- จุดถัดมา "เรื่องความยืด" หนังเลยดูยืดเกินจำเป็น เนื่องจากตัวหนังยาว แต่สาระข้างในไม่ได้เข้มตลอดเวลา อันที่จริง La La Land ก็มีปัญหานี้ แต่ La La Land ยาวแค่ 2 ชั่วโมง อีกทั้งมีโฟกัสหลักอยู่ที่เรื่องความรักและความฝัน ผสมกับเทคนิคภาพยนตร์ที่ไม่ซ้ำใคร ทำให้จุดด้อยตรงนี้ดูไม่หนักหนา ขณะที่ Babylon ไม่ได้มีบทที่แข็งแรงมาก พอโครงสร้างไม่ดี ทุกอย่างก็ดูยวบ
นอกจากนี้ วิธีการ สไตล์ลูกเล่น และดนตรีประกอบภาพยนตร์ รวมถึงพล็อตเรื่องบางส่วน ค่อนข้างคล้ายกับ La La Land ทำให้เหมือนฉายภาพซ้ำ ซึ่ง La La Land โดดเด่นกว่าเห็นได้ชัด ดังนั้นหนังอาจต้องมีบทที่แข็งแรงกว่านี้ เมื่อเทียบกับลูกเล่นหนังที่ใส่มา
- พาร์ทดนตรีประกอบภาพยนตร์ ได้รับการประพันธ์โดย Justin Hurwitz คอมโพเซอร์คู่บุญ ดนตรีโดยรวมมันส์ สนุก แต่รู้สึกว่ามีธีมบางอารมณ์ใกล้เคียงกับงานก่อนอย่าง La La Land เลยไม่ได้ว้าว
Babylon (2022) ถือเป็นหนังนอกกระแสที่อาร์ตสวย สไตล์แปลก มีคุณภาพ แต่พอไปเทียบกับงานมาสเตอร์พีชชิ้นก่อนอย่าง Whiplash หรือ La La Land เรื่องนี้ก็ดูดร็อป เนื่องจากสมดุลหนังที่มีปัญหา อีกทั้งพอบทเรื่องไม่แข็งแรงและยาวถึงสามชั่วโมง ก็ทำให้หนังเวิ่นเว้อ
ถ้าพูดถึงเรื่องที่ประเด็นคล้ายกันอีกเรื่องอย่าง Once Upon a Time in Hollywood (2019) เรื่องนี้ก็ยาวและเป็นจดหมายรักถึงฮอลลีวู้ดเหมือนกัน แต่ส่วนตัวยังชอบเรื่องหลังมากกว่า