29 ม.ค. 2023 เวลา 06:14 • ไลฟ์สไตล์

๏ ปริเฉทที่ ๒๖ (ตอน ๗)

มหาปรินิพพานปริวรรต
ถวายพระเพลิงพุทธสรีระ
**********
~ เรื่องพระมหากัสสปเถระ ~
สมัยนั้น ท่านพระมหากัสสป
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ประมาณ ๕๐๐ รูป
เดินทางไกลจากเมืองปาวามาสู่เมืองกุสินารา
ลำดับนั้น ท่าน พระมหากัสสป
แวะออกจากทางแล้ว
นั่งพักที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง ฯ
**********
สมัยนั้น อาชีวกคนหนึ่ง
ถือดอกมณฑารพในเมืองกุสินารา
เดินทางไกล มาสู่เมืองปาวา
ท่านพระมหากัสสป
ได้เห็นอาชีวกนั้นมาแต่ไกล
จึงถามอาชีวกนั้นว่า
ดูกรผู้มีอายุ ท่านยังทราบข่าวพระศาสดา
ของเราบ้างหรือ
อาชีวกตอบว่า อย่างนั้น ผู้มีอายุ
เราทราบอยู่ พระสมณโคดมปรินิพพานเสียแล้ว
ได้ ๗ วันเข้าวันนี้
ดอกมณฑารพนี้เราถือมาจากที่นั้น
**********
บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่าใด
ยังไม่ปราศจากราคะ ภิกษุเหล่านั้น
บางพวกประคองแขนทั้งสองคร่ำครวญอยู่...
ส่วนภิกษุเหล่าใด ปราศจากราคะแล้ว
ภิกษุเหล่านั้น มีสติสัมปชัญญะ อดกลั้นด้วย
ธรรมสังเวชว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง...
**********
~ เรื่องพระสุภัททะวุฒบรรพชิต ~
สมัยนั้น บรรพชิตผู้บวชเมื่อแก่
นามว่าสุภัททะ นั่งอยู่ในบริษัทนั้นด้วย
(คนละรูปกับ พระสุภัททะ ปัจฉิมสักขิสาวก)
ครั้งนั้น สุภัททวุฒบรรพชิต
ได้กล่าวกะภิกษุทั้งหลายว่า
อย่าเลยอาวุโส พวกท่านอย่าเศร้าโศก
อย่าร่ำไรไปเลย พวกเราพ้นดีแล้ว
ด้วยว่าพระมหาสมณะนั้น
เบียดเบียนพวกเราอยู่ว่า
สิ่งนี้ควรแก่เธอ สิ่งนี้ไม่ควรแก่เธอ
ก็บัดนี้ พวกเรา ปรารถนาสิ่งใด
ก็จักกระทำสิ่งนั้น ไม่ปรารถนา
สิ่งใด ก็จักไม่กระทำสิ่งนั้น ฯ
(อาศัยเรื่องนี้ เป็นเหตุให้ พระมหากัสสป
ทำการประชุมสงฆ์ แล้วทำสังคายนา ครั้งที่ ๑)
**********
ลำดับนั้น ท่านพระมหากัสสป
เตือนภิกษุทั้งหลายว่า อย่าเลยอาวุโส
พวกท่านอย่า เศร้าโศก อย่าร่ำไรไปเลย
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสสอนไว้อย่างนี้
ก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่า ความเป็นต่างๆ
ความพลัดพราก ความเป็นอย่างอื่น
จากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ต้องมี
เพราะฉะนั้น จะพึงได้
ในของรักของชอบใจนี้ แต่ที่ไหน
สิ่งใดเกิดแล้ว มีแล้ว ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว
มีความทำลายเป็นธรรมดา
การปรารถนาว่า
ขอสิ่งนั้นอย่าทำลายไปเลย ดังนี้
มิใช่ฐานะที่จะมีได้ ฯ
**********
~ ยังไฟให้ติดจิตกาธาร ก็มิอาจให้ติดได้ ~
สมัยนั้น มัลลปาโมกข์ ๔ องค์
สระสรงเกล้าแล้วทรงนุ่งผ้าใหม่
ด้วยตั้งใจว่า เราจักยังไฟให้ติดจิตกาธาร
ของพระผู้มีพระภาค ก็มิอาจให้ติดได้
ลำดับนั้น พวกเจ้ามัลละเมือง
กุสินาราได้ถามท่านพระอนุรุทธะว่า
ข้าแต่ท่าน อนุรุทธะ อะไรหนอเป็นเหตุ
อะไรหนอเป็นปัจจัย
ที่ให้มัลลปาโมกข์ทั้ง ๔ องค์นี้
ผู้สระสรงเกล้าแล้ว ทรงนุ่งผ้าใหม่
ด้วยตั้งใจว่า เราจักยังไฟ
ให้ติดจิตกาธาร ก็มิอาจให้ติดได้ ฯ
พระอนุรุทธะ : ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย
ความประสงค์ของพวกท่านอย่างหนึ่ง
ของพวกเทวดาอย่างหนึ่ง ฯ
เจ้ามัลละ : ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็ความประสงค์
ของพวกเทวดาเป็นอย่างไร...?
พระอนุรุทธะ : ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย
ความประสงค์ของพวกเทวดาว่า
ท่านพระมหากัสสปนี้ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ประมาณ ๕๐๐ รูป เดินทางไกลจากเมืองปาวา
มาสู่เมืองกุสินารา จิตกาธานของพระผู้มีพระภาค
จักยังไม่ลุกโพลงขึ้น จนกว่าท่านพระมหากัสสป
จะถวายบังคมพระบาททั้งสอง
ของพระผู้มีพระภาคด้วยมือของตน ฯ
เจ้ามัลละ : ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
ขอให้เป็นไปตามความประสงค์
ของพวกเทวดาเถิด ฯ
**********
~ ถวายพระเพลิง ~
ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสป
เข้าไปถึงมกุฏพันธนเจดีย์ของพวกเจ้ามัลละ
ในเมืองกุสินารา
และถึงจิตกาธารของพระผู้มีพระภาค
ครั้นแล้วกระทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง
ประนมอัญชลี กระทำประทักษิณจิตกาธาร ๓ รอบ
แล้วเปิดทางพระบาท
ถวายบังคมพระบาททั้งสองของ
พระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า
แม้ภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านั้น
ก็กระทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง
ประนมอัญชลี กระทำประทักษิณ ๓ รอบ
แล้วถวายบังคมพระบาททั้งสอง
ของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า
เมื่อท่านพระมหา กัสสปและภิกษุ ๕๐๐ รูปนั้น
ถวายบังคมแล้ว จิตกาธารของ
พระผู้มีพระภาคก็โพลงขึ้นเอง
**********
เมื่อพระสรีระของพระผู้มีพระภาคถูกเพลิงไหม้อยู่
พระอวัยวะส่วนใด คือ พระฉวี พระจัมมะ พระมังสะ
พระนหารู หรือพระลสิกา เถ้า ...
เขม่าแห่งพระอวัยวะส่วนนั้น มิได้ปรากฏเลย
เหลืออยู่แต่พระสรีระอย่างเดียว
เมื่อเนยใสและน้ำมันถูกไฟไหม้อยู่
เถ้า เขม่า มิได้ปรากฏ ฉันใด
เมื่อพระสรีระของพระผู้มีพระภาคถูกเพลิงไหม้อยู่
พระอวัยวะส่วนใด คือ พระฉวี พระจัมมะ พระมังสะ
พระนหารู หรือพระลสิกา เถ้า...
เขม่าแห่งพระอวัยวะส่วนนั้น มิได้ปรากฏเลย
เหลืออยู่แต่พระสรีระอย่างเดียวฉันนั้นเหมือนกัน
และบรรดาผ้า ๕๐๐ คู่ เหล่านั้น
ไฟไหม้เพียง ๒ ผืนเท่านั้น
คือ ผืนในที่สุด กับผืนนอก
เมื่อพระสรีระพระผู้มีพระภาคถูกไฟไหม้แล้ว
ท่อน้ำก็ไหลหลั่งมาจากอากาศดับจิตกาธาร
ของพระผู้มีพระภาค
น้ำพุ่งขึ้นแม้จากไม้สาละ
ดับจิตกาธารของพระผู้มีพระภาค
พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา
ดับจิตกาธารของพระผู้มีพระภาค
ด้วยน้ำหอมล้วนๆ
ลำดับนั้น พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา
กระทำสัตติบัญชรในสัณฐาคารแวดล้อมด้วย
ธนูปราการ สักการะ เคารพ นับถือ
บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาคตลอดเจ็ดวัน
ด้วยการฟ้อนรำ ด้วยการขับ
ด้วยการประโคม ด้วยพวงมาลัย...
**********

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา