15 ก.พ. 2023 เวลา 04:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

(EP.4) อยากเป็น Trader ต้องรู้อะไรบ้าง : ตอน Mentality Skill + Tips ท้ายบทความ

บทความนี้ก็อาจเป็นบทความสุดท้ายแล้วในซีรีย์อยากเป็น Trader ต้องรู้อะไรบ้าง
*ถ้าสนใจอ่านบทความอื่นๆเรื่อง Know your Tools (EP.1) และ Technical Analysis (EP.2) และ Fundamental Analysis (EP.3) อยู่ในซีรีย์นี้ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความครับ
Mentality Skill / Mindset หรือ จิตวิทยา นั้น ต้องเกริ่นก่อนว่า การซื้อขาย (Trade) นั้นนอกจากจะมีความรู้ในด้าน เครื่องมือ Technical และ Fundamental Analysis แล้ว Mindset หรือ Mentality ของ Trader เองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน (ผู้เขียนเองก็ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆเลย) เพราะ Mentality หรือจิตวิทยา มุมมองต่างๆที่มี ณ ตอนนั้นจะมีผลต่อมุมมองและการเรียนรู้ ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงลงมือทำ หรือ Trade จริงๆครับ
ทั้งนี้การเรียนรู้และพัฒนา Mentality หรือ Mindset อาจคิดได้ว่าเป็นส่วนที่เรียนรู้ได้ยาก และ ง่ายในเวลาเดียวกัน เนื่องจากไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ทำให้ไม่รู้ว่าต้องพัฒนาความคิดในส่วนไหนบ้าง ทำให้แต่ละคนมีส่วนที่ต้องเรียนรู้ที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้ง Mentality หรือ จิตวิทยา นอกจากพัฒนาให้ดีขึ้นได้แล้วยังสามารถถูกกลบทำให้แย่ลงได้เหมือนกันจากปัจจัย หรือ การกระทำบางอย่างครับ
แต่ข่าวดีคือ Mentality หรือ Mindset ถ้าหาหลักหรือจับจุดได้แล้วมันจะเป็นความสามารถที่สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วสามารถต่อยอดได้อย่างไม่รู้จบและติดตัวไปตลอดชีวิต มีผลทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่ชีวิตประจำวัน การทำงาน รวมถึงการ Trade ด้วย
เปรียบเหมือนการตัดไม้ด้วยเลื่อยไฟฟ้าที่ก่อนตัดไม้ รู้หมดแล้วว่า ตัดตรงไหน ตัดยังไงตอนไหนดีที่สุดตัดง่ายที่สุด แต่พอจับเลื่อยแล้วกลัว ตื่นเต้น คิดมาก สุดท้ายก็ไม่ได้ตัดหรือตัดไปไม่เป็นไปตามที่คิดก็เกิดการบาดเจ็บหรือออกมาไม่เป็นไปตามที่ต้องการและต้นไม้ก็ล้มลงไปแล้ว (เปรียบเปรย นิสนึง)
"ไม่ตัดละนอนดีกว่า"
- การพัฒนา Mentality / Mindset ในการ Trade -
ในส่วนการ *พัฒนา* ด้านจิตวิทยานั้น ต้องบอกก่อนว่า โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีสูตรตายตัวอย่างที่บอกไปในข้างต้นว่าแต่ละคนจะมีพื้นฐาน ทัศนคติรวมถึงความเสี่ยงที่รับได้แตกต่างกันออกไป แนวทางการเรียนรู้ของแต่ละคนก็จะต่างออกไปครับ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะพัฒนาไม่ได้ ซึ่งการพัฒนาในส่วนนี้ก็มาจากหลายทาง เช่น ประสบการณ์ (Trade แพ้บ่อยๆก็จะเรียนรู้) หนังสือ Video บางอย่างที่ทำให้มีความรู้สึก อ๋อออออออ.... เรียกว่า การคลิ๊ก *Click* นั้นเองครับ
**ทั้งนี้คำแนะนำของผู้เขียนเพื่อพัฒนา Mindset และ Skill ด้านการ Trade ที่ทำเองแล้วรู้สึกว่าได้ผล คือ การทำ Journal หรือ บันทึกการ Trade ขึ้นมาครับซึ่งก็จะบันทึกในทุกด้านไม่ว่าจะเป็น ด้านเครื่องมือ / Technical Analysis / Fundamental Analysis รวมถึง แนวความคิดหรือ Mindset ที่ได้รับมาจาก ประสบการณ์ที่เจอมาโดยตรง อ่านหนังสือ หรือ Video ต่างๆ ที่ได้รับมา
การทำ Journal มีประโยชน์มากๆ ถ้าทำอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในการ Trade เพราะ จะทำให้สามารถกลับไปทบทวนจุดที่ผิดพลาดหรือจุดที่สำคัญที่อยากเน้นย้ำตัวเองในอนาคตครับ
(สปอย : ในอนาคตจะมีตัวอย่างวิธีการทำ Journal แบบเข้าใจง่ายและใช้ได้จริง ในอนาคตครับ ฝากติดตามกันไว้ด้วย *ไหว้ย่อ*)
อย่างที่เกริ่นไปในข้างต้น ด้วยความที่ จิตวิทยา (การ Trade) ไม่สามารถชี้ได้เลยว่า อ่านหนังสือเล่มนี้ ดู Podcast อันนี้ หรือ ดู Video นี้ๆ แล้วจะมีความสามารถในด้านจิตวิทยาพร้อม Trade ได้เลยหรือสามารถอยู่รอดในตลาดได้ทันที
ดังนี้ผู้เขียนจะ Guide หรือ เป็นแนวทาง ให้เห็นภาพ สำหรับผู้ที่สนใจที่มีเป้าหมายอยาก Trade หรือ สนใจการ Trade ว่าต้องมีจิตวิทยา หรือ มุมมองยังไง *ต้องรู้อะไรในตัวเอง* บ้าง เพื่อการ Trade โดยเฉพาะครับ
จิดวิทยาจะขอแบ่งเป็น 2 หัวข้อใหญ่ๆ หรือ Concept ใหญ่ๆ ที่ต้องรู้แบบเข้าใจง่าย ดังนี้ครับ (ชื่อหัวข้อมันอาจจะแปลกๆนิดนึง แต่เข้าใจแน่นอนครับ)
1. รู้รอเป็น คือ รู้ตัวเองว่าตอนไหนควรรอ ซึ่งการรอไม่ใช่แค่เพียงมีความรู้ทางเครื่องมือต่างๆ แล้ว "รอ"กดซื้อขาย แต่การรอนี้ หมายถึง รอเพื่อเรียนรู้ตั้งแต่นับ 1 / รอเพื่อให้ตัวเองพร้อมและรู้สึกว่ามีเครื่องมือ รวมถึงความรู้มากพอที่จะเริ่ม Trade / รอเพื่อวางแผนในการต่อยอดความสามารถที่ตัวเองมี / รอเพื่อทบทวนและรู้จักอารมณ์ตัวเอง และ อื่นๆ
ที่หัวข้อแรก มีเป้าหมายหลัก คือการรอ เพื่อการลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดเมื่อลงมือทำจริงๆครับ แน่นอนว่าต่อให้รอนานแค่ไหนหรือเตรียมตัวแค่ไหน ก็จะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว (ไม่มีคนประสบความสำเร็จคนไหนประสบความสำเร็จโดยไม่ล้มเหลวมาก่อนไม่มากก็น้อยครับ)
(ต่อ) ซึ่งในการลงมือทำจริงๆ ก็อาจเกิดความผิดพลาดที่ต้องเจอเองจากประสบการณ์ของตัวเองจริงๆ ที่ไม่สามารถไปศึกษาที่ไหนได้ หรือ อ่านหนังสือเล่มไหนได้เลย แต่หากสามารถลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการขาดความรู้ หรือความไม่พร้อมทางจิตใจได้มากที่สุดที่เป็นส่วนของการ "รอ" หรือ "การเตรียมความพร้อม" ก็จะส่งผลดีต่อการต่อยอดพัฒนาต่อไปครับ
ยกตัวอย่างเช่น แม้ผู้เขียนมีแผน Trade หรือ Trade Setup เรียบร้อยแล้ว คือ "รอ" เพื่อหาความรู้ แต่ต่อมา เมื่อราคามาถึงจุดที่ต้องการแล้ว เกิดความคิด สงสัย หรือไม่มั่นใจใน Trade Setup ตัวเอง เพราะอาจจะขาดการ "รอ" เพื่อทบทวน / ทำความเข้าใจ กับ วิธีการ เครื่องมือต่างๆ และสิ่งที่ต้องทำ ก็อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้
*ความไม่มั่นใจนี้แม้เป็นความรู้สึกเพียงเล็กน้อยแต่ก็อาจจะทำให้ไม่ตัดสินใจ กด Trade หรือ พอตัดสินใจกด Trade ราคาก็วิ่งไปแล้ว หรือ ไม่ได้เข้า Trade ในจุดที่อยากได้จริงๆ
2. รู้ทำเป็น คือ รู้ว่าตอนไหนที่ควรลงมือจริงรู้ว่าตอนลงมือจริงๆต้องทำอย่างไร และ *ไม่กลัวเมื่อต้องลงมือทำจริงๆ* ซึ่ง การรู้ว่าลงมือทำ ทำอย่างไรบ้างนั้น เรียกได้ว่าเป็น 10% ของ ระยะเวลาที่ใช้ในขั้นตอนการ Trade เท่านั้น เพราะระยะเวลาที่ที่ต้องทนให้ได้จริงๆ และ ส่งผลกระทบต่อจิตใจมากกว่าคือการ "รอ" (ส่วนที่ 1) ส่วนการ "ทำ" เป็นเพียงขั้นตอนที่ทำให้การ "รอ" อย่างมีคุณภาพนั้นเกิดผลออกมานั้นเองครับ
ยกตัวอย่างเช่น รู้สึกว่าตัวเองพร้อมแล้วมีแผน (Strategy) และ รูปแบบการ Trade (Trade Setup) ซึ่งคัดเลือกมาแล้ว ว่า แบบนี้จะเข้าทำการซื้อขาย และ แบบนี้จะรอซึ่งส่วนนี้ก็มาจากการอดทน "รอ" เรียนรู้ทบทวนต่างๆ แต่พอไปลงมือ Trade จริงๆ ก็ไม่แน่ใจว่าแบบนี้ "ควรรอ" หรือ "ควรลงมือ" สุดท้ายก็ไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้ เข้าตามใจของตัวเองบ้าง (ใจไม่นิ่ง) ทำให้ไม่มี Edge หรือจุดตัด เพื่อที่จะได้ทำและฝึกเป็นนิสัยที่แน่นอนจริงๆ (ซึ่งก็เคยเกิดกับผู้เขียนเอง)
ซึ่งในส่วนนี้ก็อาจจะลามไปสร้างนิสัยที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เช่น พอไม่ได้จุดเข้าที่อยากเข้าก็ดั้นด้นเข้าไป สุดท้ายราคาย้อนกลับ(PullBack) มาโดนจุด Cut ขาดทุน ทั้งที่ หากเข้าก่อนหน้านั้น หรือ รู้ว่าตอนนั้นควรเป็นการลงมือทำ ก็อาจไม่ถึงจุด Cut ขาดทุนครับ
*ทั้งสองอย่างนี้คือ คีย์หลักที่เรียกได้ว่า ถ้าพร้อมทั้ง 2 อย่างนี้จริงๆก็อยู่รอดในตลาดนั้นๆ ได้ไม่ยากเย็นเลยครับ
-ผู้เขียนถึงผู้อ่าน-
1.บทความนี้ก็อาจเป็นบทความสุดท้ายในซีรีย์นี้นะครับ ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ก็จะขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามมาถึงตอนนี้นะครับ และ ถ้าเข้ามาอ่านใหม่และสนใจสายทาง Trader เหมือนกัน ก็ฝากแวะไปดูเนื้อหาอื่นๆได้ในเพจนี้นะครับ *กราบสวย*
*2. สำหรับผู้ที่อ่านมาถึงตรงนี้อยากฝากไว้นิดนึงครับ ว่าอาชีพที่เรียกว่า "Trader" ก็เหมือนอาชีพอื่นที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ถึงลงมือทำจริง เช่น อาชีพนักกฎหมายก็อาจต้องศึกษา 4 ปีและอาจมากกว่านั้นถ้าจะต่อยอดออกไป (เนติบัณฑิตและอื่นๆ) หรือ หมอก็ต้องเรียนรู้มากกว่า 4 ปีแล้วแต่หลักสูตรต่างๆ และ อาชีพอื่นๆ ที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เช่นเดียวกันครับ
ทั้งนี้ อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นครับ ว่า "Trader" เป็นอาชีพๆ หนึ่ง ที่ต้องใช้เวลาการเรียนรู้เช่นกันครับ แต่ที่ศาสตร์ในการ Trade แตกต่างกับศาสตร์อื่นๆ เพราะระยะเวลาของแต่ละคนที่ใช้ ในการเป็น Trader ที่สามารถอยู่รอดในตลาดได้ ก็อาจน้อยหรือมากแตกต่างกันออกไป บางคนหลัก"อาทิตย์" หรือ บางคนหลัก "ปี" ก็สามารถอยู่ในตลาดได้ครับ
อาชีพ "Trader" อาจเรียกว่าเป็น "life long learning" หรือ นักเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆครับ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องรีบร้อนครับเรียนรู้ไปเรื่อยๆ พอถึงจุดนึงก็จะรู้สึกได้ว่าพร้อมครับ
To lose patience is to lose the battle.
Mahatma Gandhi
*บทความดังกล่าวเป็นเพียงการให้ความรู้จากมุมมองและความเห็นของผู้เขียนเท่านั้นไม่ใช่การแนะนำการลงทุน
*การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
โฆษณา