20 มี.ค. 2023 เวลา 10:55 • ประวัติศาสตร์

โดลเช่ แอนด์ กาบบาน่า ( Dolce&Gabbana ) ค.ศ. 1985

แบรนด์ Dolce&Gabbana (โดลเช่ เเอนด์ กาบบาน่า) คงเปรียบเสมือนผู้มาใหม่ที่สะดุดตา แบรนด์เปิดตัวยิ่งใหญ่ด้วยดีไซน์เก๋แปลกใหม่ มาพร้อมกับความหรูหราที่เป็นเอกลักษณ์ แรงบันดาลใจมาจากความหลงใหลในวัฒนธรรมอิตาลี
ประวัติแบรนด์ Dolce&Gabbana แฟชั่นเฮ้าส์สุดหรูสไตล์อิตาลี เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1985 โดยสองนักออกแบบชาวอิตาลี โดมินีโก โดลเช่ (Domenico Dolce) ได้เรียนการออกแบบที่ซิซิลีและทำธุรกิจเสื้อผ้าของพ่อแม่
ก่อนเริ่มทำงานดีไซเนอร์ และ สเตฟาโน กาบบาน่า (Stefano Gabbana) เขาเรียนจบทางด้านกราฟฟิกดีไซเนอร์และได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับงานแฟชั่น จากการเป็นผู้ช่วยในสตูดิโอการออกแบบที่มิลาน ทั้งสองพบกันที่มิลาน โดยชื่อแบรนด์ Dolce&Gabbana มาจากนามสกุลของพวกเขาทั้งสองนั่นเอง
Domenico Dolce (ขวา) และ Stefano Gabbana (ซ้าย) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Dolce&Gabbana
พวกเขาทั้งสองก่อตั้งสตูดิโอที่ให้คำปรึกษาด้านแฟชั่นและการออกแบบ ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เริ่มทำเสื้อผ้าภายใต้ชื่อแบรนด์ Dolce&Gabbana พวกเขาได้จัดแสดงคอลเลคชั่นเสื้อผ้าผู้หญิงออกมาครั้งแรก ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.1985 ที่ Milan Fashion Week
โดยคอลเลคชั่นนี้เป็นการนำเสนอเสื้อผ้าของผู้หญิงที่แข็งแกร่ง มีความมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง ซึ่งนี่นับเป็นคอลเลคชั่นแรกของแบรนด์ และใช้ชื่อว่า Real Women เนื่องจากทั้งคู่ได้ใช้ผู้หญิงในท้องถิ่นมาเป็นนางแบบบนรันเวย์
ยอดขายสินค้าจากคอลเลคชั่นแรกเป็นที่น่าผิดหวังเป็นอย่างมาก ทำให้ Dolce&Gabbana เกือบจะต้องยกเลิกคำสั่งซื้อผ้าสำหรับคอลเลคชั่นชุดที่ 2 ของพวกเขา
อย่างไรก็ตามครอบครัวของ Domenico Dolce เสนอว่าจะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ทำให้ผ้าเหล่านั้นพร้อมที่จะถูกส่งมายังมิลาน เพื่อการสร้างผลงานชิ้นที่สองในปี ค.ศ.1986 และได้เปิดร้านค้า Dolce&Gabbana เป็นแห่งแรกในปีเดียวกัน
Sicilian Dress
คอลเลคชั่นที่ 3 มาพร้อมกับวิธีแนะนำสำหรับการใส่มากถึง 7 แบบในหนึ่งชุด และคุณสามารถเปลี่ยนรูปแบบเสื้อผ้าได้โดยใช้ตะขอ Velcro ยึดชุดเข้าด้วยกัน ซึ่งผลงานชุดนี้ได้รับการตอบรับที่ดี
และไม่นานนักพวกเขาก็ออกแบบคอลเลคชั่นที่ 4 ซึ่งได้รับขนานนามว่า The Sicilian Dress ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลมากในวงการแฟชั่นของอิตาลี ดังนั้น Domenico Dolce ได้ดึงเอาวัฒนธรรมของชาวซิซิลีของเขาออกมาใช้กับคอลเล็กชั่นนี้
Dolce&Gabbana เริ่มส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังญี่ปุ่นและประเทศต่างๆ รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งในเวลาต่อมา Dolce&Gabbana เปิดบูติคแห่งแรกในญี่ปุ่นโดยร่วมมือกับ Kashiyama Group เพื่อเป็นการขยายตลาดทางโซยเอเชีย
หลังจากนั้นก็จัดแสดงคอลเลคชั่นเสื้อผ้าผู้ชายเป็นครั้งแรก ซึ่งพวกเขาก็ได้รับรางวัลคอลเลคชั่นสำหรับผู้ชายที่ล้ำสมัยที่สุดจาก Woolmark ในปี ค.ศ.1991
Dolce & Gabbana Corset
การทำเสื้อผ้าของเขานั้น ก็ได้มีการประดับคริสตัล โดยจะเป็นในคอลเลคชั่นของผู้หญิง Fall/Winter 1991 ซึ่งตัวชุดนั้นก็จะมีการตกแต่ง ด้วยเครื่องประดับคริสตัล แบ่งมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และมีเหรียญที่จะตกแต่งแบบเป็นเส้นๆ และมีการเปิดตัวชุด Corset สุดเซ็กซี่ในคอลเลคชั่นนั้นอีกด้วย
และสำหรับเอกลักษณ์ของแบรนด์ ที่ทำให้เป็นที่จดจำได้ของแบรนด์ มันก็คือ ชุด Corset ที่ชุดสูทลายทาง และได้เป็นสูทเซ็กซี่สีดำ ที่จะเน้นส่วนเว้าส่วนโค้ง ของผู้หญิงอย่างชัดเจน
เรียกได้ว่า เป็นก้าวที่สำคัญสุดๆ กับแบรนด์ที่มีการต่อสู้กันมานาน ซึ่งการก้าวเท้าขึ้นไปสู่ระดับสากล ของแบรนด์นั้น ก็ได้เริ่มจากการที่ มาดอนน่า หลุยส์ ชิโคนี่ (Madonna Louise Ciccone) โดยเขานั้นมีการ สวมชุด Corset ที่ได้ทำจากอัญมณี เพชร พลอย และเสื้อแจ็กเกตจากแบรนด์
Madonna สวมชุด Croset และแจ็กเกตจากแบรนด์
และหลังจากนั้น ก็เกิดการร่วมมือกันขึ้น ระหว่างมาดอนน่า ที่ได้เริ่มมีการออกแบบ เสื้อผ้าเครื่องแต่งการให้เธอมากกว่า 1,500 ชุด ที่เอาไว้สำหรับการทัวร์คอนเสิร์ต ระหว่างประเทศเพื่อทำการ โปรโมทอัลบั้ม Erotica อีกด้วย และทางแบรนด์นั้น ก็ยังคงร่วมมือกันกับ มาดอนน่าอย่างต่อเนื่อง
Dolce&Gabbana ฉลองครบรอบ 20 ปีของการก่อตั้งแบรนด์เมื่อ 19 มิถุนายน ค.ศ. 2010 งานจัดขึ้นที่พระราชวัง Palazzo Marino ตั้งอยู่ที่ Piazza della Scala ใจกลางเมืองมิลาน
และภายในห้องนิทรรศการมีโทรทัศน์มากมายกองรวมกันเพื่อฉายภาพประวัติแบรนด์ Dolce&Gabbana ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของแฟชั่นเฮ้าหรูหราส์สไตล์อิตาลีแห่งนี้
ตั้งแต่การออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่น ไปจนถึงเครื่องสำอางอย่างน้ำหอม ทำให้เราเห็นถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของแบรนด์ Dolce&Gabbana เรื่องเล่าประวัติของแบรนด์เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจ
แม้จะไม่ใช่แบรนด์เก่าแก่อายุนับร้อยปี แต่ด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมอิตาลีที่สร้างสรรค์แฟชั่นให้หรูหรา โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ นั้นทำให้ Dolce&Gabbana ประสบความสำเร็จทางด้านแฟชั่นไม่แพ้แบรนด์หรูหราแบรนด์อื่นๆ เลย
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference โดลเช่ แอนด์ กาบบาน่า ( Dolce&Gabbana ) :
โฆษณา