8 ม.ค. 2023 เวลา 02:45 • หนังสือ

🔖คนดีแบบไหนที่สบายในความเป็นเรานะ😊

ของขวัญที่ดีสำหรับใครคนหนึ่ง
อาจไม่ใช่ของขวัญที่เราอยากได้
แต่เป็นการให้ในสิ่งที่ใครคนนั้นต้องการที่สุด
คนที่ดีสำหรับเรา
อาจไม่ใช่คนที่ใจดีสำหรับทุกคน
แต่เป็นคนที่ใช่เวลาอยู่เคียงข้างกัน
ในยามที่เราต้องการ
(จากปกหลังหนังสือ อย่าเป็นคนดีกับใคร ถ้ายังไม่ดีพอกับตัวเอง)
~ คิมแจชิก ~
🪄เล่มนี้วินดาใช้เวลาก่อนนอนในการอ่าน ไม่กี่คืนก็จบเล่ม ตอนอ่านรู้สึกว่าอ่านได้เร็ว อ่านได้เรื่อยๆ กลับมาอ่านใหม่ก็ไม่เบื่อ จะว่าอ่านแล้วจมไปกับมันก็ได้เพราะอ่านไปคิดตามไป แต่ไม่ถึงกับดำดิ่งขนาดนั้นค่ะ
ในเล่มจะแบ่งออกเป็น 4 บทหลัก แต่ละบทไม่ได้เป็นการบรรยายหรือเชิงพรรณนา ออกแนวคำคม แง่คิด ชวนนึกตามแบบสั้นๆ เป็นเรื่องราวย่อยๆของแต่ละบท ซึ่งตรงนี้วินดาชอบมากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อ่านไม่เบื่อ อ่านได้เร็ว ไม่รู้สึกค้างคาเวลาอ่าน ถ้าอ่านแล้วหลับไปค้างตรงไหนก็ไม่จำเป็นต้องอ่านย้อนทำความเข้าใจใหม่ พลิกหน้าต่อไปได้เลย อ่านต่อติดสบายๆ อ่านสนุกเลยหละ😉
ความจึ๊กใจ💓ของเล่มนี้มีมาตั้งแต่ได้อ่านคำนำสำนักพิมพ์ในส่วนที่ชวนคิดตามถึงเรื่องความสัมพันธ์ของคนเราที่ใช้เวลามากมายในการก่อร่างสร้างตัว แต่ก็มักจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการจบความสัมพันธ์นั้นลง เมื่อเวลานั้นมาถึงอย่าจมอยู่กับความเสียใจมันนานเกินไป เพราะที่สุดแล้วถ้าคิดว่าตัวเองไม่เหลือใครอย่าลืม!!!ว่ายังมี ‘ตัวเรา’ ความเจ็บปวดบางทีอาจเกิดจากเราเองที่คาดหวังในสิ่งที่มอบให้คนอื่นมากเกินไปก็ได้นะ
🔬เล่มนี้ถือเป็นอีกมุมมองที่ให้เราเห็นคุณค่าในตัวเอง คอยย้ำเตือนให้เราอย่าลืมมอบความรักให้กับคนที่รักเรา และตัวเราเองด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้รู้สึกไหมค่ะว่าตัวอักษรในเล่มดูท่าจะไม่ทำให้เราอ่านแล้วสนุกครื้นเครง เฮฮาปาจิงโกะ ออกแววให้รู้สึกย้อนเวลาสำรวจเหตุการณ์ สำรวจตัวเองแบบครุ่นคิดพอสมควร ไม่น่าอ่านได้เรื่อยๆมาเรียงๆแบบพลิกหน้าไปเรื่อยๆอย่างที่วินดาบอกตอนแรก
เดี๋ยวก่อนค่ะอย่าพึ่งตัดสิน…ของแบบนี้ต้องลองด้วยตัวเองค่ะ Review นี้ถือเป็นแนวทางหนึ่งของคนที่ได้อ่านสัมผัสมาแล้วถ่ายทอดในมุมมองของตัวเองเท่านั้น วินดาอ่านกับเราอ่านเองอาจได้มุมมอง ความรู้สึกที่ต่างกันได้ไม่แปลกอะไร และนี่แหละค่ะคือเสน่ห์อีกอย่างของการอ่านหนังสือ📖
ที่วินดาอ่านได้เรื่อยๆพร้อมคิดตามแบบไหลๆไม่ต้องหยุดอยู่กับหน้าไหนนานๆเอาหนังสือทาบอก คิดว่าเป็นเพราะการถ่ายทอดของผู้เขียนและการเรียบเรียงถ้อยคำของผู้แปลที่ใช้คำเข้าใจง่าย เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดไม่ต้องตีความไปหลายชั้นให้ซับซ้อน
1
ทั้ง 4 บทที่ทุกคนจะได้อ่านต่อไปนี้คือสิ่งที่วินดาได้อ่าน สรุปและตกผลึกด้วยการอ่าน ในมุมมองและการเรียบเรียงของตัววินดาเองนะคะ ถือเป็นการรีวิวและแบ่งปันประสบการณ์การอ่านเล่มนี้(หวังใจว่าจะเป็นประโยชน์กับการตัดสินใจหยิบอ่านนะคะ) ได้จากการคุยกับหนังสือ คุยกับตัวเอง เพื่อให้เห็นภาพที่ได้จากเล่มนี้ค่ะ(เก็บเข้าไดอารี่การอ่านของตัวเองไปด้วยเล้ยยยย)
🧸บทที่ 1 ไม่มีใครเป็นคนดีสำหรับทุกคนได้
คนที่ดีกับเราใช่ว่าเขาจะดีกับคนอื่น หรือคนที่ไม่ดีสำหรับเราใช่ว่าเขาจะไม่ดีสำหรับคนอื่น จากประสบการณ์ชีวิตจะบอกเราเองว่าใครเป็นยังไงสำหรับเรา หลังผ่านมันมาแล้วถึงรู้ว่าไม่ใช่การดื้อดึงฝังใจ แต่การทำใจตัดจบบางอย่างต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า
โลกใบนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ไม่มีคนที่เหมาะกับเราที่สุด มีแต่ต้องพยายามสร้างมันขึ้นมาร่วมกัน ลองคิดดูความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเขาสร้างขึ้นจากการเลือก และตัดสินใจของตัวเราเอง ถ้าใจปรับเปลี่ยนเพื่อกันและกันเหมือนพวกเราที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เวลาอันงดงามที่ใช้ร่วมกันมาจะส่องสว่างล้ำค่าในชีวิตของพวกเรา
คำพูดมากมายที่ออกจากปากเราแล้วสลายหายไป แต่การเอาใจใส่นั้นฝั่งแน่นอยู่ในหัวใจนะเออ สิ่งที่ควรทำคือทำดีกับผู้คนรอบข้างไม่ให้เลือนหายไปจากความทรงจำของกันและกัน ถ้าชอบ-ไม่ชอบให้บอกไปเลยพูดให้ชัดเจนเป็นเรื่องที่ดี แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาความสัมพันธ์จะชัดเจน การอดทนกับอะไรนานๆไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
1
อย่าวัดขนาดของความสัมพันธ์ด้วยจำนวนครั้งที่ติดต่อกัน ความรู้สึกไว้ใจแม้จะไม่ติดต่อมาอาจสำคัญกว่าการติดต่อหากันบ่อยๆ
เคยคิดไหมว่าสีหน้าที่ดูไม่เป็นมิตรของอีกฝ่ายที่เราเห็นอาจมาจากสีหน้าของเราเองก็ได้ที่เขามองเห็น ลองส่งยิ้มทักทายคนอื่นดู เราอาจได้รอยยิ้มส่งกลับมาเพียงแค่ยิ้มให้อีกฝ่ายก่อน หัวใจก็จะเบาสบาย มีความสุขมากขึ้น
🧸บทที่ 2 แด่ตัวฉันที่รักตัวเอง
ถ้าหากตกหลุมรักใครแล้ว ก็อย่าสูญเสียความเป็นตัวเองไป
งานที่เคยสนุกกลับไม่สนุก บางครั้งรู้ว่าควรทำอะไรแต่ไม่มีใจจะลงมือทำ นั้นเราอาจไม่ได้ขี้เกียจแค่กำลังเหนื่อยล้าอยู่เลยทำงานที่คุ้นมือได้เฉื่อยช้าขึ้น
อารมณ์ทั้งหลายที่ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆเมื่อถึงวันที่ระเบิดออกมาในคราวเดียว อาจทำให้เราจัดการตัวเองได้ยากมาก แม้จะไม่อาจปล่อยทุกอารมณ์ที่พุ่งเดือดขึ้นมาให้ระเบิดได้ในทันทีก็จำเป็นต้องรินระบายออกไปบ้าง การมีชีวิตอยู่โดยข่มกลั้นอารมณ์ตัวเองไว้สุดท้ายก็ไม่ช่วยให้เราดีขึ้น
1
การมีชีวิตอยู่ด้วยความนึกคิดแบบที่เป็นตัวตนของเราอาจดีกว่าการดำเนินชีวิตไปอย่างราบรื่น เรียบง่ายโดยไร้จุดยืนใดๆ และถูกทำร้ายจิตใจ จงมีชีวิตอยู่โดยรักษาจุดยืนตามตัวตนที่ต่างกันของแต่ละคน
มนุษย์ทุกคนล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยมีตัวเราเป็นผู้กำหนดว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างไร หากเรารู้ข้อดี-ข้อเสีย ของตัวเองจะทำให้เราอยู่เป็น วางตัวเป็น ดึงข้อเสียไว้ข้างหลัง และดันข้อดีของเราไว้ข้างหน้าเมื่อเข้าสู่สังคม
ลองสังเกตอารมณ์ของตัวเองในเช้าวันนี้ว่าเป็นอย่างไร ถามตัวเองดูว่าจะกินอะไร จะทำอะไรดี หรือส่งข้อความหาคนที่สงสัยห่วงใยกันก็จะช่วยทำให้วันนี้ของเราสมบูรณ์ขึ้น อย่าเอาแต่แอบมองชีวิตคนอื่น แต่จงเอาใจใส่ชีวิตของตัวเอง
1
วิธีรับมือกับการจากลาต้องใช้เวลาเพื่อตัวเองให้เต็มที่ มองสิ่งที่อยากซื้อเป็นของขวัญให้แก่ตัวเอง เปิดโอกาสในการพยายามเป็นตัวเองที่เท่ขึ้นอีกนิด เป็นช่วงเวลาที่มีไว้เพื่อตัวเองต้องเป็นคนที่ดีขึ้น
คนที่มีรากมั่นคงเหมือนกับต้นไม้ ดั่งต้นไม้ที่มีวงปีหลายชั้น อดทนต่อช่วงเวลาของตัวเองเพียงลำพัง
การทำสิ่งที่ต้องทำในวันนี้ การใช้เวลาร่วมกับคนที่อยู่ข้างกาย การรับรู้ถึงความสุขเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน การมีชีวิตโดยอยู่กับตัวเอง และการซื่อสัตย์กับชีวิตของตัวเราล้วนเป็นการมีชีวิตอยู่แบบธรรมดาๆ โปรดอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอีก ฉันก็คือฉัน
อย่าทนฝืนหรือเก็บกลั้นสัญญาณที่ส่งตรงจากร่างกาย ต้องตอบสนองอารมณ์อย่างตรงไปตรงมา เพียงแค่นี้หัวใจก็ไม่ผุกร่อนง่ายๆแล้ว
🧸บทที่ 3 ความรักเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้
เพื่อรักษาอุณหภูมินั้นอาจมีบ้างที่ร้อนผ่าวขึ้น แต่ไม่ถึงกับเย็นชืดลงทันควัน หวังว่าพวกเราจะมีชีวิตอยู่โดยโอบกอดกันไว้อย่างอบอุ่นหัวใจ
ขนาดของหัวใจไม่ใช่สิ่งสำคัญหรอก การที่พวกเรายังรักกันอยู่ต่างหากที่มากพอแล้ว หัวใจของผู้คนแปรเปลี่ยนไปในทุกวินาที อย่าหมกมุ่นกับขนาดของหัวใจที่มองไม่เห็นเลย แค่อยู่เคียวข้างเพื่อกันและกันไปนานๆเถอะนะ
ช่วงเอียงหูรับฟังเรื่องราวของฉัน คอยอยู่เคียงข้าง เฝ้าดูแลกัน เป็นคนแรกที่นึกถึงทั้งในยามที่ดีใจและเสียใจ กังวลไปด้วยกันว่าต่อไปจะใช้ชีวิตอย่างไร เป็นคนที่คิดเสมอว่าอยากเดินไปด้วยกันนานๆ เป็นคนที่ทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจในชีวิต สิ่งที่ฉันต้องการก็มีเท่านี้แหละ แค่เป็นคนแบบนี้ก็พอ
การเปิดเผยตัวตนอย่างตรงไปตรงมาจนต่างฝ่ายต่างยอมรับกันและกันได้ ความสัมพันธ์ที่ดีก็จะค่อยๆงอกงามขึ้น ไม่จำเป็นต้องพยายามปรับทุกสิ่งให้ตรงกับเขาจนทอดทิ้งตัวเราเอง
สาเหตุที่เราหลับตาลงแล้วยังว้าวุ่นใจอาจเป็นเพราะว่ามีคนที่เรารักนอนอยู่ข้างๆ ส่วนสาเหตุที่เราหลับได้อย่างสบายใจอาจเป็นเพราะเรารู้จักความรักนั้นมากพอ
ถึงแม้จะมองไม่เห็นว่าเขารักเราจริงหรือเปล่า ทว่าคนที่รู้ดีที่สุดก็คือตัวเราเอง
ไม่มีใครควรอดทนต่อบาดแผลใดๆเพียงเพราะรัก หากอีกฝ่ายมอบความเจ็บช้ำให้กันเสมอนั่นไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่ว่าตอนนี้ไม่มีความสุขก็ยังข่มใจหวังว่าจะต้องมีความสุขขึ้น ความรักที่แท้จริงต่อให้ตอนนี้ยากลำบากก็ยังมีความสุข ดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีความหวัง
เวลาเรารักใครสักคนจริงๆไม่สำคัญเลยว่าจะนานแค่ไหน เพราะเวลาที่จะใช้ร่วมกันไปลึกซึ้งกว่าเวลาที่เคยใช้ร่วมกันมา
🧸บทที่ 4 ถึงเวลาดูแลตัวเองแล้ว
อย่าปล่อยให้คำพูดคนอื่นวนเวียนอยู่ในหูว่าจงทำสิ่งที่คนอื่นบอกว่าดี จงใส่เสื้อผ้าที่คนอื่นชมว่าสวย หมั่นถามไถ่ตัวเองเสมอว่าวันนี้ทั้งวันเป็นอย่างไรบ้าง อะไรคือสิ่งที่รู้สึกว่าสนุกมาก อะไรคือสิ่งที่ทำได้ดีแล้ว มีสิ่งที่ควรระมัดระวังเพิ่มอีกนิดไหม และโอบกอดตัวเองไว้ด้วยวงแขนอบอุ่น
จงมองแค่สิ่งที่ดี และเงี่ยหูฟังคำพูดในแง่บวกเท่านั้น คนเรามองโลกแตกต่างกันตามสิ่งที่บรรจุอยู่ในหัวใจ หากสนิทกับคนที่พูดแต่คำหยาบคาย หรือฟังแค่ข่าวที่กระตุ้นให้อารมณ์เสีย เราก็จะเห็นโลกใบนี้มืดหม่น จงจำไว้ว่าคนเราที่แสดงทีท่าแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเราปฏิบัติตัวอย่างไร
สิ่งที่เรียกว่าความสุขอาจเป็นตอนที่เราล้มตัวลงนอนแล้วผล็อยหลับลงในทันทีก็เป็นได้
มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันเสมอ ดูแลคนที่ยังอยู่ข้างกายเรา
ถ้าได้ลองก้าวไปทีละก้าวก็จะรู้ได้เองว่าตัวเรากำลังจะไปที่ไหน และอยากไปที่ใด ไม่จำเป็นจะต้องมีอะไรมากมายตั้งแต่แรก ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่โดยร้อนใจว่าจะต้องก้าวไปให้ไกลที่สุด เพราะสิ่งที่เราต้องการขยับเข้ามาใกล้ตัวเราเสมอ
สิ่งที่ไม่สบายใจก็ควรยอมรับว่าไม่สบายใจ สิ่งที่เจ็บปวดก็ควรปล่อยไปตามที่รู้สึกเจ็บปวด
ในโลกนี้ไม่ได้มีเราแค่เพียงผู้เดียวแล้วชีวิตทั้งหมดจะเป็นไปตามใจได้อย่างไร อย่าเปลืองเวลาไปกับการเกลียดชังใคร นำเวลานั้นมาใส่ใจตัวเราเองเถอะ
การที่เรานึกถึงอดีตเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ตัวเราในตอนนี้เลือกสิ่งที่ดียิ่งกว่า แต่หากมีชีวิตอยู่โดยผูกติดกับอดีต อนาคตก็ยากที่จะดีขึ้นได้
เหตุผลที่เราชอบคิดเหลวไหลว่าถ้าย้อนกลับไปตอนนั้นได้จะทำมันให้ดียิ่งขึ้น แต่ถึงจะย้อนกลับไปได้ตัวเธอก็เป็นเธอในตอนนั้น ส่วนตัวฉันก็เป็นแค่ฉันในเวลานั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์จึงออกมาคงเดิม
สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็แค่ปล่อยให้ผ่านไป สิ่งที่เสียดายก็แค่คิดว่าเสียดาย เป็นเพียงแค่กระบวนการหนึ่งไปสู่การเริ่มสิ่งใหม่ อย่าให้อดีตผูกรั้งตัวเองไว้แล้วพลาดจากการเริ่มต้นตอนนี้ไปอีก
พวกเรารู้ดีว่าการเป็นผู้ใหญ่คือการรับผิดชอบต่อตัวเอง เด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่ทุกคนบนโลกนี้ล้วนอยู่ระหว่างการออกท่องไปบนเส้นทางที่แปลกตา
สิ่งที่ไม่มีอะไรชดเชยแทนค่าย้อนคืนได้อีกก็คือเวลา เวลาที่พวกเราใช้ไปร่วมกันถือเป็นสิ่งมีค่า เพราะไม่มีเวลาเดียวกันอีกเป็นครั้งที่สอง
อย่าหวั่นไหว สิ่งสำคัญกว่าการยึดเหนี่ยวรักษาไว้คือการปรับตัวไปตามกระแสและการเปลี่ยนแปลง อย่าเสียเวลาไปกับบาดแผลซึ่งเลยผ่านมานานแล้ว หรือยึดติดกับเกียรติยศที่เคยมีมาจนไม่ยอมปล่อยวาง หากเรามองไม่เห็นตัวเองตอนนี้ได้ชัดเจนเพียงพอก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันได้
📖อ่านเพลินมาถึง ณ จุดจุดนี้แล้ว ใครอยากอ่านแบบเต็มๆเปิดอ่านในหนังสือโล้ดคร๊าาา…อ่านแล้วเป็นยังไงมาคุยกันนะคะ จะอ่านจบในนี้หรือจบในหนังสือก็มาคุยกันได้น้าาาา
หนังสือ อย่าเป็นคนดีกับใคร ถ้ายังไม่ดีพอกับตัวเอง
ผู้เขียน : คิมแจชิก
ผู้แปล : วิทิยา จันทร์พันธ์
สำนักพิมพ์ : springbooks
แล้วพบกันใหม่นะคะ👋🏻
#windasharing
โฆษณา