18 มี.ค. 2023 เวลา 00:00 • หนังสือ

บทความ Blockdit ตอน มันไม่ใช่แค่นิยาย

ผมแต่งนิยายหากินมาหลายสิบปี จำนวนหลายร้อยเรื่อง จำนวนหนึ่งเป็นนิยายไซไฟ หลายเรื่องเป็นจินตนาการฝันเฟื่อง และไม่มีทางเป็นจริงได้
4
เอ้อ! ขออภัย... ขออนุญาตลบประโยคสุดท้าย!
ในปี พ.ศ. 2548 ผมเขียนเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์เรื่องหนึ่งชื่อ บริโภคนิยม (ตีพิมพ์ในชุด จรูญจรัสรัศมีพราว พร่างพร้อย) เล่าถึงสิ่งประดิษฐ์ในอนาคตชนิดหนึ่ง คือโฆษณาบนท้องฟ้า
1
โฆษณาบนท้องฟ้า? ใช่ โฆษณาบนท้องฟ้า ใช้ท้องฟ้าทั้งหมดเป็นฉากโฆษณา
ฉากในเรื่องคือโลกอนาคตไกลออกไป ตัวละครในเรื่องนี้ประดิษฐ์รูปแบบการโฆษณาใหม่ๆ มาตลอด ยกตัวอย่าง เช่น โฆษณาที่ปรากฏบนน้ำก๊อก เมื่อไขก๊อก ผิวน้ำที่ไหลออกมามีข้อความโฆษณาสินค้า โฆษณาบนใบไม้ ดอกไม้ และผลไม้ โดยใช้หลักการทางชีววิทยาและพันธุวิศวกรรม
โฆษณาบนท้องฟ้าแรกๆ ที่เขาทำคือโฆษณาเมฆ เมื่อชาวโลกเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เห็นก้อนเมฆลอยเข้าหากันกลายเป็นภาพโฆษณา ทำได้โดยใช้เทคโนโลยีที่ควบคุมสภาพอากาศ พวกเขาสามารถกำหนดทรงเมฆเป็นรูปสินค้าได้ตามใจเจ้าของสินค้า
แล้วก็มาถึงรูปแบบโฆษณาล่าสุด คืนหนึ่งเมื่อชาวโลกมองขึ้นฟ้า เห็นดวงดาวที่ระยิบระยับพลันดับไปทีละดวงสองดวง จุดดาวที่ยังสว่างอยู่เรียงเป็นข้อความโฆษณาสินค้า
1
นี่คือกำเนิดโฆษณาขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใช้ทั้งผืนฟ้าเป็นพื้นที่โฆษณา พวกเขาสามารถกำหนดความสว่างและจังหวะการกะพริบของดาวได้
1
หลังจากนั้นท้องฟ้าราตรีก็ไม่เคยเหมือนเดิม ฟ้ายามค่ำที่มีดวงดาวกระจายระยิบระยับกลายเป็นพื้นที่โฆษณารูปแบบใหม่ สินค้านานาชนิดปรากฏบนท้องฟ้า ตั้งแต่เครื่องดื่ม ชุดชั้นในสตรี ชุดนอน ไปจนถึงอุปกรณ์คุมกำเนิด
3
เอาละ นี่เป็นนิยายอ่านเล่นสนุกๆ ฝันเฟื่องไปตามเรื่องใช่ไหม?
1
คำตอบคือไม่ใช่แล้ว
1
ไม่กี่ปีมานี้บริษัทแห่งหนึ่งชื่อ StartRocket เริ่มทำโครงการ Orbital Display ทำโฆษณาบนท้องฟ้าโดยใช้ดาวเทียม CubeSats ที่มีแผง Mylar เส้นผ่าศูนย์กลาง 30 ฟุต สะท้อนแสงอาทิตย์ ประกอบเป็นภาพโฆษณาที่ต้องการ ดาวเทียมเหล่านี้โคจร 400-500 กม. เหนือพื้นโลก สามารถส่งภาพโฆษณา 3-4 ชิ้นต่อวัน
โครงการดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนผลิตจริงๆ
1
มันไม่ใช่นิยายแล้ว
ในนวนิยายเรื่อง ฝนตกขึ้นฟ้า ผมจินตนาการให้ ตุล ตัวละครเอกของเรื่องผู้เป็นมือปืน ถูกยิงที่หัว เขารอดชีวิตมาได้ แต่ระบบประสาทส่วนรับภาพของเขาเปลี่ยนไป เขามองเห็นภาพต่างๆ กลับหัว
นี่ก็คงเป็นนิยายฝันเฟื่องเช่นกัน จนกระทั่งหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 พาดหัวข่าวว่า
หนุ่มนิสัยพิลึก อ่านเขียนกลับหัว
ชินทำมาตั้งแต่เด็ก เคยลองแบบปกติ ยืนยันทำไม่ถนัด!
ข่าวรายงานว่า : สุดพิสดาร หนุ่มใหญ่เมืองกรุงเก่าเขียนอ่านหนังสือกลับหัว ได้อย่างคล่องแคล่วฉะฉาน เผยครูเคยบังคับให้เขียนแบบปกติ แต่ทำไม่ได้ เลยต้องปล่อยเลยตามเลย ซ้ำเคยไปติดต่องานราชการ เจ้าหน้าที่ก็บังคับให้เขียนเหมือนคนอื่น กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจ ก็หวิดได้วางมวย เจ้าตัวชี้ไม่ใช่ความสามารถพิเศษอะไร เป็นเพียงความถนัดตั้งแต่เด็กเท่านั้น
เรื่องราวแปลกพิสดารรายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายประทีป นัยจรัญ หรือ ส้มแป้น นักจัดรายการวิทยุชุมชนนครหลวง ว่า มีหนุ่มใหญ่นิสัยแปลกประหลาดไม่เหมือนคนทั่วไป ชอบอ่านและเขียนหนังสือกลับหัวอยู่ที่ หมู่ 3 ต. บางนางร้า อ. บางปะหัน จ. พระนครศรีอยุธยา
จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบชายแปลกคนดังกล่าวทราบชื่อนายคฑา ผาสุขขันธ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 3 ต. บางนางร้า อ. บางปะหัน มีอาชีพรับจ้างทั่วไป กำลังนั่งรับประทานข้าวมันไก่อยู่กับนางวันทนี สายอยู่ อายุ 42 ปี ภรรยา และลูกชายวัย 6 ขวบ ทันทีที่นายคฑาหนุ่มแปลกทราบวัตถุประสงค์ถึงกับยิ้มแบบเขินๆ และเปิดเผยว่าเป็นความจริงที่ตนเองมีความแปลกไม่เหมือนคนทั่วไปทุกครั้งเวลาจะอ่านหนังสือ หรือเขียนหนังสือจะต้องกลับหัวหนังสือลง
4
การพิสูจน์ความจริงจึงเกิดขึ้น นายคฑาได้คว้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน แทนที่จะอ่านแบบคนทั่วไป แต่กลับเอาหัวลง แล้วเปิดอ่านอย่างคล่องแคล่ว รวดเร็วเหมือนคนธรรมดาอ่าน สร้างความแปลกใจให้กับบรรดาลูกค้าที่มานั่งรับประทานอาหารในร้าน นอกจากนั้นนายคฑายังสามารถเขียนหนังสือโดยการกลับหัวเขียนได้อย่างคล่องแคล่ว
7
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ให้นายคฑาเขียนหนังสือแบบปกติอย่างคนทั่วไป ปรากฏว่าเขียนได้ช้าและไม่ถนัดทำให้ตัวหนังสือเอียงไปมาไม่สวยเหมือนเขียนแบบกลับหัว เมื่อเขียนเป็นเวลานานๆ ก็เกิดอาการเกร็งที่ปลายนิ้วและแขนจนเขียนต่อไม่ได้
4
นายคฑาเปิดเผยว่าตนเองจบการศึกษาชั้น ป. 4 ที่โรงเรียนวัดโตนด ต. บางปะหัน อ. บางปะหัน ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน เป็นคนถนัดมือซ้ายตั้งแต่เกิด ตอนที่เรียนหนังสือตั้งแต่ชั้น ป. 1 ก็ได้เขียนและอ่านหนังสือกลับหัวมาโดยตลอด ทั้งที่ครูผู้สอนพยายามดัดนิสัยไม่ให้เขียนและอ่านหนังสือแบบกลับหัว แต่ไม่สามารถทำได้เพราะถ้าให้เขียนแบบปกติจะเขียนไม่ได้ ครูสอนทั้งดุทั้งตี
4
แต่ไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยการเขียนการอ่านตามถนัดได้ ต้องปล่อยจนติดเป็นนิสัยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่เป็นความสามารถพิเศษอะไร มันเป็นนิสัยติดมาตามความถนัด บางครั้งเคยขำตัวเองเหมือนกันเวลาเดินทางบนรถโดยสารซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านด้วยความเคยชินไม่ได้คิดอะไร หยิบหนังสือพิมพ์มาได้ก็จับกลับหัวอ่านไม่รู้ไม่ชี้
ทำให้ผู้โดยสารบนรถมองดูตัวเองเหมือนกับตัวตลก บางครั้งก็หาว่าตนเองเป็นคนบ้า หลายครั้งไปติดต่อราชการที่สำนักงานทะเบียนราษฎรของ อ. บางปะหัน เจ้าหน้าที่ให้เขียนหนังสือ และเซ็นชื่อด้วยความไม่เข้าใจ เจ้าหน้าที่สั่งให้กลับหัวเขียน แต่ตัวเองเขียนไม่ได้ต้องกลับหัวลง กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจถึงกับทำให้เกือบจะทะเลาะกัน
ดังนั้นเวลาอ่านเรื่องที่มีพล็อตประหลาดๆ อย่าเพิ่งบอกว่า มันก็แค่นิยาย
หากเห็นว่าเรื่องนี้ประหลาดแล้ว ลองดูอีกเรื่อง...
2
เรื่องสั้นเรื่องหนึ่งในชุด life in a day ราว 15 ปีก่อน เป็นเรื่องสองพี่น้องรับมรดกร้านขายโลงศพจากพ่อที่เพิ่งตายไป ลูกชายไม่อยากทำกิจการโลงศพ เนื่องจากร้านนั้นตั้งอยู่ที่ถนนข้าวสารซึ่งเป็นแหล่งพักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งสองจึงแปลงร้านโลงศพเป็นโรงแรม สร้างบรรยากาศเหมือนป่าช้า ให้แขกที่มาพักนอนในโลงศพ เพื่อเป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมสำหรับนักท่องเที่ยว จัดเป็น โรงแรม แห่งแรกของไทย
3
นี่ย่อมเป็นพล็อตประหลาดหลุดโลก ไม่มีทางเป็นจริงแน่แท้
แต่หลายปีหลังจากเรื่องสั้นนี้ตีพิมพ์ มีข่าวโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี สร้างห้องพักเป็นสุสาน ที่นอนเป็นโลงศพตามในเรื่องสั้น!
1
ปีแรกๆ ที่ผมเข้าสู่บรรณพิภพ ผมจินตนาการบ้านทรงไทยมีหิมะเกาะคลุมในเรื่องสั้นเหนือจริง (surreal) ชื่อเรื่อง อาเพศกำสรวล ผมบรรยายไว้ว่า
1
"หิมะโปรยลงมาบางเบาตั้งแต่ฟ้าสาง ไก่ขันสองสามครั้งก่อนเงียบหายไป ครั้นยามสายละอองน้ำแข็งสีเงินยวงก็ตกลงมาหนักขึ้น โรยระบายฟ้าเหนือบ้านบางจันทร์เหมือนมือที่มองไม่เห็นโปรยปุยฝ้ายลงมา ที่นาหลายร้อยแปลงเทาทะมึนด้วยผืนหิมะที่ปูลาดกว้างสุดสายตาดุจเขาไกรลาส หลังคาทรงไทยมีน้ำแข็ง เกาะหนาจนแปและจันทันแอ่นแทบหักกลาง"
4
ตอนเขียนไม่เคยนึกว่าในโลกความจริง จะมีภาพแบบนี้ได้
จนกระทั่งเดือนมกราคม 2522 เพจวัดปากน้ำญี่ปุ่น Watpaknamjapan ลงภาพวัดไทยกลางดินแดนหิมะ สวยงาม
1
ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นภาพในจินตนาการที่กลายเป็นจริง (สนใจดูได้ที่ https://www.facebook.com/WatpaknamJP/ )
(ขอบคุณภาพจากเพจ วัดปากน้ำญี่ปุ่น)
ในเรื่อง คนเสเพล ผมแต่งเรื่องให้ตัวเอกได้รับการว่าจ้างให้ไปทำลายดาวเคราะห์ดวงหนึ่งชื่อ ซีตา 712 เพราะมันกำลังจะไปชนดาวอีกดวงหนึ่งที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ แต่ตัวเอกพบว่า เหตุผลเบื้องบนที่ต้องทำลายดาวดวงนั้นเพราะมันเป็นดาวเพชรทั้งดวง จำต้องทำลายเพื่อรักษาราคาเพชรในตลาดตามนายทุน
1
เจ็ดปีหลังจากเรื่องสั้นนี้ตีพิมพ์ มหาวิทยาลัยเยลประกาศว่าพบดาวเคราะห์ดวงหนึ่งอุดมด้วยเพชร ตั้งชื่อดาวว่า 55 Cancri e ห่างจากโลก 40 ปีแสง
3
แปลกดีเหมือนกันที่ตอนเขียน ฝันเอาล้วนๆ
3
ภาพดาว 55 Cancri e โดย NASA
ในนวนิยายเรื่อง ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85 ตัวละครชื่อ สาย ธารี ไปเยือนห้องสมุดแห่งหนึ่ง ฉากนี้บรรยายไว้ดังนี้
ผลักประตูเข้าไป บรรณารักษ์ชราเงยหน้ามองข้าพเจ้า
"คุณมาทำอะไรที่นี่แต่เช้ามืด?"
"จะเข้าห้องสมุด"
เขายิ้ม "เชิญ ถ้าทุกวันมีคนมาอ่านหนังสือเช้าอย่างนี้ ประเทศของเราคงได้เป็นมหาอำนาจแน่"
ข้าพเจ้าชะงักเมื่อเห็นโต๊ะที่มุมห้อง โครงกระดูกมนุษย์โครงหนึ่งนั่งบนเก้าอี้ คว่ำหน้าบนโต๊ะทับหนังสือเล่มหนึ่ง ท่าทางเช่นคนนั่งอ่านหนังสือที่เผลอหลับไป
"นั่นโครงกระดูกคนจริง ๆ หรือครับ?"
"จริงซี"
"ศพใคร?"
"นักอ่านคนหนึ่ง เขาอ่านจนตายคาโต๊ะ ตายมานานแล้ว"
"ทำไมทิ้งโครงกระดูกไว้ที่นี่? ไม่มีเงินซื้อโลงศพหรือ? ไฉนไม่โทร.แจ้งปอเต๊กตึ๊ง?"
"เหตุผลสำคัญที่เราทิ้งศพของเขาไว้คาโต๊ะเช่นนี้ เพราะเราต้องการแสดงให้ผู้ใหญ่เห็นว่า มีนักอ่านพันธุ์แท้อย่างนี้ในเมืองไทย พวกเขาจะได้ไม่มีข้ออ้างในการทุบห้องสมุด"
แน่ละ เหตุที่ผมจินตนาการให้มีผู้อ่านคนหนึ่งเสียชีวิตคาห้องสมุดขณะกำลังอ่านหนังสือ เป็นการเสียดสีสังคมบ้านเราซึ่งหาคนอ่านหนังสือยากเหลือเกิน
ห้องสมุดที่มีคนนอนตายอยู่ย่อมเป็นเรื่องจินตนาการฝันเฟื่อง
แต่หนังสือพิมพ์มติชนวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553 รายงานข่าวพบศพครูคนหนึ่งตายคาห้องสมุดโรงเรียน
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. พ.ต.ท. บุรี ศรีหล้า ตำรวจร้อยเวร สน. ปทุมวัน ได้เดินทางเข้าตรวจสอบภายในห้องสมุดโรงเรียน หลังได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่ภายใน โดยเมื่อไปถึงได้พบศพนาย นั่งเสียชีวิตอยู่บนโซฟาภายในห้องสมุด
จากการสอบถามพยานที่พบเห็นผู้ตายทราบว่า เมื่อเปิดห้องสมุดเข้าไปก็พบนายเสียชีวิตอยู่ภายในห้องสมุดอยู่แล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่านาย น่าจะเดินทางมาเปิดห้องสมุดเพื่อหาหนังสือนั่งอ่าน ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (20 มิ.ย.) และเกิดอาการกำเริบของโรคประจำตัวจนเสียชีวิต...
มันไม่ใช่แค่นิยาย
ในปี 2554 ผมตีพิมพ์เรื่องสั้นชื่อ วรรณกรรม 2211 (ชุด เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย เยือกฟ้าพาหนาว) ผมจินตนาการให้นักเขียนคนหนึ่งไปหาซื้อหุ่นยนต์เพื่อช่วยเขียนนิยาย
เซลส์แมนในเรื่องนี้บอก 'ผม' ว่า “LT 402 ทำงานได้อย่างเดียวครับ คือเขียนหนังสือ”
“คุณบอกว่าเขียนหนังสือ? เขียนจดหมาย รายงานธุรกิจพวกนั้น?”
คนขายหัวเราะ “ไม่ใช่ครับ ผมหมายความว่ามันเขียนเรื่องสั้น นวนิยายเทือกนั้น”
“นี่เป็นหุ่นนักประพันธ์?”
“ใช่ครับ ไม่เฉพาะแต่นิยาย บทกวีก็เขียนได้ จะเป็นโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ไฮกุ บทกวีไทยฝรั่งทำได้หมด หุ่นตัวนี้เขียนงานชนะประกวดมาแล้วหลายครั้ง ผมว่ามันเหมาะกับงานของคุณอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นมากกว่าเครื่องจักรที่เก็บข้อมูลพล็อต มันจินตนาการได้ ในเมื่อคุณทำงานด้านละครโทรทัศน์ คุณจะต้องชอบมันแน่ ๆ”
1
“มันเขียนเรื่องแบบไหนได้?”
“จะเอาแบบโรแมนซ์ รัก บู๊ ผจญภัย เรื่องผี ได้หมด...”
“เรื่องตลกได้มั้ย?”
“ได้ครับ มันศึกษางานเขียนจำนวนล้าน ๆ ชิ้นที่เคยเขียนมาในเมืองไทย ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน มันเก็บฐานข้อมูลของนิยายเก่าย้อนหลังไป 250 ปี คุณอยากได้พล็อตเรื่องแบบไหน มันสามารถแปลงพล็อตที่มีอยู่นับล้าน ๆ พล็อตเป็นเรื่องใหม่ หรือจะเขียนใหม่เลยก็ได้ มันทำได้หมด ที่สำคัญคือเขียนเร็วเป็นบ้า”
1
ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้นักเขียนหลายคนในต่างประเทศใช้ AI กับโปรแกรม ChatGPT ช่วยแต่งนิยาย จนหลายสำนักพิมพ์ปฏิเสธงานที่ AI เขียน
............
ในนวนิยายเรื่อง ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85 ผมจินตนาการประเทศไทยในโลกคู่ขนานโลกหนึ่งดังนี้
"ประเทศไทยได้รับการโหวตให้เป็นประเทศที่มีคอร์รัปชั่นน้อยที่สุดในโลก ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ รัฐบาลยกเลิกการเก็บภาษีเงินได้จากประชาชน เนื่องจากเงินออมของชาติพุ่งสูงขึ้นจนไม่จำเป็นต้องเก็บภาษีอีก"
2
อืม! ค่อนข้างมั่นใจว่าเรื่องนี้จะเป็นได้แค่นิยาย
9

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา