระราชาดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล
**********
ก็ครั้นทรงกระทำให้แจ้งเฉพาะโสดาปัตติผลเท่านั้น
ทรงรับบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงนิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้า
พร้อมทั้งบริษัทให้เสด็จขึ้นสู่มหาปราสาท
ทรงอังคาสด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีต
ด้วยพระองค์เอง ดังนี้...
**********
พระเจ้าสุทโธทนะ บรรลุธรรมตามลำดับ
เมื่อได้สดับคาถา ดังนี้ว่า
"บุคคลพึงประพฤติธรรมให้สุจริต
ไม่พึงประพฤติธรรมนั้นให้ทุจริต
ผู้ประพฤติธรรมเป็นปรกติ
ย่อมอยู่เป็นสุขทั้ง ในโลกนี้และในโลกหน้า ดังนี้.
ได้ดำรงอยู่ใน... "สกทาคามิผล"
ได้ทรงสดับธรรมปาลชาดก ได้ดำรงอยู่ใน... "อนาคามิผล"
ในสมัยใกล้จะสวรรคต ทรงบรรทมบนพระที่บรรทม
อันประกอบด้วยสิริภายใต้เศวตฉัตร
ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว
ได้บรรลุ... "พระอรหัตผล"
กิจในการตามประกอบความเพียรโดยการอยู่ป่า
ไม่ได้มีแก่พระราชา.
**********

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา