13 ม.ค. 2023 เวลา 14:15 • ไลฟ์สไตล์

5 เหตุผลของการยอมรับความเปราะบาง

หลายคนมักซ่อน “ความอ่อนแอ” ไว้ในมุมหนึ่งของชีวิตที่ไม่อยากให้ใครเห็นและรับรู้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ในบางเวลาที่เรา"กำลัง"เผชิญกับเรื่องหนัก ๆ กับความทุกข์ยากที่คอยบั่นทอนจิตใจ ทำให้เจ็บปวด เราอาจพร่ำบอกตัวเองเงียบๆ เพียงลำพังว่า “ไม่เป็นไร - เข้มแข็งไว้" ฝืนว่าไหวและให้ "คิดบวกเข้าไว้"
เรามักถูกครอบงำกับคำพูด “คิดบวก” อยู่ตลอดเวลา
แต่การคิดบวกไม่ได้ดีเสมอไป (overrated) เพราะในความเป็นจริง ไม่มีใครที่จะมองโลกในแง่ดีหรือคิดบวกได้ตลอดเวลา
ที่สำคัญ การคิดบวกมากเกินไป จะทำให้เรากลายเป็นคนเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับความจริง กับทุกครั้งที่มีสถานการณ์มากระทบกระเทือนจิตใจ ทำให้ไม่กล้าปล่อยทุกความรู้สึกที่แท้จริงออกมา จึงยิ่งทำให้มีความรู้สึกแย่ทับถมกับทุกครั้งที่เก็บไว้
สุดท้ายทำให้กลายเป็นคนปฏิเสธทางอารมณ์ - เก็บกดอารมณ์ ซึ่งเป็นผลร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ
5 เหตุผลของการยอมรับความเปราะบาง
1) We’re human : เราเป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์และความรู้สึก
2
โดยธรรมชาติของมนุษย์ เราจะแสดงอารมณ์และความรู้สึกตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวอยู่ตลอดเวลา
ในชีวิตประจำวัน เราต้องได้เจอกับสิ่งที่ดีและร้ายโดยที่เราไม่คาดคิด ซึ่งเกิดขึ้นได้ทุกขณะ ดังนั้น ทุกอารมณ์และทุกความรู้สึกที่เรารับรู้และแสดงออก จึงเป็น"พฤติกรรมปกติ"ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เมื่อเราเจอสถานการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ เราจะมีอาการสับสนและไม่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ตามด้วยอารมณ์หรือความรู้สึกที่เป็นลบ - เจ็บปวด เศร้า โกรธ รู้สึกผิด หรือรู้สึกละอายใจ ทำให้ปฏิเสธหรือเก็บกดอารมณ์ไว้ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าเราอ่อนแอ
เราไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งอยู่ตลอด และไม่ควรรู้สึกผิดหรือละอายถ้าจะแสดงความเปราะบางออกมา และไม่ต้องใส่ใจหรือกังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เพราะเราต่างเป็น"มนุษย์"ที่มีอารมณ์และความรู้สึก
“It’s Okay Not To Be Okay.”
2) You’re not alone : ไม่ใช่เพียงแค่"เราคนเดียว"
ในช่วงเวลาที่เรา"กำลัง"เผชิญกับความทุกข์ยาก ที่ทำให้เจ็บปวด เราอาจคิดว่า "ชีวิตช่างไม่ยุติธรรม"
รู้หรือไม่ว่า แต่ละคนที่เราพบผ่านและสัมผัสในชีวิตทุกๆวัน ไม่ว่าคนใกล้ตัวจนถึงคนแปลกหน้า ต่างก็มีปัญหาความทุกข์ยากและความเจ็บปวดในชีวิต ที่ต่างกันออกไป
ต่างก็"เลือก"ที่จะฝืน.. วางหน้าเฉยชา และเก็บความทุกข์ไว้ในมุมที่ไม่อยากให้ใครได้เห็น
ต่างก็"เลือก"ที่จะแสร้ง.. ว่าทุกอย่างดี ไม่มีปัญหา และไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็น เพราะมีความคิดยึดติดที่ว่า..
"ความอ่อนไหว หมายถึง ความอ่อนแอ" และ
"ความอ่อนแอ หมายถึง ความล้มเหลว"
จึงต้องเข้มแข็งและอดทนทำในสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้แต่ละวันผ่านไปได้
ต่างคนต่างมีเรื่องราวยากลำบากที่กำลังเผชิญในชีวิตที่ทำให้เจ็บปวดต่างกันออกไป
เราต่างมีช่วงเวลาที่เลวร้าย เราต่างมีช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากในชีวิต นั่นหมายความว่า
ไม่ใช่เพียงเราที่"กำลัง"เผชิญความทุกข์ยากในชีวิต - ที่ทำให้เจ็บปวด
ไม่ใช่เพียงเราที่"กำลัง"ก้าวข้ามความทุกข์ยากและความเจ็บปวด - ครั้งนี้
"You’re not alone."
3) It's the beginning of healing : การยอมรับความเปราะบาง คือ จุดเริ่มต้นของการเยียวยา
การเก็บความรู้สึกและแสร้งว่าทุกอย่างดี แทนการยอมรับความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งเป็นการทำร้ายจิตใจตัวเอง
 
ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหว แทนการฝืนใจบังคับตัวเอง ให้ยอมรับความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะยิ่งเรายอมรับความจริงได้เร็ว ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกดีได้เร็วขึ้นเท่านั้น
มองและรับรู้สถานการณ์อย่างที่เป็น - ไม่ตีความตามที่ใจอยาก ไม่แปลความหมายตามที่ใจรู้สึก
เพียงปล่อยใจให้เผชิญกับความหวั่นไหวและไม่มั่นคงที่มีอยู่ รับรู้ทุกความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา
บอกเตือนตัวเองและยอมรับว่าไม่มีใครเข้มแข็งได้ตลอดเวลา และปล่อยใจให้รู้สึกถึงความเปราะบางที่ตัวเองมี
เพราะ"การยอมรับความเปราะบาง" คือ "จุดเริ่มต้นของการเยียวยา"เพื่อให้เราเดินหน้าต่อไปได้
4) It's reconnecting in relationships : เสริมความใกล้ชิดและสร้างความสัมพันธ์ให้แกร่งขึ้น
เมื่อรู้สึกอ่อนไหว เราก็มักจะคิดว่าตัวเองอ่อนแอ จึงไม่อยากยอมรับหรือแสดงให้คนใกล้ตัวได้เห็น แต่การเก็บความรู้สึก ก็ไม่ได้ช่วยให้ปัญหาหรือความรู้สึกแย่นั้นหายไปได้
ยิ่งเราหนีหรือไม่ยอมรับ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวดและเป็นทุกข์นานขึ้น ทั้งยังก่อให้เกิดระยะห่าง"ระหว่างตัวเรากับตัวเรา" และ "ตัวเรากับคนรอบข้าง"อีกด้วย
1
ค่อยๆรับรู้และเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองตามความเปราะบางที่เรามี ยอมรับว่า"ไม่ไหว" จะช่วยให้รู้สึกถึงความโล่ง ผ่อนคลาย และรู้สึกเป็นอิสระจากพันธะแห่งการแสร้งเป็นคนเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา
การยอมรับความเปราะบางไม่เพียงแต่จะเป็นผลดีกับตัวเอง แต่ยังเป็นผลดีกับคนรอบข้างที่จะได้เห็นความเป็นตัวเรา - ตัวตนที่แท้จริงของเรา
ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ที่มีกับตัวเอง เพื่อได้เข้าใจและรู้จักตัวเองมากขึ้น และ
ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับคนที่เรารัก เพื่อได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นและความสัมพันธ์แกร่งขึ้นอีกด้วย
5) Nobody is perfect : ไม่มีใครสมบูรณ์แบบในโลกที่ไม่สมบูรณ์แบบ
บางครั้ง เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจและอดทนต่อทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพราะทุกสิ่งอย่างในโลกไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ
นั่นหมายความว่า เราเองก็ต่างไม่มีความสมบูรณ์แบบ และจิตใจเราไม่ต้องเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา เพราะ"ความไม่สมบูรณ์แบบ" คือ สิ่งที่ทำให้เราเติบโต
เรียนรู้จากสถานการณ์ที่เราได้ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายและทุกข์ยาก ที่ทำเราให้เจ็บปวด และ"เปลี่ยนประสบการณ์ความเจ็บปวดนั้นให้เป็นบทเรียน" เพราะนั่นคือ"โอกาส"ที่จะทำให้เราเติบโตและแกร่งขึ้นทุกครั้ง
แม้ว่าตอนนี้เรา"กำลังรู้สึกแย่และยังไม่ไหว" แต่การยอมรับความเปราะบางจะช่วยเยียวยาและทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
ให้มองย้อนกลับไป เราผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมาได้หลายครั้ง และครั้งนี้ก็เหมือนกัน เราจะผ่านไปได้
บอกเตือนตัวเองว่า ไม่เป็นไร ถ้าจะอ่อนแอบ้าง และอย่าปล่อยให้ตัวเองรู้สึกแย่กับการที่ต้องยอมจำนนกับความเปราะบาง
บอกเตือนตัวเองว่า ไม่เป็นไร ถ้าจะอ่อนแอบ้าง แต่"อย่าปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอมาก จนกลายเป็นการหมกมุ่นอยู่กับการเสียใจและสงสารตัวเอง จนลืมลุกขึ้นและเดินหน้าต่อ"
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโอบรับความเปราะบางได้และก็ไม่มีใครที่จะบังคับให้เรายอมรับความเปราะบางได้ - ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา
ให้เชื่อมั่นในกระบวนการที่กำลังเกิดขึ้น สักวันหนึ่ง เราจะเข้าใจและรู้สึกได้ถึงความหมายของประโยคที่ว่า
“It’s Okay Not To Be Okay.”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา