2 มี.ค. 2023 เวลา 12:50 • ประวัติศาสตร์

วาเชอรอง คอนสแตนติน (Vacheron Constantin) ค.ศ.1755

“ทำให้ดีขึ้นถ้าเป็นไปได้ และมันก็เป็นไปได้ซะทุกที” (Do better if possiblend it is always possible) เป็นเหมือนปรัชญาที่สืบทอดจิตวิญญาณของช่างทำนาฬิกา ในการประดิษฐ์นาฬิกาคุณภาพเลิศจากรุ่นสู่รุ่น
จากอดีตสู่ปัจจุบัน ‘วาเชอรอง คอนสแตนติน’ (Vacheron Constantin) จิตวิญญาณนิรันดร์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง
เริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ. 1755 โดย ฌอง มาร์ค วาเชอรอง (Jean-Marc Vacheron) ช่างซ่อมนาฬิการะดับปรมาจารย์ ผู้ผลิตนาฬิกาอิสระในเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในวัย 24 ปี ได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะต่อยอดและส่งต่อทักษะอันเชี่ยวชาญในการผลิตนาฬิกาที่มีคุณภาพสูงให้กับรุ่นต่อ ๆ ไป
ฌอง มาร์ค วาเชอรอง เป็นเพื่อนสนิทของนักปรัชญาการตรัสรู้ชั้นนำ Jean-Jacques Rousseau (ฌอง-ฌาค รุสโซ) และ Voltaire (วอลแตร์) เนื่องมาจากความสนใจร่วมกันในด้านปรัชญา วิทยาศาสตร์ และการผลิตนาฬิกา
Jacques-Barthélemy Vacheron
โดยวาเชอรองได้สร้างสรรค์ Pocket Watch ที่โดดเด่นด้วยตัวเรือนสีเงิน ลงนาม “J.M: Vacheron A GENEVE” บนตัวกลไก และเป็นนาฬิกาเพียงเรือนเดียวที่มีการระบุชื่อผู้ก่อตั้งแบรนด์ ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นมรดกตกทอดของแบรนด์ Vacheron Constantin และเป็น Pocket Watch ที่เก่าแก่ที่สุดของแบรนด์
ในปี ค.ศ. 1785 บริษัทอยู่ภายใต้การบริหารของรุ่นลูกคือ Abraham Vacheron (อับราฮัม วาเชอรอง) ต่อมาในปี ค.ศ. 1810 Jacques-Barthélemy Vacheron ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของผู้ก่อตั้ง ก็ได้เข้ารับตำแหน่งผู้บริหารกิจการของครอบครัวสืบต่อมา ซึ่งเขาเป็นคนแรกที่เริ่มการส่งออกของบริษัทไปยังฝรั่งเศสและอิตาลี
โดยทางแบรนด์ ได้เริ่มต้นผลิตชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น นาฬิกาพก Quarter Repeater ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่โลกแห่งการผลิตเรือนเวลาอันยิ่งใหญ่
Pocket Watch ที่ลงนาม J.M: Vacheron A GENEVE
ในปี ค.ศ. 1819 Jacques-Barthélémi Vacheron ต้องการขยายธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เขาจึงตระหนักได้ว่าจำเป็นจะต้องมีหุ้นส่วนเพื่อช่วยให้กิจการดำเนินไปได้ดียิ่งขึ้น โดยเขามีโอกาสได้พบกับ François Constantin นักธุรกิจมากประสบการณ์ จึงได้ติดต่อพูดคุยและได้ตกลงทำธุรกิจร่วมกัน
จากนั้นก็ได้ตั้งชื่อบริษัทใหม่เป็น "Vacheron et Constantin" และเพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ในวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ.1819 ระหว่างการเดินทางไป Turin ประเทศอิตาลี François Constantin ก็ได้เขียนข้อความถึง Jacques-Barthélémi Vacheron ผู้เป็นพาร์ทเนอร์ มีใจความว่า
"Do better if possible, and that is always possible" หมายถึง “ทำให้ดีขึ้นถ้าเป็นไปได้ และมันก็เป็นไปได้เสมอ”
ซึ่งประโยคนี้เองที่เป็นสโลแกนสำคัญของแบรนด์ Vacheron Constantin มาจนถึงทุกวันนี้
ฟร็องซัว คอนสแตนติน (François Constantin)
ในช่วงยุค 1800 นาฬิกาพก เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการบอกเวลาอันเป็นที่นิยมในขณะนั้น ซึ่งทางแบรนด์ก็ได้ผลิตนาฬิกาพก โดยเน้นที่การออกแบบอันหรูหราและสวยงาม อีกทั้งในช่วงนั้นก็เป็นยุคของการเดินเรือและการเดินทาง
ดังนั้นเครื่องมือเชิงคำนวนในการเดินทาง จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ ก่อกำเนิดสิ่งประดิษฐ์ที่มีชื่อว่า “Marine Chronometer” อันมีความแม่นยำเพื่อใช้กำหนดทิศทางในการเดินเรือ
François Constantin เดินทางไปทั่วโลกและทำการตลาดนาฬิกา ตลาดหลักในขณะนั้นคืออเมริกาเหนือ โดยในปี ค.ศ. 1833 Vacheron และ Constantin ได้ว่าจ้างให้ Georges-Auguste Leschot (จอร์ช-โอกุสต์ เลสโชต์) เข้ามาทำหน้าที่ดูแลการผลิต
ความเป็นนักประดิษฐ์และการสร้างสรรค์ของ Leschot เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความสำเร็จให้กับบริษัท สิ่งประดิษฐ์ของเขาส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาโดยทั่วไป และเขาเป็นคนแรกที่กำหนดมาตรฐานกลไกการเคลื่อนไหวของนาฬิกาให้เป็นระบบ Calibers
จอร์ช-โอกุสต์ เลสโชต์ (Georges-Auguste Leschot)
ในปี ค.ศ. 1844 จอร์ช-โอกุสต์ เลสโชต์ได้รับรางวัลเหรียญทองจากสมาคมศิลปะแห่งเจนีวา (The Arts Society of Geneva) ซึ่งชื่นชมอุปกรณ์แพนโทกราฟี (pantographic device) ของเลชอตอย่างสูง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถแกะสลักชิ้นส่วนนาฬิกาและหน้าปัดขนาดเล็กด้วยเครื่องจักรได้
ในปี ค.ศ.1880 VC ก็ได้ทำการออกแบบโลโก้กางเขนมอลตา โดยได้แรงบันดาลใจมาจากชิ้นส่วนของกลไกที่มีส่วนช่วยให้นาฬิกาเดินได้เที่ยงตรงมากขึ้น โดยโลโก้นี้แสดงให้เห็นถึงปณิธาน และเป็นตัวแทนของแบรนด์
ที่มุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำนาฬิกาที่มีความแม่นยำอย่างสูงสุด จนได้กลายเป็นโลโก้ของแบรนด์ที่ถูกนำมาใช้จนถึงทุกวันนี้
ในช่วงยุคสมัยนั้น นาฬิกาข้อมือจะถูกออกแบบมาให้เป็นเครื่องประดับสำหรับผู้หญิง ในขณะที่ผู้ชายจะใช้นาฬิกาพกมาโดยตลอดจนถึงศตวรรษที่ 20 ฉะนั้นทางแบรนด์ VC จึงเกิดไอเดียในการสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือเพื่อตอบสนองความนิยมของสาว ๆ ในช่วงนั้น
ทางแบรนด์จึงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างหนักเพื่อให้ได้นาฬิกาที่มีคุณภาพ จนกระทั่งในปี 1889 VC ก็ทำสำเร็จ โดยได้เปิดตัวนาฬิกาข้อมือสำหรับสุภาพสตรี มีการแกะสลักประกอบขึ้นอย่างประณีตบนสร้อยข้อมือและประดับเพชรล้อมรอบขอบตัวเรือน
Timex For Ladies Watches
ทำให้นาฬิกาดูงดงามอย่างแตกต่าง และเพื่อคงการดีไซน์ให้เรียบขึ้น ทางแบรนด์จึงตัดเม็ดมะยมออก แล้วได้ออกแบบพิเศษให้ตั้งเวลาโดยการหมุนขอบหน้าปัดแทน
นอกจากนี้ Vacheron & Constantin ยังได้รับเหรียญทอง ในงาน Swiss National Exhibition ในกรุงเจนีวาในปี ค.ศ. 1887 และได้เริ่มเข้าสู่ตลาดโลกอย่างเต็มตัว โดยในปี ค.ศ. 1906 แบรนด์ได้ทำการเปิดบูทีคแห่งแรกที่ Quai de L’Ile ในเมืองเจนีวา
ปีถัดมาแบรนด์ได้ทำการเปิดตัวนาฬิกาพก Royal Chronometer เรือนแรก ที่มีความโดดเด่นในเรื่องความทนทาน ซึ่งสามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่แตกต่างรวมทั้งมีความแม่นยำระดับสูง ส่งผลให้นาฬิกาพกรุ่นใหม่นี้ ได้รับความนิยมในระดับสากลอย่างรวดเร็ว
ต่อมาในปี ค.ศ. 1921 ทางแบรนด์มีแนวคิดอยากจะตีตลาดอเมริกา จึงทำการออกแบบนาฬิกาข้อมือที่ตัวเรือนเป็นรูปทรง Cushion มีเอกลักษณ์ในแบบที่แตกต่าง เพราะในยุคนั้นนาฬิกาพกยังคงครองเทรนด์อยู่
ฉะนั้นการสวมนาฬิกาข้อมือจึงถือว่าเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความทันสมัยและความสำเร็จ ซึ่งความพิเศษของนาฬิการุ่นนี้อยู่ที่ตำแหน่งของเม็ดมะยมจะอยู่ที่บริเวณ 11 นาฬิกา
แต่ในปัจจุบันเม็ดมะยมถูกย้ายไปอยู่บริเวณ 1 นาฬิกาแทน ซึ่งการผลิตเช่นนี้ก็เพื่อคนถนัดซ้ายและถนัดขวา เพราะไม่ว่าจะสวมนาฬิกามือไหนก็สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างง่ายดาย
ทางแบรนด์ VC ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์ต่าง ๆ ทั่วโลก จึงได้มีการสร้างนาฬิกาหลายเรือนให้กับราชวงศ์ในยุคนั้น เช่น มหาราชาแห่ง PATIALA ในประเทศอินเดีย
King Fuad I แห่งอียิปต์
แต่เรือนที่ถือว่าเป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดเรือนหนึ่งในยุคศตวรรษที่ 20 ก็คือ เรือนที่รังสรรค์ให้กับลูกชายของ King Fuad I แห่งอียิปต์ เพราะแบรนด์ VC ใช้เวลานานถึง 5 ปีในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกนี้ให้แล้วเสร็จ
โดยมีความซับซ้อนถึง 14 อย่าง และมีฟังก์ชันสุดซับซ้อนอย่าง Carillon Minute Repeater, Split-seconds Chronograph, Perpetual Calendar, Moonphase และ Moon Age Indicator
นาฬิกาพก Vacheron Constantin หมายเลข 402833 (1929) ซึ่งเป็นเจ้าของโดย King Fuad I แห่งอียิปต์ จัดอันดับให้เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่แพงที่สุดที่เคยขายในการประมูล โดยเรียกเงิน 2.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในกรุงเจนีวาเมื่อวันที่ 3 เมษายน ปี ค.ศ. 2005
นาฬิกาพก Vacheron Constantin หมายเลข 402833
ปี ค.ศ. 1969 Georges Ketterer เสียชีวิตลง ลูกชายของเขา Jacques Ketterer ได้รับช่วงต่อในการบริหารบริษัทจนประสบความสำเร็จ และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Vacheron Constantin” อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1970
หลังจาก Jacques Ketterer เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1987 บริษัทกำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตควอตซ์ (Quartz Crisis) หรือวิกฤตินาฬิกาใส่ถ่าน Luxury Sport Watch ได้กลายเป็นที่นิยม ช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 Vacheron Constantin ได้เปลี่ยนมือบริหารอีกครั้ง
โดยบริษัทตกอยู่ในมือของ Sheik Ahmed Zaki Yamani อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของซาอุดิอาระเบียและนักสะสมนาฬิกาตัวยง กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท
ซึ่งต่อมาได้พับ Vacheron Constantin ไว้ในพอร์ตการลงทุนส่วนตัวของเขา และในปี ค.ศ. 1996 กลุ่มบริษัท Swiss Richemont Group จึงได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Vacheron Constantin
Sheik Ahmed Zaki Yamani
Vacheron Constantin หันมาตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น ของนาฬิกา Steel แนวสปอร์ต ด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่น 222 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 222 ปีของแบรนด์ ออกแบบโดย Jörg Hysek ดีไซเนอร์ชาวเยอรมัน ซึ่งมีดีไซน์ที่แตกต่างจากรุ่นดั้งเดิมเป็นอย่างมาก
โดยนาฬิกาเป็นแนวสปอร์ตที่ทำจาก Steel ตัวเรือนเป็นทรง Tonneau ที่ได้รับความนิยมมากในช่วงปี ค.ศ. 1970 ขอบหน้าปัดเป็นรอยหยักพร้อมโครงสร้างแบบ Monobloc ซึ่งทนทานต่อการสึกหรอเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน
และด้วยลักษณะเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์นี้ จึงกลายเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสรรค์ Overseas คอลเล็กชั่นยอดนิยมของแบรนด์ในเวลาต่อมา
ปี ค.ศ.1996 เป็นปีที่สำคัญของแบรนด์ VC เพราะ Vendôme Luxury Group หรือ Richemont Group ในปัจจุบัน ได้ซื้อหุ้นของ Vacheron Constantin และได้ออกคอลเลกชัน Overseas
Overseas
โดยนาฬิกา Overseas เรือนแรกของแบรนด์มีขนาด 37 มิลลิเมตร ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับนักเดินทางทั่วโลก
โดยตัวเรือน Overseas จะเป็นรูปทรงตันพร้อมกรอบร่องหน้าปัดที่ชวนให้นึกถึงไม้กางเขนมอลตา เส้นสายแบบไดนามิกที่สามารถขยายได้ ทำให้ Overseas กลายเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ และเป็นรุ่นยอดฮิตที่นักสะสมมีไว้ในครอบครอง
ในปี ค.ศ. 2004 Vacheron Constantin ได้เปิดสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตแห่งใหม่ในเมือง Plan-les-Ouates กรุงเจนีวา อาคารสำนักงานใหญ่ของ Vacheron Constantin ในเจนีวาได้รับการออกแบบโดย Bernard Tschumi และได้รับการยกย่องจากความสำคัญทางสถาปัตยกรรม
เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2005 Richemont Group ได้แต่งตั้ง Juan Carlos Torres เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปัจจุบัน บริษัทเป็นสมาชิกอย่างแข็งขันของสหพันธ์อุตสาหกรรมนาฬิกาสวิส FH และผลิตนาฬิกาประมาณ 20,000 เรือนต่อปี มีพนักงานประมาณ 1,200 คนทั่วโลกในปี ค.ศ. 2018
Reference 57260
ในปี ค.ศ. 2015 เนื่องในโอกาสครบรอบ 260 ปีของแบรนด์ ทางแบรนด์จึงถือโอกาสเปิดตัวนาฬิกา Reference 57260 ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา ใช้เวลาในการสร้างสรรค์นานถึง 8 ปี
เพราะมีความสลับซับซ้อนรวมทั้งหมดถึง 57 กลไกด้วยกัน ซึ่งเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาและความเข้าใจในศาสตร์แห่งกลไกเรือนเวลาอย่างแท้จริง
ในปี ค.ศ.2020 ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัว Égérie คอลเล็กชันใหม่สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ เป็นการผสมผสานศิลปะของ Haute Couture (โอต กูตูร์) เข้ากับ Haute Horlogerie (โอต ออร์โลเฌรี)
Égérie Moonphase
โดยมีจุดเด่นที่ลวดลายเส้นบนหน้าปัด ซึ่งผลงานนี้เป็นการสร้างสรรค์นาฬิกาสำหรับผู้หญิงในมุมมองของ Vacheron Constantin ที่มองเห็นถึงความงามและความอ่อนหวานที่มีอยู่ในตัวผู้หญิงทุกคน
ปิดท้ายด้วยนาฬิกาสุดพิเศษอย่าง Les Cabinotiers Westminster Sonnerie – Tribute to Johannes Vermeer ที่ออกมาในปี ค.ศ. 2021 นาฬิกาพกเรือนเดียวในโลกที่มีภาพชื่อดังของศิลปินชาวดัทช์ โยฮานเนส เวอร์เมียร์
ถ่ายทอดลงบนฝาหลังของนาฬิกา ซึ่งทางแบรนด์ใช้เวลานานถึง 8 ปีในการสร้างสรรค์เรือนเวลาชิ้นเอกนี้ขึ้นมา โดยเกิดจากการหลอมรวมทักษะขั้นสูงในการสร้างสรรค์นาฬิกา
Les Cabinotiers Westminster Sonnerie – Tribute to Johannes Vermeer
และศิลปะการตกแต่งเข้ามาไว้ด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ตกแต่งด้วยเทคนิคลงยา เขียนสีขนาดเล็กซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของเจนีวาและเป็นมรดกของแบรนด์ Vacheron Constantin ที่สืบทอดกันมายาวนานกว่า 266 ปี
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference วาเชอรอง คอนสแตนติน (Vacheron Constantin) :
โฆษณา