28 ก.พ. 2023 เวลา 07:43 • ท่องเที่ยว

Paris-Belgium ในฤดูหนาว 8 วัน 7 คืน Jan-Feb 2023 (PART 3)

เข้าสู่วันที่ 3 ที่เราอยู่ปารีสกันแล้วนะครับ เช้านี้มีแพลนที่เราวางแผนกันมานาน แทบจะเป็นแผนหลักที่เราต้องมาให้ได้เลย นั่นคือ Disneyland Paris นั่นเองครับ ดิสนีย์แลนด์ปารีส จะเป็นดิสนีย์แลนด์แห่งแรกในชีวิตผม (อีกแล้ว) ที่ได้ไปครับ เลยค่อนข้างตื่นเต้นกับวันนี้เป็นพิเศษ
2
ตั๋ว Disneyland Paris
เริ่มจากตั๋วเขาสวนสนุกก่อนนะครับ ผมจองผ่านเว็บ Klook เลือกเป็นตั๋วแบบ One-day เข้าได้ 2 parks (ปารีสจะแบ่งเป็น 2 สวนนะครับ คือ Studio กับ Park) และซื้อ Ultimate express สำหรับเข้าช่องทางพิเศษไม่จำกัดเครื่องเล่น เครื่องละ 1 ครั้งด้วยครับ รวมทั้งหมด ตกคนละ 6,252 บาท
ระหว่างทางรถไฟจากปารีสสู่ดิสนีย์แลนด์ เวลาประมาณ 08:30
เริ่มต้นการเดินทางตั้งแต่เช้าครับ ดิสนีย์แลนด์จะเปิดตอน 09:30 เราเลยออกจากโรงแรมตั้งแต่ 08:00 เนื่องจากต้องนั่งรถไฟไปใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เห็นสภาพอากาศวันนี้แล้วก็เกิดความกังวลขึ้นมาครับ เพราะฝนตกเบาๆ ฟ้ามืด ขมุกขมัว และอากาศหนาวมาก ทำใจไว้ก่อนเลยว่าอาจจะไม่สนุกแน่ๆ
1
นั่งรถไฟมาได้สักพักก็ถึงดิสนีย์แลนด์ โดยเราวางแผนกันว่าดิสนีย์แลนด์ปารีสมี 2 Parks แต่ปิดไม่พร้อมกัน ตัว Walt disney studio park จะปิดก่อน เราจึงจะแวะไปที่นี่กันก่อนครับ
ป้ายต้อนรับ Disneyland Paris
การมาเที่ยว Disneyland ที่ปารีส ผมแนะนำว่าควรโหลดแอพ Disneyland ของเขามาด้วยนะครับ เพราะแอพทำดีมาก ผมชอบมาก เราสามารถสแกนตั๋วเข้าไปในแอพได้ แล้วใช้ตั๋วจากในแอพสแกนเข้าเครื่องเล่นต่างๆ ได้เลย อีกทั้งยังมีแผนที่ระบุเครื่องเล่น ร้านอาหาร สถานที่ต่างๆ ไว้ครบถ้วน สวยงาม ดูง่าย ทำให้การเที่ยวในดิสนีย์แลนด์ปารีสสนุกมาก ไม่วุ่นวาย ไม่มีหลง
แผนที่ Disneyland Paris
Walt disney studio park เป็นสวนที่จะจัดแสดงเกี่ยวกับผลงานของ Walt disney studio เด่นๆ ก็พวก Avengers หรือ Pixar ประมาณนี้ครับ
Walt disney studio กับบรรยากาศที่ไม่ค่อยเป็นใจ
ข้างในตึก Studio 1 จะเป็นแหล่งของฝาก ห้องน้ำ จุดพักต่างๆ
Hollywood tower เครื่องเล่นนี้ทำเอาตกใจเลยครับ สนุกมาก
บรรยากาศใน Walt disney studio park
เดินมาฝั่ง Avengers camp มีคนมาต้อนรับเราด้วย
Avengers camp อลังกาลดีครับ ใครชอบ Marvel สนุกแน่ๆ
เดินเที่ยวฝั่ง Walt disney studio park จนอิ่มใจแล้ว ก็ไปหาอะไรกินให้อิ่มท้องกันต่อ ผมเลือกกินห้องอาหาร PYM Kitchen เพราะว่าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ เราก็คิดว่าเที่ยวสวนสนุกต้องใช้พลังงานเยอะ กินเติมให้เต็มๆ ไปก่อนละกัน (แต่ราคาจุกอยู่ครับ ตกหัวละ 45 ยูโรกันเลยทีเดียว)
PYM Kitchen อาหารอร่อยเกินคาดมากครับ ไลน์อาหารก็เยอะ ชอบมากอีกแล้วครับ
กินอิ่มแล้ว ก็ไปต่อกันอีก Park หนึ่งเลยครับ ชื่อว่า Disneyland Park เป็นสวนหลักของที่นี่เลย ไปครับ ลุย!
ทางเข้า Disneyland Park ต้อนรับกันด้วยปราสาทหลังงามๆ
แม้จะมืดฟ้ามัวดิน แต่ของจริงสวยมากๆ
เดินผ่านปราสาทเข้ามา ก็จะเจอกับซุ้มประตูสวยๆ อีกอัน (ตรงกลางประดับฉลอง 30 ปี Disneyland paris ครับ)
ภายใน Park ตกแต่งแบบเทพนิยายสุดๆ ครับ
เครื่องเล่นต่างๆ ก็น่ารักมากครับ
เดินเล่นเครื่องนู้น ออกเครื่องนี้ สนุกมากครับ ผมไม่รู้จะบรรยายยังไง แต่ส่วนตัวชอบมากๆ เอนจอยมากๆ อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสด้วยตัวเองจริงๆ เราเล่นกันไปเรื่อยจนเย็น แดดก็เริ่มออกครับ ดีใจมาก แม้จะเป็นแดดเย็นแล้วก็ตาม
ปราสาท Sleeping Beauty สวยเด่นเป็นสง่า อยู่กลาง Park เลยครับ
ปราสาท Sleeping Beauty กับท้องฟ้าใสๆ
บรรยากาศยามเย็น หลังผ่านฝนมาทั้งวัน
พอพระอาทิตย์ตก ปราสาทก็เปลี่ยนสีไป
กลางคืนที่นี่ก็สวยครับ เหมือนอยู่ในเทศกาลอะไรสักอย่างเลยครับ
ปิดท้ายวันนี้ด้วยขบวนพาเหรด และการแสดงแสงสีเสียง ยิ่งใหญ่ สวย อลังกาล ดูไปว้าวไป ปรบมือไป ตลอดทั้งชีวิตที่เกิดมา นี่เป็นการมาเที่ยวสวนสนุกที่สนุก ประทับใจ และรู้สึกอิ่มใจที่สุดเลยครับ ใครยังไม่เคยมา ขอร้องว่าอย่าพลาด ยิ่งแฟนคลับดิสนีย์แล้ว ยังไงก็ต้องมา พยายามถ่ายรูปยังไงก็ไม่สวยเท่าที่ตาเห็นจริงๆ ครับ
หลังจากโชว์จบทุกคนก็มุ่งหน้าไปที่ทางออก คนเยอะมากๆ แต่ไม่มีอะไรติดขัดเลยครับ ไหลไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ได้ขึ้นรถไฟ เดินทางกลับโรงแรม เป็นอีกหนึ่งวันที่เหนื่อยแสนเหนื่อย แต่มีความสุขที่สุด ขนาดจะนอนแล้วยังหุบยิ้มไม่ลงเลยครับ (อติพจน์โวหารเล็กน้อย แต่มีความสุขจริงๆ)
เช้าวันต่อมา มีเหตุการณ์ผิดแผนเกิดขึ้น ทำให้ทริปของเราสะดุด และเสียเวลาไปพอสมควร การเที่ยวในวันนี้เลยไม่มีอะไรมาก ผมขออนุญาตเล่าต่อจากข้างบนเลยนะครับ
ไอเฟลตอนเช้าๆ จากมุมอื่นๆ ในปารีส
เช้าวันนี้เรามีแผนไปเที่ยวอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญนั่นคือ พระราชวังแวร์ซาย (Chateau de Versailles) ครับ เราออกกันแต่เช้าเหมือนเดิมมุ่งหน้าไปสถานีรถไฟ แล้วพบว่า สถานีรถไฟปิดครับ ไม่ให้บริการในวันนี้เนื่องจากมีเหตุการณ์ประท้วงเกิดขึ้น (การประท้วงในปารีสสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยๆ ครับ มีตั้งแต่เล็กๆ ไปจนใหญ่ๆ ต้องติดตามข้อมูลข่าวสารดีๆ) เราจึงตัดสินใจที่จะเรียก Bolt เจ้าเก่าเจ้าเดิม เพื่อเดินทางไปแวร์ซาย โดนค่ารถไป 16 ยูโร (หักส่วนลดเรียบร้อยแล้วครับ)
Chateau de Versailles
ไม่นานเราก็มาถึง Chateau de Versailles หรือ พระราชวังแวร์ซายครับ วันนี้เรายังคงโชคดีอย่างต่อเนื่อง พระราชวังแวร์ซายเองก็ปิดจากเหตุประท้วงเช่นกันครับ (ผมกรี๊ดในใจไปอีกหนึ่งรอบ) ให้เราไปติดต่อขอค่าตั๋วคือจาก Klook (ผมจองมาตั้งแต่อยู่ไทยแล้ว คนละ 673 บาท)
ด้านหน้า Chateau de Versailles
แม้ตัวพระราชวังจะเข้าไปไม่ได้ แต่บริเวณรอบปราสาท กับสวนยังคงเข้าชมได้อยู่ครับ
สวนด้านหลังพระราชวังแวร์ซาย
ด้านหลัง Chateau de Versailles
บริเวณรอบ Chateau de Versailles
ขออวดรูปตัวเองสักหน่อยครับ
เราเดินเล่นถ่ายรูปกันไม่นาน ก็ตัดสินใจกลับเข้าเมือง (เรียกรถเหมือนเดิม ค่ารถ 17 ยูโรครับ) พอเข้าเมืองมาไม่รู้จะทำอะไรดีเลย เดินเล่นกันอีกสักรอบครับ ก่อนที่พรุ่งนี้เราจะย้ายประเทศกันแล้ว
กลับเข้าปารีสมาปุ๊บ ท้องฟ้าก็สดใสปั๊บ
เดินมาดูไอเฟลอีกแล้วครับ แต่รอบนี้เปลี่ยนมาฝั่ง Trocadéro Square
ฝั่ง Trocadéro Square เราจะได้ไอเฟลแบบเต็มๆตาเลยครับ
ยิ่งคิดว่าเขาสร้างของใหญ่ขนาดนี้ให้บรรจบจากฐานสู่ยอดได้ยังไง ก็ยิ่งทึ่ง ต้องละเอียด รอบคอบมากๆ
เราอยู่กันที่ฝั่ง Trocadéro Square จนพระอาทิตย์ตกดินเลยครับ เพื่อรอดูการเปิดไฟของหอไอเฟล เขาจะเริ่มเปิดไฟเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน โดยเปิดทุกๆ ชั่วโมง รอบละประมาณ 5 นาทีครับ บริเวณนี้จะมีการขายสินค้าของที่ระลึก มีคนมาเปิดหมวกร้องเพลง มีร้านเครปฝรั่งเศส มีคนนั่งบนบันไดมองไอเฟล ปล่อยเวลาให้ไหลไปเรื่อยๆ ดูๆ ไปก็ชิลดีครับ ชอบบรรยากาศอะไรแบบนี้เหมือนกัน หลังจากดื่มดำนั่งว่างๆกันสักพัก เราก็ออกมาหาอะไรกินครับ เป้าหมายคือหอยทากอันเลื่องลือ ณ ร้าน L'Escargot
ร้านหอยทากที่เปิดมาแล้วเนิ่นนาน L'Escargot
หอยทากอร่อยเกินคาดครับ แต่เมนูอื่นธรรมดา (ไม่ต้องสั่งก็ได้) มื้อนี้สองคนจบที่ 95 ยูโร (มีสั่งแอลกอฮอล์)
ทานอิ่มแล้วก็กลับโรงแรม ไปอาบน้ำ เก็บกระเป๋า พักผ่อน เตรียมตัวสำหรับย้ายเมือง ย้ายประเทศในวันพรุ่งนี้กันครับ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ปารีสกันแล้วครับ ผมเลยขอจบที่ตรงนี้ก่อน ในพาร์ทต่อไป เราจะเปลี่ยนไปประเทศเบลเยี่ยมกันครับ โปรดติดตามพาร์ทต่อไปกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา