22 ก.พ. 2023 เวลา 10:40 • ประวัติศาสตร์

พาเนอราย (Penarai) ค.ศ.1860

นาฬิกาที่เริ่มจากการขายให้กับกองทัพอิตาลีเป็นหลัก
Panerai เริ่มต้นจากร้านนาฬิกาเล็ก ๆ ในปี ค.ศ.1860 โดย Giovanni Panerai เป็นผู้ก่อตั้ง ที่ Ponte Alle Grazie เมือง Florence ประเทศอิตาลี นอกจากจะเป็นร้านขายนาฬิกาแล้ว ยังเป็นโรงเรียนสอนทำนาฬิกาแห่งแรกของเมืองอีกด้วย
ต่อมาในปี ค.ศ.1890 Guido Panerai หลานของ Giovanni Panerai ได้เข้ามาดูแลกิจการต่อและย้ายร้านไปตั้งอยู่ที่เมือง Piazza San Giovanni และพวกเขาได้มีโอกาสร่วมงานกับกองทัพเรืออิตาลีในฐานะซัพพลายเออร์อย่างเป็นทางการ
เพราะ Panerai เชี่ยวชาญในการผลิตอุปกรณ์ความแม่นยำสำหรับนักดำน้ำอย่างเข็มทิศและเกจวัดระดับความลึก และอีกอย่างที่ทางแบรนด์ Panerai ประสบความสำเร็จ
THE FIRST RADIOMIR PROTOTYPE
คือการสร้าง “RADIOMIR” ผงที่ทำมาจากสสาร Radium ทำให้หน้าปัดนาฬิกาสามารถเรืองแสงได้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมระดับโลกอันน่าจดจำของ Panerai เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นแบรนด์แรก ๆ ของโลกเลยที่มีเทคโนโลยีนี้
คุณลักษณะที่โดดเด่นอีกประการหนึ่งของ Panerai Radiomir ก็คือความชัดเจนเป็นพิเศษซึ่งรับประกันได้แม้ในสภาพแสงใต้น้ำที่ไม่เอื้ออำนวย คุณลักษณะนี้เกิดขึ้นได้โดยตัวระบุชั่วโมงเรืองแสงในที่มืดและเข็มนาฬิกาบนหน้าปัดสีดำ
Panerai พัฒนาสารเรืองแสงพิเศษจาก zinc sulphate และ radium bromide mesothorium และสามารถจดสิทธิบัตรภายใต้ชื่อ "Radiomir"
เมื่อปรากฎว่าวัสดุของ Radiomir นั้นมีกัมมันตภาพรังสีสูงมันก็ถูกแทนที่ด้วยสารเรืองแสงอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Luminor ในปี ค.ศ.1960 เห็นการกำเนิดของรูปแบบใหม่ของ Luminor คุณสมบัติของ Luminor มีตัวเรือนที่ทนทานซึ่งสร้างขึ้นในรูปทรงแบบดั้งเดิมและทำให้มั่นใจได้ถึงความหนาแน่นในการกันน้ำ
THE RADIOMIR REF. 3646
แม้จะจดสิทธิบัตร RADIOMIR ณ วันที่ 23 มีนาคม ค.ศ.1916 แต่นาฬิกา Prototype เรือนแรกกลับออกมาในปี ค.ศ. 1936 ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งพวกเขาได้ร่วมมือกับ Rolex ผู้เชี่ยวชาญด้าน Dive Watch ในยุคนั้น
ในการสร้าง RADIOMIR เรือนแรกขึ้นมา ซึ่ง Rolex เป็นผู้ผลิตให้ทั้งเรือน (ยกเว้นสารเรืองแสง) พวกเขาเริ่มต้นด้วยการขยายเคส Oyster จาก 26 มม. ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับกลไก Pocket Watch รุ่น Rolex Caliber 618 จึงไม่แปลกใจที่ดีไซน์ของนาฬิกา RADIOMIR จะคล้ายคลึงกับ Oyster รุ่นแรก
ตัวเรือน RADIOMIR มีขนาดใหญ่ถึง 47 มม. ใช้เคสทรง Cushion ที่ดูล้ำสมัยในยุคนั้น มาพร้อมกับ Lug แบบเส้นลวดที่ดูสะดุดตา จุดเด่นคือการกันน้ำอย่างดีเยี่ยมและสามารถอ่านเวลาได้ง่ายในน้ำลึก
ซึ่งทางแบรนด์ได้ผลิตออกมาเพียงแค่ 10 เรือนสำหรับหน่วยคอมมานโด Frogman เท่านั้น ทำให้นาฬิการุ่นนี้หายากมาก ๆ มีราคาสูงถึง 3.5 ล้านบาท และนาฬิการุ่น RADIOMIR ก็จะเป็นแม่แบบของ Panerai ทุกเรือนที่กำลังจะมาในอนาคต
ในปี ค.ศ. 1956 ทาง Panerai ได้พัฒนา Egiziano นาฬิกากันน้ำขนาดยักษ์ 60 มม. สำหรับใช้งานในกองทัพเรือประเทศอียิปต์ โดยตัวเรือนมีความทนทานและดำน้ำได้นานยิ่งขึ้น มาพร้อมกับขอบหน้าปัดที่คำนวณระยะเวลาดำน้ำได้
PANERAI LUMINOR WATCH
น่าเสียดายที่รุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายที่ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับ Rolex และในปีเดียวกันนี้ Panerai ก็ได้จดสิทธิบัตร Crown-Protecting Bridge ชิ้นส่วนที่ช่วยปกป้องไม่ให้เม็ดมะยมได้รับการกระแทกพร้อมกับช่วยให้นาฬิกากันน้ำได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา Crown guard ก็ได้กลายมาเป็น DNA ของ Panerai ทุกเรือนจนถึงทุกวันนี้
หลังจากที่ทำธุรกิจกับกองทัพมานานและสงครามโลกได้จบลงไปแล้ว ในที่สุด Panerai ก็ได้เปิดขายนาฬิกาให้กับคนทั่วไปด้วยคอลเลกชันแรกในปี ค.ศ. 1993 คือ Luminor, Luminor Marina และ Mare Nostrum
ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น RADIOMIR และ LUMINOR กระแสตอบรับค่อนข้างดีแต่ก็ยังไม่ดีเท่าแบรนด์อื่น ๆ จากนั้นไม่นาน Sylvester Stallone นักแสดงที่รับบท “แรมโบ้” ได้ตกหลุมรัก Panerai ขณะเดินผ่านร้านนาฬิกาที่เมือง Florence
เขาจึงได้สวมใส่ Luminor Slytech Daylight 5218-207/A ในภาพยนตร์แอคชั่น “Daylight” ปี ค.ศ1996 และยังขอให้ Panerai ผลิตรุ่นพิเศษเพิ่มให้มีชื่อเขาอยู่บนหน้าปัดอีกด้วย (รุ่นพิเศษ SLY TECH) เพียงเท่านั้นเอง Panerai ก็เป็นที่รู้จักในตลาดโลก
Sylvester Stallone นักแสดงที่รับบท “แรมโบ้”
นอกจากนี้ยังมีดาราท่านอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มความนิยมให้กับ Panerai อีกด้วย เช่น Arnold Schwarzenegger สวมใส่ในภาพยนตร์เรื่อง “Eraser”, DMX แรปเปอร์ชื่อดังจากเรื่อง “Exit Wounds - The Copjäger” และ Jason Statham จากเรื่อง “Transporter - The Mission”
ในปี ค.ศ. 2001 Panerai ได้เปิดตัวสู่ระดับ international อย่างเป็นทางการ ทางแบรนด์ได้เลือกสโลแกนใหม่ “Laboratorio Di Ldee” ซึ่งเป็นภาษาอิตาลีแปลว่า “ห้องแล็บที่มากล้นด้วยไอเดีย” เพื่อแสดงทิศทางและหลักปรัชญาของแบรนด์ที่มุ่งเน้นด้านการวิจัยและค้นหานวัตกรรมใหม่ ๆ
การเติบโตของแบรนด์นั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด และในที่สุด Panerai ก็มี In-House Movement เป็นของตัวเอง ในปี ค.ศ.2005 พวกเขาได้เปิดตัวกลไก Manual รหัส P.2002 ที่มีฟังก์ชั่น GMT และ Power Reserve นานถึง 8 วัน
สองปีถัดมาในปี ค.ศ.2007 ทางแบรนด์ได้เปิดตัวกลไกใหม่โดยมีฟังก์ชั่น Tourbillon ซึ่งสามารถหมุนหนึ่งรอบได้ภายใน 30 วินาทีในขณะที่เจ้าอื่นนั้นใช้เวลา 60 วินาที
ส่วนกลไก Automatic ตัวแรกนั้น Panerai เปิดตัวในปี ค.ศ.2013 ในชื่อรหัส P.9100 มาพร้อมกับฟังก์ชั่น Chronograph Flyback และรุ่นพิเศษ P.9100/R ที่มีฟังก์ชั่น Regatta Countdown เพิ่มเติมเข้ามา
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference พาเนอราย (Penarai) :
โฆษณา