16 มี.ค. 2023 เวลา 12:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

TU: สรุปธุรกิจและรายได้ในไตรมาส 4/2022

TU: THAI UNION GROUP PCL
Healthy Living Healthy Oceans
Year End 2022
📌 Business Overview
ผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและบรรจุกระป๋อง และขยายธุรกิจให้ครบวงจรด้วยธุรกิจอาหารสำเร็จรูปและอาหารว่าง โดยเน้นอาหารทะเล ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ ธุรกิจการตลาดภายในประเทศ ธุรกิจอาหารสัตว์ และธุรกิจพัฒนาสายพันธุ์กุ้งเพื่อจำหน่าย โดยไตรมาสที่ผ่านมาได้ทำการ IPO บริษัท i-Tail Corporation (ITC) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
📌 Financial Highlight
🔶 4Q22
🔹 Sales: 39,613 MB, -2.8% QoQ, +2.9% YoY | เพิ่มขึ้นจากการปรับราคาขายที่สูงขึ้น และ Demand จาก PetCare และ Ambient ปรับตัวดีขึ้น แต่อีก 2 ธุรกิจที่เหลือ Demand ปรับลดลง
🔹 GPM: 16.9% จาก 3Q22 อยู่ที่ 18.2% และ 4Q21 อยู่ที่ 18.2% | ลดลงจากราคาวัตถุดิบของอาหารแช่แข็งปรับตัวสูงขึ้น
🔹 %SG&A: 11.1% จาก 3Q22 อยู่ที่ 12.4% และ 4Q21 อยู่ที่ 13.0% | ลดลงจากการปรับลดของต้นทุนค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายทางการตลาดและค่าโฆษณาที่ลดลง
🔹 %EBITDA: 6.0% จาก 3Q22 อยู่ที่ 8.5% และ 4Q21 อยู่ที่ 6.0%
🔹 Net Profit: 1,238.2 MB, -51.1% QoQ, -35.9% YoY | ลดลงจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และส่วนแบ่งขาดทุนจากธุรกิจ Red Lobster
🔹 NPM: 3.1% จาก 2Q22 อยู่ที่ 6.2% และ 4Q21 อยู่ที่ 5.0%
🔶 Year End 2022
🔹 Sales: 155,586 MB, +10.3% YoY
🔹 GPM: 17.4% จาก 2021 อยู่ที่ 18.2%
🔹 %SG&A: 12.3% จาก 2021 อยู่ที่ 12.3%
🔹 %EBITDA: 7.2% จาก 2021 อยู่ที่ 8.3%
🔹 Net Profit: 7,138 MB, -10.9% YoY
หลักๆมาจากการส่วนแบ่งผลขาดทุน และการปรับลดมูลค่ายุติธรรมของหุ้น Red Lobster และการปรับโครงสร้างโรงงาน Rugen Fisch ทำให้กำไรสุทธิลดลง ถ้าหากไม่รวมรายการปรับมูลค่ายุติธรรมของหุ้น Red Lobster และตัว Rugen Fisch บริษัทจะมีกำไร 8,233 MB เติบโต +2.7% YoY
🔹 NPM: 4.6% จาก 2021 อยู่ที่ 5.7% | หากไม่รวมรายการทางบัญชีที่กล่าวไปด้านบน จะมี NPM อยู่ที่ 5.3%
📌 Revenue Breakdown
🔶 By Location 2021 >> 2022
🔹 America: 43.1% >> 42.7%
🔹 Europe: 28.3% >> 26.3%
🔹 Japan: 5.1% >> 5.8%
🔹 Thailand: 10.3% >> 10.5%
🔹 Other: 13.2% >> 14.6%
🔶 By Product Line 2021 >> 2022
🔹 Ambient Seafood: 41.8% >> 42.7%
🔹 Frozen & Chilled Seafood: 41.4% >> 36.6%
🔹 PetCare & Value-Added: 16.8% >> 20.6%
🔶 By Business 2021 >> 2022
🔹 OEM: 59% >> 62%
🔹 Brand: 41% >> 38%
📌 Business Outlook
🔶 Raw Material
🔹 Tuna: Feb 2023 1,800 USD/ton จาก 1,660 USD/ton ตอนสิ้นปี 2022 | เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีมีการปิดน่านน้ำ ทำให้ Short Supply
🔹 Salmon: Jan 2023 92 NOK/kg จาก 73 NOK/kg ตอนสิ้นปี 2022
🔹 Shrimp: Feb 2023 171 THB/kg จาก 154 THB/kg ตอนสิ้นปี 2022
🔶 Red Lobster | จากช่วง 1H22 ที่ผ่านมาวางแผนการดำเนินงานที่ผิดพลาดไปในช่วง 4Q22 บริษัทจึงได้ทำการ Reset ระบบ เปลี่ยน CEO และปรับกลยุทธ์ทั้งหมดทั้งการปรับราคา เปลี่ยน Organization Chart ให้ Lean และ Effective ยิ่งขึ้น และยัง Train Staff ใหม่ทั้งหมดเพื่อเพิ่ม Value ในการบริการและปรับเมนู Customize ให้เหมาะกับ Location ต่างๆ เพื่อเพิ่ม Margin ทั้งหมดนี้ทำให้บริษัทคาดหวังให้ในปี 2023 จะมีผลขาดทุนลดลงครึ่งนึงของปี 2022 และใน 1H23 จะต้องมี EBITDA $60M
มีข่าวจาก Bloomberg ว่าผู้บริหารให้ความเห็นว่ามีโอกาสในการพิจารณาขายกิจการ Red Lobster หากในช่วง 1H23 ไม่เป็นไปตามเป้า ซึ่ง YTD ที่ผ่านมาก็ทำได้ตามกรอบเป้าที่วางไว้ แต่ถ้าหากช่วงที่เหลือของ 1H23 ทำได้ไม่ตามเป้า การขายธุรกิจออกไปจริงนั้น อาจเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้น เนื่องจากจะเป็นรายการขาดทุนพิเศษ และเป็นเพียง One time Loss แต่ในระยะยาวจะส่งผลดีต่อผลประกอบการมากกว่า ที่ไม่ต้องแบกรับผลขาดทุนขนาด ~1,000 MB/Year
🔶 CAPEX
Target ~6,000 - 6,500 MB เป็น Annual Maintenance 2,000 MB ที่เหลือเป็นโรงงานต่างๆ
1. Value-Added | โรงงาน Ready-to-Eat งบประมาณ 1,200 MB เพิ่ม Capacity +38% และลดแรงงานได้มากกว่า 50% คาดว่าจะเริ่มผลิตในช่วง 2Q23 (เป็นไปตามที่แจ้งตอน Oppday รอบที่แล้ว)
2. Ingredient Business | ต่อยอดธุรกิจ Ingredient สร้างโรงงานทำ Protein Hydrolysate & Collagen Peptide เป็นการนำส่วนของหัวและหนังปลามาทำ Collagen และ โปรตีน งบประมาณ ~1,100 MB คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ใน 2Q23 (Delay จาก 1Q23 ที่เคยแจ้งไว้) ทำเป็น B2B
3. PetCare Business: สร้างโรงงานเพิ่มกำลังการผลิตอาหารเปียกและอาหารทานเล่นของสุนัขและแมว 18.7% + Automated Packing Line ใช้งบ 2,100 MB คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ใน 2Q23
4. Ambient Business: สร้างห้องเย็นที่ประเทศกาน่า เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ 11,500 ตารางเมตรและเพิ่มโรงบำบัดน้ำเสีย ใช้งบ 550 MB คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในปี 1H23
🔶 บริษัทกำลัง Move ตัวเองออกจาก Commodity พยายามเพิ่ม Product ที่เป็น High Value Added ทำให้มี GPM ที่เพิ่มสูงขึ้นจาก 3-5 ปีก่อน อยู่ที่ 10% ขยับเป็น 17-18% และวางเป้าหมายไว้ว่าในปี 2025 จะอยู่ที่ 20%
🔶 การเติบโตของยอดขายในปี 2023 คาดว่าจะเติบโตแบบ Single Digit เนื่องจากปีนี้ฐานสูงโตแบบ Double Digits จากปี 2021 ฐานต่ำจากสถานการณ์ Covid-19 โดยให้ Guidance ปี 2023 ดังนี้
🔹 Sale: +5-6% YoY
🔹 GPM: 18-18.5%
🔹 %SG&A: 11-12%
🔹 Effective Interest Rate: +0.5-1.0%
📌 Summary
ในช่วง 1Q23 ผลประกอบการมีโอกาสลดลง QoQ จากการที่ Demand หายไป เนื่องจากเกิด Over Inventory ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ยังมีสินค้า Stock ไว้อยู่ และจะเริ่มกลับมาซื้อเป็นปกติในช่วง 2Q23 เรายังคงต้องติดตามเรื่องของ Red Lobster ในช่วง 1H23 ว่าทิศทางจะเป็นยังไงกันต่อนะครับ ถ้าผิดแผนของบริษัทก็อาจจะเกิด One Time Loss ได้
เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยกดดันที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้จริงๆ เพราะขึ้นอยู่กับราคาขายธุรกิจออกไป แต่จากแผนการดำเนินงานที่บริษัท Monitor ทุกสัปดาห์แล้ว ก็หวังว่า 1H23 จะตรงตาม Target ที่วางไว้นะครับ สำหรับนักลงทุนที่สนใจอย่างลืมประเมินมูลค่าก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ
#JTrader
#เทรดไปเที่ยวไป
#แผนชัดก็ซัดเลย
#TU
ปล1. จากข้อมูลข้างต้น ไม่มีเจตนาชักชวน หรือให้ซื้อ-ขายตามบทความข้างต้น
ปล2. การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรพิจารณาไตร่ตรองการลงทุนว่าจะซื้อหรือขายด้วยตัวท่านเองเท่านั้น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา