บทความ Blockdit ตอน ถ้าโลกเราไม่มีกลางคืน
รถแท็กซี่จอดริมทางถนนของคนกลางคืน เป็นเวลาตีหนึ่ง ผับประจำของข้าพเจ้าเพิ่งปิด ข้าพเจ้าก้าวขึ้นรถ นึกแปลกใจที่เขาไม่ปฏิเสธลูกค้าและกดมิเตอร์ตามปกติ
คนขับแท็กซี่บอกว่า "ผมไม่รู้ทางในกรุงเทพฯดี ช่วยบอกทางหน่อยนะครับ"
"ได้..." ข้าพเจ้าตอบ เพราะหาแท็กซี่ที่ยอมไปจุดหมายของข้าพเจ้ายาก
ข้าพเจ้าถามคนขับ "เพิ่งขับแท็กซี่หรือ จึงไม่ค่อยรู้ทาง?"
"เพิ่งขับได้อาทิตย์เดียวเองครับ ผมขับกะค่ำ"
"อ้อ! ทำงานกลางคืน กลางวันนอน"
"เปล่าครับ กลางวันทำงานหลัก กลางคืนขับแท็กซี่เป็นอาชีพเสริม"
"แล้วกลางวันคุณทำอะไร?"
"ผมสอนวิชาฟิสิกส์"
"อืม! น่าสนใจ คุณสอนที่ไหนครับ?"
เขาเอ่ยชื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่ง ข้าพเจ้านึกทึ่ง อาจารย์ฟิสิกส์ใมหาวิทยาลัยมาขับแท็กซี่ตอนกลางคืนเพื่อหารายได้เพิ่ม
"ขอโทษที่ละลาบละล้วง เงินเดือนอาจารย์ในมหาวิทยาลัยไม่พอหรือครับ?"
"ถ้าเลี้ยงตัวเองก็พอครับ แต่ผมมีหนี้สินต้องใช้ เป็นหนี้ที่ภรรยาเก่าผมทิ้งไว้ให้"
ข้าพเจ้าเหลือบดูป้ายชื่อคนขับ คิดลึก ดารันต์
"นามสกุลคุณแปลก ดารันต์แปลว่าอะไรครับ?"
"แปลว่าสุดแดนดาว มาจากดารา + อันต ผมเปลี่ยนนี้ตามชื่อตัวละครในนิยายไซไฟเรื่องนึง"
"แสดงว่าคุณชอบอ่านไซไฟ"
"ใช่ครับ มันขยายสมองดีครับ"
"ผมก็เคยดูหนังไซไฟเรื่องนึง แต่ไปไม่รอด"
"เรื่องไหนครับ?"
"2001: A Space Odyssey"
เขาหัวเราะ "คนจำนวนมากก็ดูไม่จบ แต่ความจริงมันเป็นหนังไซไฟที่ลุ่มลึกและดีมากนะครับ"
"คงจริงนะ เพราะผมหลับลุ่มลึกมากเลย"
"ตอนต้นอาจจะลากยาวไปบ้าง แต่คอนเส็ปต์เรื่องนี้ดีมากครับ"
"ดียังไง?"
"นานาจิตตังมั้งครับ นิยายวิทยาศาสตร์ทำให้เราขบคิด และตั้งคำถาม ยกตัวอย่าง เช่น ผมพบคุณในตอนนี้ เพราะโลกเรามีกลางคืน ทำให้มีไนต์คลับ ผับ บาร์ราตรี ถ้าไม่มีกลางคืน คุณก็เที่ยวกลางคืนไม่ได้ และไม่ได้เจอผมในคืนนี้"
"แต่มันจะแปลกอะไรในเมื่อโลกเรามีกลางวันกลางคืนอยู่แล้ว"
"ถ้ามองในมุมอื่น ในบางโลกที่มีดวงอาทิตย์คู่ อาจไม่มีกลางคืน"
"มีโลกที่มีดวงอาทิตย์สองดวงจริงๆ หรือ?"
"จุดนี้คนส่วนมากไม่รู้ ดาราจักรเต็มไปด้วยดวงอาทิตย์คู่ หรือ binary stars มากกว่าดวงอาทิตย์เดี่ยวๆ อีกนะครับ ดวงดาวข้างนอกโน้น 85 เปอร์เซ็นต์เป็นดาวคู่ คือดวงอาทิตย์สองดวงที่ใช้แรงโน้มถ่วงร่วมกัน ลองนึกถึงสิ่งมีชีวิตในดาวเคราะห์ที่ไม่มีกลางคืน พวกเขายากจะเดินทางออกไปสู่อวกาศได้ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ามีอวกาศ มันสว่างไสวไปหมด"
"ถ้าโลกเราไม่มีกลางคืน จะเป็นอย่างไร?"
"เราคงประหยัดค่าไฟฟ้าตอนค่ำ เราคงไม่มีฉากโรแมนติค หนุ่มสาวเดินคุยกันในตอนกลางคืน เราจะไม่เห็นพระจันทร์ลอยเด่น เราจะไม่มีเทศกาลลอยกระทง ไม่มีการจุดดอกไม้ไฟ และที่แน่ๆ ก็คือ เราจะไม่มีโหราศาสตร์ที่อิงดวงดาว"
"ทำไม?"
"ก็เพราะเมื่อเราไม่เห็นดวงดาวพราวแสงบนฟ้าสีดำ เราก็ไม่เห็นจุดระยิบระยับของดวงดาว และไม่สามารถประดิษฐ์คิดค้นราศีต่างๆ มาให้เป็นฐานการการทำนายทางโหราศาสตร์"
"นี่เป็นเรื่องคิดเล่นใช่ไหม?"
"ก็ไม่เชิง เพราะความจริงแล้ว โลกเราก็เกือบไม่มีกลางคืน"
"ยังไงครับ?"
"คำตอบอยู่ที่ดาวพฤหัสครับ"
"คุณไม่ได้อำนะ"
"ไม่ครับ เรื่องนี้คอไซไฟรู้มานานแล้ว เพราะมีนวนิยายเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างเช่นภาคสองของ 2001: A Space Odyssey ที่คุณดูแล้วหลับ ลุ่มลึกน่ะ สิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวเปลี่ยนดาวพฤหัสเป็นดวงอาทิตย์"
"แต่ดาวพฤหัสเป็นดาวเคระห์ไม่ใช่หรือ?"
"ใช่ครับ"
"แล้วเปลี่ยนดาวเคราะห์เป็นดวงอาทิตย์นี่ไม่เว่อร์หรือ?"
"มันเป็นนิยายนะครับ"
"เปลี่ยนไปทำไม?"
"ก็เพื่อให้ดวงจันทร์ยูโรปาละลาย"
"ยูโรปานี่เป็นการแข่งฟุตบอลหรือเปล่า?"
"เปล่าครับ ยูโรปาเป็นชื่อดวงจันทร์ดวงหนึ่งของดาวพฤหัส มีแต่น้ำแข็งปกคลุมทั้งดวง สิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวจึงเปลี่ยนดาวพฤหัสเป็นดวงอาทิตย์ เพื่อให้น้ำแข็งละลาย แล้วเกิดชีวิต"
"เดี๋ยว! ผมสงสัยว่าเปลี่ยนดาวเคราะห์เป็นดวงอาทิตย์ยังไง เล่าให้ฟังหน่อย"
"ตั้งแต่ต้น?"
"ใช่"
"งั้นก็ต้องเล่าตั้งแต่ภาค 1 ที่คุณหลับลุ่มลึกนะครับ"
"เอ้า! เล่ามาเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ"
"เรื่อง 2001 เปิดฉากสมัยที่โลกเพิ่งมีมนุษย์ เป็นมนุษย์วานร พวกนี้ยืนตัวตรงแล้ว อาศัยอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม เก็บของป่ากิน วันหนึ่งพวกเขาพบวัตถุชิ้นหนึ่งกลางทุ่ง เป็นแท่งหินสีดำสนิทขนาดใหญ่ สัดส่วน 1 : 4 : 9 หลังจากนั้นแท่งหินลึกลับนี้น่าจะทำให้มนุษย์วานรฉลาดขึ้น สามารถสร้างอาวุธล่าสัตว์ มนุษย์วานรพลัน
วิวัฒนาการแบบก้าวกระโดด สมองใหญ่ขึ้น กลายเป็นสายพันธุ์ โฮโม ซาเปียนส์ สร้างอารยธรรม และผ่านไปสองแสนปีก็พัฒนาโครงการอวกาศ แล้วเดินทางไปดวงจันทร์ พวกเขาจับสัญญาณคลื่นแม่เหล็กใต้ดิน ณ จุดหนึ่งของดวงจันทร์ เมื่อขุดลงไปก็พบแท่งหินสีดำสัดส่วน 1 : 4 : 9 จากการตรวจตรวรอายุ พบว่าแท่งหินนั้นมีอายุสามล้านปี เมื่อแท่งหินที่ฝังดินมานานสามล้านปีเผยตัว มันก็ส่งคลื่นสัญญาณไปที่ดาวเสาร์
"เอ๊ะ! ดาวพฤหัสไมใช่หรือ?"
"ในหนังเปลี่ยนเป็นดาวพฤหัส เพราะผู้กำกับเห็นหุ่นดาวเสาร์ที่มีวงแหวนรอบดูไม่สมจริง"
"แท่งหินสีดำคืออะไร?"
"มันเป็นผลงานของสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวสายพันธุ์หนึ่ง พวกนี้เดินทางไปเยือนโลกต่างๆ ในดาราจักร จนมาถึงโลกเราในยุคมนุษย์วานร ก็จัดการปรับสรีระของมนุษย์วานรให้ฉลาดขึ้น แต่สิ่งทรงภูมิปัญญาไม่มีเวลาเฝ้าดูพัฒนาการของมนุษย์ ก็ใช้แท่งหินสีดำเป็นตัววัด นั่นคือวันใดที่มนุษย์พัฒนาถึงขั้นเดินทางสู่อวกาศ ก็ย่อมไปดวงจันทร์ก่อน เมื่อไปถึงก็จะขุดพบแท่งหินสีดำ ส่งสัญญาณไปบอกสิ่งทรงภูมิปัญญาว่ามนุษย์พัฒนาถึงขั้นไหนแล้ว"
"แล้ว?"
"หลังจากพบแท่งหิน สหรัฐฯก็ส่งยานอวกาศไปสำรวจแท่งหินที่ลอยอยู่แถวดาวเสาร์ หรือที่ในหนังเปลี่ยนเป็นดาวพฤหัส หลังจากประสบความวุ่นวายระหว่างการเดินทาง นักบินอวกาศรอดชีวิตมาคนเดียวชื่อ เดวิด โบว์แมน เขาเดินทางต่อไปจนถึงแท่งหินสีดำขนาดยักษ์ เขาพบว่าแท่งหินนั้นเป็นประตูสู่อีกซีกหนึ่งของดาราจักร"
"ที่เรียกว่า stargate?"
"ใช่ โบว์แมนขับยานอวกาศเข้าไปในประตูดาว เขาไปโผล่ในอีกระบบดาวหนึ่ง เป็นดาวยักษ์แดง"
"เป็นยังไง?"
"ดาวยักษ์แดงก็คือดวงดาวที่มีมวลประมาณดวงอาทิตย์ของเราพอเผาผลาญเชื้อเพลิงจวนหมด แกนกลางก็จะหดตัวด้วยแรวโน้มถ่วงของมัน ทำให้ร้อนขึ้น เปลือกนอกจะขยายตัว ขนาดดวงดาวจะใหญ่ขึ้น ถ้าเป็นดวงอาทิตย์ของเรา มันจะขยายมาชนโลกเรา...
"แต่ดาวยักษ์แดงก็จะค่อยๆ หดตัวเป็นดาวแคระขาว อัดแน่นขนาดคุณตักดาวแคระขาวหนึ่งช้อนชา จะหนักถึงห้าตัน"
"จากนั้น?"
"เชื่อว่ามันจะกลายเป็นดาวแคระดำ ซึ่งยังเป็นทฤษฎี"
"แล้วดวงดาวที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ของเรา?"
"ถ้ามวลสูงมาก เมื่อไฮโดรเจนที่แกนกลางหมด มันจะสร้างธาตุหนักขึ้นเรื่อยๆ เช่น ออกซิเจน ซิลิคอน แมกนีเซียม เหล็ก เมื่แกนกลางกลายเป็นเหล็ก แรงโน้มถ่วงของมันจะทำให้มันหดตัวแน่นเสียจนแกนกลางขนาดเท่าโลกหดเหลือรัศมี 10 กิโลเมตรได้ จะร้อนจัดจนระเบิดอย่างแรง ที่เรียกว่าซูเปอร์โนวา หลังจากนั้นซากของดาวจะมีสองทางเลือกคือเป็นดาวนิวตรอนหรือกลายเป็นหลุมดำ ขึ้นอยู่กับมวล"
"แล้วเกิดอะไรขึ้นกับโบว์แมน?"
"เขาพบดาวเคราะห์ดวงหนึ่งโคจรรอบดาวยักษ์แดง เชื่อว่าเป็นบ้านของสิ่งทรงภูมิปัญญานั้น เขานำยานไปจอดที่ดาวเคราะห์ดวงนั้น"
"ในหนังไม่มี..."
"ในหนังแสดงภาพแบบเซอร์เรียลให้เราตีความเอง"
"แล้วคุณตีความว่ายังไง?"
"สิ่งทรงภูมิปัญญาเจ้าของแผ่นหินสีดำทำให้ตัวตนมนุษย์ของโบว์แมนหายไป เขาไม่มีร่างกายอีกต่อไป เขาสามารถเดินทางไปทุกที่ในดาราจักร ไม่ต้องใช้ยานอวกาศ เพราะตัวเขาเองคือยานอวกาศ"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับยูโรปาที่คุณว่า?"
"ก็มาถึงภาค 2 คือ 2010: Odyssey Two เก้าปีหลังจากโบว์แมนหายตัวไป อเมริกาก็ส่งนักบินอวกาศไปที่ดาวเสาร์ คราวนี้ไปกับยานอวกาศของโซเวียต พวกเขาต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น งานนี้ไปสามประเทศ สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน จีนส่งยานอวกาศไปยูโรปาก่อน แต่ยานถูกทำลาย พวกเขาพบยานดิสคัพเวอรี วัน ที่ลอยอยู่ เมื่อเข้าไปภายในยาน ก็ไม่พบ เดวิด โบว์แมน"
"แล้วโบว์แมนหายไปไหน?"
"เขากลายเป็นตัวตนใหม่ และไปปฏิบัติงานที่ดาวพฤหัส สิ่งทรงภูมิปัญญารู้ว่าทะเลใต้น้ำแข็งของดวงจันทร์ยูโรปา มีสิ่งมีชีวิต จึงคิดทำอะไรบางอย่างคล้ายกับครั้งที่ทำกับมนุษย์วานรบนโลกเรา แต่ยูโรปาเป็นน้ำแข็งทั้งดวง จะให้สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลน้ำแข็งวิวัฒนาการ ก็ต้องละลายน้ำแข็งที่ปกคลุมดวงจันทร์ก่อน"
"ละลายยังไง?"
"ก็สร้างดวงอาทิตย์ใหม่"
"อย่าบอกว่าโดยเปลี่ยนดาวพฤหัสเป็นดวงอาทิตย์"
"เป็นอย่างนั้นเลย"
"พูดเป็นหนังการ์ตูนไปได้"
"ไม่เลย คุณรู้ไหมว่าดาวพฤหัสเกือบได้เป็นดวงอาทิตย์อีกดวงหนึ่งแล้วในตอนกำเนิดระบบสุริยะ"
"ดาวพฤหัสมีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ไม่น้อยในดาราจักรนะ หากเรารวมดาวเคราะห์ทั้งหมดในระบบสุริยะ ก็ยังเล็กกว่าดาวพฤหัสถึงสองเท่าครึ่ง เมื่อเทียบดวงอาทิตย์กับดาวพฤหัส จะพบว่าคล้ายกัน...
"ทีนี้สิ่งทรงภูมิปัญญาก็เปลี่ยนดาวพฤหัสเป็นดวงอาทิตย์ โดยใช้แท่งหินสีดำจำนวนมหาศาล กลืนกินดาวพฤหัสทั้งดวง ทำให้เกิดนิวเคลียร์ ฟิวชัน กลายเป็นดาวฤกษ์ดวงใหม่ หลังจากนั้น เดวิด โบว์แมน ก็ส่งสารกลับไปยังโลกว่า โลกทั้งหมดนี้เป็นของพวกท่านยกเว้นยูโรปา อย่าพยายามลงจอดที่นั่น
"แต่มนุษย์ก็ไม่ฟัง ยังส่งยานไปสำรวจยูโรปา ปรากฏว่าทุกครั้งที่ไป ยานอวกาศของมนุษย์ก็ถูกสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวทำลาย เพื่อป้องกันไม่ให้มนุษย์ไปรบกวนวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตใหม่บนยูโรปา...
"ชาวมนุษย์ตั้งชื่อดาวพฤหัสใหม่ว่า ลูซีเฟอร์ และลูซีเฟอร์ก็ส่งผลทำให้สิ่งมีชีวิตใหม่บนยูโรปาวิวัฒนาการจนสามารถสร้างอารยธรรม สำหรับชาวยูโรปา ลูซีเฟอร์คือดวงอาทิตย์ของพวกเขา บนยูโรปา มีแท่งหินสีดำซึ่งชาวยูโรปาสักการะ สำหรับโลกเราก็ไม่มีกลางคืนอีกต่อไป เพราะเรามีดวงอาทิตย์สองดวง
"ถ้านิยายเรื่องนี้เป็นจริง ผมก็คงไม่ได้เที่ยวกลางคืน"
"และผมก็คงไม่ได้ขับรถกะดึก"
รถแท็กซี่ไปถึงจุดหมายในที่สุด ข้าพเจ้าลงจากรถ แสงไฟนีออนจากถนน
มองขึ้นฟ้า ดำสนิท
มาเที่ยวกลางคืนหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แลเห็นจันทร์เสี้ยวบนฟ้า
เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันสวยงาม
แปลก! มนุษย์เรามีของสวยงามอยู่เบื้องบนตลอดเวลา แต่เราไม่เคยเงยหน้าขึ้นมองฟ้ากลางคืน
แท่งหินส่งสัญญาณออกไปนอกโลก ใน 2001
- 40
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
