8 ม.ค. 2023 เวลา 23:26 • ความคิดเห็น
สรุปบทที่ 𝟕 – เราไม่เคยมีเวลาจริง ๆ หรอก
จากหนังสือ…𝟒𝟎𝟎𝟎 𝐖𝐞𝐞𝐤𝐬 – 𝐓𝐡𝐞 𝐓𝐢𝐦𝐞 𝐌𝐚𝐧𝐚𝐠𝐞𝐦𝐞𝐧𝐭 𝐟𝐨𝐫 𝐌𝐨𝐫𝐭𝐚𝐥𝐬

Oliver Burkeman เขียน | วาดฝัน คุณาวงศ์ แปล
คนบางชอบวางแผนอนาคต พยายามทำอนาคตทุกอย่างให้แน่นอนและเป็นไปตามที่เราอยากให้เป็นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่แท้จริงแล้ว ไม่มีใครสามารถควบคุมอนาคตให้เป็นอย่างใจหวังได้ 💯% และการทำเช่นนั้นรังแต่จะทำให้ตัวเรามีความวิตกกังวลมากขึ้น นำไปสู่ความว้าวุ่นและทุกข์ใจ
ในชีวิตจริงเรามีเวลาเป็นขณะ ๆ โดยไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าชีวิตเราจะสิ้นสุด ณ จุดใด หรือ อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ตัวเราคือห้วงเวลาที่ร้อยเรียงต่อเนื่องกัน แต่เรามักหลงไปเข้าใจว่าเวลาคือบางส่ิงบางอย่าง (ในอนาคต) ที่เราสามารถเป็นเจ้าของ วางแผนหรือควบคุมได้ มันจึงเป็นบ่อเกิดแห่งความวิตกกังวลทั้งหลายทั้งปวง เพราะเวลาไม่ได้อยู่ในความครอบครองและไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา
การวางแผนอนาคตไม่ใช่ปัญหาและแท้จริงแล้วคือสิ่งที่เราควรจะทำเสียด้วยซ้ำ แต่ความดื้อรั้นว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่เราคิดเราวางแผนนั้นทำให้ภาพแห่งความเป็นจริงอันบิดเบี้ยว
สิ่งที่เราควรทำคือการเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า “ไม่ว่าเราจะทำดีเพียงใด มันจะยังคงมีบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้เสมอ”
【อิคิ ∙ 生き】การกล่าวเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า…เราควรลดความมุ่งมั่นพยายามในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่เราควรทำแบบจดจ่อตั้งใจอยู่กับการกระทำในปัจจุบันขณะ หรือปฏิบัติอย่างที่พระอาจารย์มักกล่าวไว้เสมอว่า “ทำเต็มที่…แต่ไม่ซีเรียส” หรือจะกล่าวอีกนัยนึงก็คือ…จงมุ่งมันในการลงมือประกอบเหตุ แต่ปล่อยวางในผลลัพธ์
แท้จริงแล้วการเป็นอยู่ของเราในจุดนี้ประกอบจากหลายส่วน ทั้งส่ิงที่เราวางแผนและความบังเอิญที่เราไม่ได้วางแผน ไม่ว่าจะเป็น การที่เราเกิดในครอบครัวนี้ กับพ่อแม่คู่นี้ เจอคนรักในที่บังเอิญแห่งนี้ ฯลฯ
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรทำคือ “จดจ่อความสนใจไปที่เวลาเพียงส่วนเดียวที่เป็นของเราและที่เราควบคุมได้จริง ๆ นั่นคือ เวลา ณ ที่นี้ในปัจจุบันขณะนี้”
พระเยซูได้กล่าวไว้เช่นกันว่า…“อย่าวิตกถึงวันพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้ก็จะมีเรื่องกังวลสำหรับตัวมันเอง” ส่วน ชิททู กฤษณมูรติ ก็กล่าวไว้ว่า…“ผมไม่คิดมาว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”
คำว่า “ผมไม่คิดมาว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ของ กฤษณมูรติ คือความพยายามที่จะบอกเราว่า “เราไม่ควรรู้สึกเศร้าโศก เห็นอกเห็นใจ หรือโกรธเมื่อมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับเราหรือคนอื่น และไม่ได้หมายความว่าเราต้องล้มเลิกความตั้งใจในการป้องกันไม่ให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในอนาคตด้วย”
ในทางตรงกันข้าม ชีวิตที่ใช้ไปกับการ “ไม่คิดมากว่าจะเกิดอะไรขึ้น” คือชีวิตที่ดำเนินไปโดยไม่ปรารถนาที่จะรู้ว่าอนาคตจะเป็นไปตามที่เราหวังให้เป็นหรือไม่ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องลุ้นอยู่ตลอดเวลาระหว่างที่รอเพื่อดูว่าสิ่งต่าง ๆ จะคลี่คลายไปตามที่เราคาดหวังไว้หรือไม่
ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถทำบางสิ่งอย่างชาญฉลาดในปัจจุบันเพื่อลดโอกาสที่เหตุการณ์เลวร้ายลงภายหลังและเราก็ยังสามารถตอบโต้อย่างสุดความสามารถได้เช่นเดิม แต่ถ้าหากที่สุดแล้วมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น เราก็ไม่จำเป็นต้องตีอกชกหัวต่อความทุกข์หรือความอยุติธรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
【อิคิ ∙ 生き】เพราะความจริงของชีวิตคือ… “ไม่ว่าเราจะทำดีเต็มที่เพียงใด ในความเป็นจริงก็จะมีบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้”
หากเราสามารถหยุดเรียกร้องความแน่นอนว่าสิ่งต่าง ๆ จะเป็นไปตามที่เราต้องการในเวลาต่อมาได้ พวกเราจะเป็นอิสระจากความวิตกกังวล และมีความเบิกบานอยู่ในขณะเวลาเดียวที่มีอยู่จริง ซึ่งก็คือ ณ ขณะนี้นั่นเอง ♥️😊
ส่ิงที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าเราควรทำตัวเป็นคนประเภทหลักลอย ทำตัวง่าย ๆ สบาย ๆ ที่ไม่วางแผนใด ๆ กับอนาคต การมีแผนการสำหรับอนาคตไม่ใช่ปัญหา แต่การที่เรามองแผนการต่าง ๆ เป็นส่ิงที่จะต้องสร้างผลลัพธ์อย่างที่เราคาดหวังไว้ต่างหากคือปัญหา
โจเซฟ โกลด์สตีน กล่าวว่า “แผนการเป็นแค่เพียงความคิด” เราไม่ควรปฏิบัติต่อแผนการต่าง ๆ ราวกับว่ามันเป็นบ่วงที่ถูกโยนจากปัจจุบันไปคล้องรอบอนาคต เพื่อที่จะนำมันมาอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา แต่สิ่งเดียวที่แผนการเป็นและจะสามารถเป็นได้ก็คือ…คำประกาศเจตนารมณ์ในช่วงเวลาปัจจุบัน เป็นการแสดงออกถึงความคิดในปัจจุบันของเราว่า…เราหวังอยากนำอิทธิพลอันน้อยนิดของเรามาใช้จัดการกับอนาคตอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่า…อนาคตไม่มีพันธะหน้าที่ที่มันจะต้องเป็นไปตามนั้น
【อิคิ ∙ 生き】คิดว่า…สิ่งที่เราทำได้คือแค่สร้างโอกาสให้เกิดขึ้นเท่านั้น แต่เราไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์ได้ 💯%
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ อิคิ ∙ 生き คิดถึงเรื่องกฏแห่งกรรมที่คุณพศิน อินทรวงค์เคยกล่าวไว้ดังนี้…
“กรรมมี 2 ประเภท กรรมจากอดีตที่ส่งผลมายังปัจจุบัน และกรรมจากปัจจุบันจะส่งผลไปยังอนาคต แม้ว่ากรรมในอดีตอาจกำหนดเหตุปัจจัยบางอย่างในปัจจุบัน แต่กรรมปัจจุบันมีน้ำหนักต่ออนาคตมากที่สุด”
ตัวอย่างเช่น…การที่เราเกิดมาในครอบครัวใดอาจเป็นผลจากกรรมในอดีต แต่การตั้งใจศึกษาเล่าเรียนในปัจจุบันจะเปิดหนทางที่จะไปสู่หนทางที่ดีขึ้นในอนาคต
ส่วนถ้าจะให้ อิคิ ∙ 生き สรุป อิคิ ∙ 生き ก็คงสรุปไว้ดังนี้ค่ะ…
“เรื่องอดีตแก้ไขไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นวางมันลง ตั้งใจประกอบเหตุในปัจจุบันตรงหน้าให้เต็มที่และปล่อยวางในผลลัพธ์”
และ “ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้…มีทั้งสิ่งที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ เพราะฉะนั้นจงมุ่งมั่นทำในสิ่งที่เราควบคุมได้นั่นคือ…การกระทำของตัวเรา ณ เวลานี้และปล่อยวางในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้กล่าวอีกอย่างคือ…ผู้อื่นและผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างที่ใจเราคิด 100%”
และสุดท้าย “จงอนุญาตให้ตนเองเบิกบานกับปัจจุบันตรงหน้า หากทำได้เช่นนี้…เราก็จะได้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากมีชีวิตนะคะ”
บันทึกโดย : ชีวิต ∙ อิคิ ∙ 生き : ใช้ชีวิตแบบที่อยากมีชีวิต
ที่มา : 𝟒𝟎𝟎𝟎 𝐖𝐞𝐞𝐤𝐬 –
𝐓𝐡𝐞 𝐓𝐢𝐦𝐞 𝐌𝐚𝐧𝐚𝐠𝐞𝐦𝐞𝐧𝐭 𝐟𝐨𝐫 𝐌𝐨𝐫𝐭𝐚𝐥𝐬
••••••••••••••••••••••••••••••••••
🅻🅸🅵🅴
🅲🅾🆄🅽🆃🅳🅾🆆🅽
⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯
𝟒𝟎𝟎𝟎-𝟐𝟏𝟒𝟐 = 𝟏𝟖𝟓𝟖 𝐖𝐞𝐞𝐤𝐬 𝐭𝐨 𝐠𝐨
⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯
𝐈𝐧𝐯𝐞𝐧𝐭𝐞𝐝 𝐛𝐲 อิคิ ∙ 生き 𝐒𝐢𝐧𝐜𝐞 𝟐𝟔 𝐃𝐄𝐂 𝟐𝟎𝟐𝟐
𝐈𝐧𝐬𝐩𝐢𝐫𝐞𝐝 𝐛𝐲 𝟒𝟎𝟎𝟎 𝐖𝐞𝐞𝐤𝐬 - 𝐎𝐥𝐢𝐯𝐞𝐫 𝐁𝐮𝐫𝐤𝐞𝐦𝐚𝐧
𝐔𝐩𝐝𝐚𝐭𝐞𝐝 𝐨𝐧 : 𝐌𝐨𝐧 𝟗 𝐉𝐚𝐧 𝟐𝟎𝟐𝟑

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา