Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Lesson
•
ติดตาม
5 เม.ย. 2023 เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จุดเริ่มต้นของ Masayoshi Son ผู้กุมบังเหียน SoftBank
เรื่องราวของ SoftBank จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีผู้ชายที่ชื่อ Masayoshi Son
ชายที่ครั้งหนึ่งถูกตราหน้าว่าเป็น แค่เด็กเกาหลีที่เกิดในญี่ปุ่น (Zainichi Kankokujin)
ตอนที่เกิด ด้วยความที่ครอบครัวไม่อยากให้ถูกล้อว่าเป็นคนเกาหลี ถึงกลับเปลี่ยนนามสกุล จาก Son กลายเป็น Masayoshi Yasumoto
แต่ด้วยหน้าตาที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนญี่ปุ่น ดังนั้น วัยเด็กของเขาจึงถูกแกล้งอยู่เสมอ ว่าเป็นเด็กเกาหลี ถึงแม้ตระกูลของเขาจะอพยพมาอยู่ญี่ปุ่นถึง 2 เจนเนเรชันแล้ว
Masayoshi เกิดในปี 1957 หรือ 12 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
เป็นหลานของครอบครัวเกาหลีที่อพยพมาจากเมืองแทกู มาอยู่ญี่ปุ่น ตอนญี่ปุ่นยึดครองเกาหลี
ปู่ของเขาเป็นเพียงกรรมกรเหมืองแร่ อาศัยแบบผิดกฎหมายในพื้นที่ของการรถไฟญี่ปุ่่น
มาถึงรุ่นพ่อ เป็นคนเกาหลีที่เกิดในญี่ปุ่น ที่ฐานะค่อยๆ ดีขึ้น จนเป็นึนเกาหลีคนแรกในจังหวัดซางะ ที่มีรถยนต์ขับขี่ ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ฐานะครอบครัวที่ดีขึ้นทำให้ Masayoshi สามารถไปเรียนในโรงเรียนที่ดีขึ้นของญี่ปุ่น แทนที่จะเรียนโรงเรียนเล็กๆ ที่ไม่ต้อนรับชาวต่างประเทศ แต่ก็ยังถูกเพื่อนล้อ
ด้วยความที่เขาเป็นคนทะเยอทะยาน จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ และลบคำสบประมาทว่าเป็นแค่คนเกาหลีที่ต่ำต้อย
พอเริ่มเป็นวัยรุ่น เขามีไอดอล คือ ฟูชิตะ เด็น
ซึ่งเป็นคนนำเข้าแฟรนไชส์ แมคโดนัลด์ เข้าไปขายที่ญี่ปุ่นในปี 1971
วลีที่สำคัญของเขา คือ “คนญี่ปุ่นที่ตัวเตี้ยและผิวเหลือง เพราะกินแต่ปลากับข้าว
ลองหันมากินเนื้อวัวและอาหารฝรั่ง พวกเขาจะตัวสูงและผมทอง”
Masayoshi มีความฝันว่า อยากจะเข้าไปเจอกับนักธุรกิจใหญ่คนนี้
เขาติดต่อผ่านเลขาและตื้อจนได้ไปพบ ฟูชิตะ เด็น ได้ 10 นาที
โดยมีเงื่อนไขว่า อยู่ได้แค่มุมห้อง ห้ามพูด ห้ามคุย ห้ามรบกวน
แต่พอไปเจอจริงๆ ด้วยความที่ ฟูชิตะ เด็น มองว่าเด็กคนนี้มีความมุ่งมั่นเลยให้คำแนะนำ 2 ข้อ
ไปเรียนภาษาอังกฤษ
ไปจากญี่ปุ่น และไปเรียนที่สหรัฐ
Masayoshi เชื่อไอดอล ตัดสินใจไปเรียนหนังสือที่แคลิฟอร์เนีย ตอนอายุ 19 ปี หลังเจอ ฟูชิตะ เด็น 3 ปี
เขาเลือกเรียนสาขาเศรษฐศาสตร์ และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
ในช่วงที่เรียน เขาสนุกกับการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นกระดูกสันหลังของคนญี่ปุ่นในเวลานั้น เขาพัฒนา Dictionary Electronic
หลังจากนั้นขายลิขสิทธิ์ให้ SHARP ด้วยเงิน 1,700,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ต่อมา เขานำเข้าเครื่องวิดีโอ เกมจากญีุ่ปุ่นไปขายที่สหรัฐฯ เพื่อเอนเตอร์เทนคนที่หอพัก โรงอาหาร ได้เงินมาอีก 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ และตั้งบริษัทวิดีโอเกมที่โอ๊คแลนด์ แคลิฟอร์เนีย
บริษัทนั้นสามารถทำกำไร และขายให้ Kyocera ต่อไป ได้เงินอีก 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ก่อนกลับจากสหรัฐ เขาตัดสินใจเปลี่ยนกลับไปใช้นามสกุล Son
ในปี 1981 ตั้งบริษัท SoftBank มีสำนักงานเล็กๆ อยู่ที่มินาโตะ ในโตเกียว
เป็นบริษัทที่ไม่ได้โยงใยกับ Keiretsu หรือ เครือข่ายธุรกิจอุตสาหกรรมในญี่ปุ่น
แต่ถึงจะไม่มีใคร Back Up เขาเลือกไปขาย Business Plan กับ ธนาคาร Mizuho
ธุรกิจบริษัทเขาคือ ขายซอฟ์ตแวร์ กำไรอาจจะไม่ได้เยอะ
แถมใช้เงินเกือบทั้งหมดของบริษัท ไปเปิดบูธที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในงาน Trade Show เกี่ยวกับเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ของญี่ปุ่น
โดยบูธของเขามีขนาดใหญ่กว่าของ NEC, Sony, SHARP
ทำไมถึงต้องทำแบบนั้น
นี่คือคำถามที่คนในบริษัทถาม Masayoshi
เขาบอกว่า ความใหญ่ของบูธจะทำให้คนหันมาถามว่า ซอฟต์แวร์ของ SoftBank คือบริษัทอะไร
ในแง่ผลตอบแทนขาดทุนย่อยยับ
แต่อย่างน้อยคนในญี่ปุ่นเริ่มรู้ว่าบริษัทนี้ไม่ธรรมดา
หลังขายซอฟต์แวร์มาได้สักระยะ เขาเริ่มทำหนังสือคอมพิวเตอร์ ชื่อ Oh!PC กับ Oh!mz เพราะศตวรรษที่ 80 เป็นยุคของคอมพิวเตอร์
ยอดพิมพ์ของหนังสือเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอด
ยอดขาย 140,000 เล่ม ในปี 1989
และกลายเป็นสื่อคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุด และ ทำ Trade Show ด้านคอมพิวเตอร์ไปด้วย
ในปี 1994 SoftBank เเข้าตลาดหุ้น ระดมทุนได้ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทก็ขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ โดยเขาไม่ได้เน้นสร้างเทคโนโลยี
แต่เป็น Deal Maker เอาเงินไปลงทุนกับบริษัทเทคโนโลยีที่มีอนาคตทั้งในญี่ปุ่น จีน สหรัฐฯ
ในปี 1996 เขาไปลงทุนในบริษัทอินเตอร์เนตที่คนไม่ค่อยรู้จัก อย่าง Yahoo
ในปีเดียวกัน ซื้อหุ้น 80% ของ Kingston เทคโนโลยี ซึ่งทำ USB PORT
ปี 2000 SoftBank กลายเป็น Holding Company เดินหน้าซื้อหุ้นอินเตอร์เนตจีน อย่าง Alibaba ด้วยเงิน 20 ล้านดอลลาร์
14 ปีต่อมา เงินก้อนนั้นกลายเป็น 6 หมื่นล้านดอลลาร์
หลังจากนั้น เขายังไปลงทุนในอีกธุรกิจ
มาถึงวันนี้ แม้ SoftBank จะไม่ใช่บริษัทที่สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ แต่ในฐานะนักลงทุนที่มองเห็นอนาคต ทำให้ SoftBank เป็นบริษัทเรือธงของญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน
ที่มา : WEALTH HISTORY EP.30
ญี่ปุ่น
การลงทุน
การเงิน
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สรุปความรู้ที่ได้จาก Podcast Wealth History
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย