Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Lesson
•
ติดตาม
6 เม.ย. 2023 เวลา 10:30 • ประวัติศาสตร์
ย้อนดูประวัติศาสตร์ “เงินเฟ้อ” ครั้งใหญ่ ในช่วง ปี 70 และ 80
เวลาพูดถึงเงินเฟ้อทุกวันนี้ มักได้ยินเสมอว่า เงินเฟ้อที่สุดในรอบ 42 ปี
ซึ่งถ้านับย้อนไป ก็จะตรงกับปี 1981
แล้วตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีวิกฤติเงินเฟ้อมหากาฬ?
ย้อนไปในปี 1981
สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกเวลานั้น
มีประธานาธิบดีคือ Ronald Reagan (โรนัลด์ เรแกน)
อังกฤษ เป็นยุคของ Margaret Thatcher (มาร์กาเรต แทตเชอร์)
เยอรมนี เป็นช่วงของ Helmut Schmidt (เฮ็ลมูท ชมิท)
ฝรั่งเศส เป็นยุคของประธานาธิบดี François Mitterrand (ฟร็องซัว มีแตร็อง)
สาเหตุของเงินเฟ้อมาจากอะไร?
คำตอบ คือ มาจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงในกรอบ 10 ปี
ในยุค 70 มีวิกฤติน้ำมันเกิดขึ้น 2 ครั้ง
ครั้งแรก ปี 1973 เกิดสงครามใหญ่ในตะวันออกกลางและเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก นั่นคือ สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มสันนิบาตอาหรับ ซึ่งมีสมาชิกคือกลุ่มประเทศส่งออกน้ำมันรายใหญ่
สงครามครั้งนั้น ถือเป็นสงครามครั้งที่ 4 กับอิสราเอลกับกลุ่มสันนิบาตอาหรับ
โดยในครั้งนั้น กลุ่มสันนิบาตอาหรับ ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
แต่กลุ่มสันนิบาตอาหรับ มองว่า ต้องสั่งสอนคู่สงคราม ด้วยการลดการผลิตน้ำมันลงในปริมาณมาก เพื่อทำให้น้ำมัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกที่ให้การสนับสนุนอิสราเอล ปรับลดน้อยลง และส่งผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจ
ผลก็คือ ในช่วงเวลานั้นเดือนตุลาคม 1973-1974 ราคาน้ำมันปรับขึ้น 4 เท่าตัว จาก 2.5 เหรียญ จนแตะ 9.5 เหรียญ ภายใน 12 เดือน
ทำให้ราคาสินค้าแพง เพราะพลังงานซึ่งเป็นปัจจัยของต้นทุนการผลิตและบริการปรับตัวถึง 4 เท่า จึงเกิดวิกฤติเงินเฟ้อระลอกที่ 1
หลังจากผ่านวิกฤติตครั้งแรก
ในปี 1973 พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งโอเปก และผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก รู้แล้วว่า ถ้ามีการลดดกำลังการผลิต ก็จะทำให้ชาติตะวันตกเกรงใจประเทศตัวเองมากขึ้น
ในปี 1978 พระเจ้าชาห์ชราภาพและเป็นมะเร็ง
อยาตอลเลาะห์ โคไมนี เริ่มก่อหวอดการปฏิวัติในอิหร่าน ต้นปี 1979 พระเจ้าชาห์สละราชบัลลังก์ และลี้ภัยไปอยู่อียิปต์
อยาตอลเลาะห์ โคไมนี กลับจากฝรั่งเศส มาอิหร่านเปลี่ยนการปกครองเป็นสาธารณรัฐอิสลาม
เขารู้ดีว่าที่ผ่านมา พระเจ้าชาห์ไ้ด้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
ดังนั้น พอเขาเริ่มครองอำนาจ ก็ลดปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อป้อนให้โลกตะวันตก จนเกิด Oil Shock หรือ แรงกดดันทางน้ำมันขึ้นเป็นครั้งที่ 2
บวกกับ ในเวลาดังกล่าว อิรัก เปิดฉากโจมตีอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จาก 10 ดอลลาร์นิด ขึ้นมาเกือบเท่าตัว เป็น 19 ดอลลาร์ ทำให้ต้นทุนการผลิตและบริการสูงขึ้นทั่วโลก ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ
ในปี 1981
สหรัฐฯ เงินเฟ้อ 10.32%
สหราชอาณาจักร เงินเฟ้อ 18.6%
ทำให้ธนาคารกลางอังกฤษต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 20%
ถามว่า เงินเฟ้อตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันยังไง?
สิ่งที่เหมือนคือ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
แต่ตอนนั้น ทั้งสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร นอกจากเจอปัญหาเงินเฟ้อ ยังเจอปัญหาคนว่างงาน
1
สหราชอาณาจักร มีคนว่างงาน 3 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 50 ล้านคน
สหรัฐฯ มีคนว่างงาน 9.6 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 250 ล้านคน
บทเรียนของชาติตะวันตกจากเหตุการณ์ครั้งนั้น คือ มองว่า ถ้าต้องพึ่งน้ำมันจากลุ่มตะวันออกกลางเท่านั้น อาจจะทำให้มีปัญหา เลยเดินหน้าสำรวจแหล่งพลังงานใหม่ๆ ทั่วโลก รวมถึงพลังงานอื่นๆ อย่างก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นช่วงที่บ้านเรา เริ่มสำรวจพลังงาน พัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ที่มา : WEALTH HISTORY EP.1
การเงิน
ความรู้รอบตัว
ประวัติศาสตร์
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สรุปความรู้ที่ได้จาก Podcast Wealth History
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย