1) Supermarket/Hypermarket คิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของธุรกิจค้าปลีกทั้งหมด โดยมีเจ้าตลาดเป็นบริษัทเวียดนาม Co.op Mart (ของสหกรณ์ไซ่ง่อน) และ WinMart ซึ่งทั้งสองแบรนด์ต่างมีร้านค้าราว 100-120 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมี Big C (Tops Market, GO!) และ MM Mega Market ที่เป็นของบริษัทไทยด้วย
2) Convenient Store/Mini Super คิดเป็นสัดส่วนราว 5%-8% ของธุรกิจค้าปลีกทั้งหมด โดยมีเจ้าตลาดเป็น WinMart+ (3,300 สาขา) และ Bach Hoa Xanh (1,728 สาขา) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม Mini Super ส่วนในกลุ่ม Convenient Store นั้นมี Co.op Food และ Circle K ที่แต่ละแบรนด์มีประมาณ 400 สาขาทั่วประเทศเป็นเจ้าตลาดอยู่ในปัจจุบัน
3) Online & others คิดเป็นสัดส่วนราว 4%-6% ของธุรกิจค้าปลีกทั้งหมด นับเป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่เติบโตอย่างรวดเร็วเกินคาดจากปัจจัยเร่งของโรคระบาด โดยมีเจ้าตลาดเป็น Shopee ตามมาด้วยร้านค้าออนไลน์ของบริษัทเวียดนามอย่าง The Gioi Di Dong (ร้านขายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสาร) และ Dien May Xanh (ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า)
บริษัทไทยเองก็เข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจค้าปลีกในเวียดนามเช่นกัน โดย Big C, Tops Market, GO! นั้นเป็นของกลุ่ม Central (หุ้น CRC) ที่ซื้อมาจาก Casino Group เมื่อปี 2016 ส่วนห้างค้าปลีกค้าส่งอย่าง MM Mega Market (เปลี่ยนชื่อมาจาก Metro Cash & Carry) นั้นเป็นของกลุ่ม TCC Group (หุ้น BJC) ที่ซื้อมาจาก Metro AG ซึ่งไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจในเวียดนามจึงได้ตัดสินใจขายธุรกิจไป
📌 ธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ในเวียดนามนั้นดูเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดี ไม่ว่าจะพิจารณาจากลักษณะพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคเวียดนามเองที่มีแนวโน้มจะปรับจากการซื้อของใน TT ไปสู่ MT แบบเดียวกับที่ประเทศไทยเคยผ่านมาก่อน หรือจะพิจารณาในมุมของโครงสร้างประชากรและกำลังซื้อของเวียดนามก็ดูน่าสนใจเช่นกัน แต่การแข่งขันในตลาดค้าปลีกนั้นก็เข้มข้นอยู่ไม่น้อย ขนาดบริษัทข้ามชาติอย่าง Casino Group ของฝรั่งเศส หรือ Metro AG ของเยอรมันก็ยังต้องถอยมาแล้ว