24 มิ.ย. 2023 เวลา 00:00 • หนังสือ

บทความ Blockdit ตอน Out of Eden Walk : การเดินทางหนึ่งแสนปีจากแอฟริกา

พอล ซาโลเพ็ค (Paul Salopek) เป็นนักเขียนรางวัลพูลิตเซอร์สองสมัย เขายังเป็นนักเดิน วันหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน (2013) เขาตัดสินใจเริ่มเดินออกจาก จุดเริ่มต้น
1
จุดเริ่มต้นหมายถึงจุดกำเนิดมนุษย์ปัจจุบัน โฮโม ซาเปียนส์ สายพันธุ์ของเรา
2
นักวิทยาศาสตร์รู้ว่าสายพันธุ์ โฮโม ซาเปียนส์ มีจุดกำเนิดที่แอฟริการาวๆ 2-3 แสนปีมาแล้ว จนเมื่อราว 6-9 หมื่นปีก่อน ก็ตัดสินใจย้ายบ้าน อพยพไปตามภาคพื้นต่างๆ จนไปทั่วทุกมุมโลกในตอนนี้
พอล ซาโลเพ็ค ตั้งใจเดินตามรอยคนชุดแรกที่ออกจากแอฟริกา ข้ามระยะทาง 33,796 กิโลเมตร ห้าทวีป สามสิบกว่าประเทศ กะว่าใช้เวลาประมาณ 7-10 ปี
ตามตำนานคริสต์ อดัมกับอีฟเป็นมนุษย์คู่แรกที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น ให้อยู่สวนสวรรค์อีเดน (Eden หรือ Terrestrial Paradise) ซึ่งมีนัยเป็นบ้านหลังแรกของมนุษย์คู่แรก ดังนั้นการเดินครั้งนี้จึงเรียกว่า Out of Eden Walk
เขาจะเดินตามรอยบรรพบุรุษเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ออกจากเอธิโอเปีย มุ่งไปทางตะวันออกกลาง ผ่านเอเชียกลางและเอเชียอาคเนย์ ผ่านเมืองจีน และข้ามทางเดินที่เชื่อมอเมริกาเหนือกับเอเชีย (ซึ่งตอนนี้หายไปแล้ว จึงต้องใช้เรือแทน) จะเดินไปตามฝั่งตะวันตกของอเมริกา เม็กซิโก ลงไปอเมริกาใต้
1
เรารู้ว่ามนุษย์โบราณอาศัยอยู่ที่แอฟริกามาอย่างน้อย 160,000 ปีก่อนย้ายบ้าน น่าจะเดินทางออกจากแอฟริกาตะวันออกราว 50,000-70,000 ปีก่อน แต่เราไม่รู้สาเหตุของการย้ายถิ่นฐาน มีทฤษฎีว่าอาจเป็นสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ความแห้งแล้ง การขาดอาหาร
จากหลักฐานต่างๆ เรารู้ว่ามนุษย์โบราณส่วนหนึ่งไปหยุดที่หุบเขา Wadi Natuf แถวปาเลสไตน์ในปัจจุบัน เมื่อราว 10,000-13,000 ปีก่อน ตั้งหลักฐานที่นั่น แล้วเริ่มการเกษตรกรรมซึ่งเปลี่ยนวิถีของมนุษย์จากนักล่านักเก็บของป่าเป็นชาวเกษตรกร
มนุษย์กระจายไปเอเชียราว 50,000 ปีก่อน ไปถึงยุโรปราว 40,000 ปีก่อนเมื่อ โฮโม ซาเปียนส์ ค่อยๆ เข้าไปแทนที่นีแอนเดอธัลซึ่งครองยุโรปมาก่อน หรืออาจไปก่อนหน้านั้น เพราะมีหลักฐานกระดูก โฮโม ซาเปียนส์ ที่อิสราเอล กรีซ อายุประมาณสองแสนปี เชื่อว่ามนุษย์ โฮโม ซาเปียนส์ เหล่านั้นอาจถูกพวกนีแอนเดอธัลกลืนเผ่าพันธุ์ เพราะสองสายนี้ผสมพันธุ์ข้ามกันได้
1
มีความเป็นไปได้ที่มนุษย์ยุคแรกเดินทางไปถึงเมืองจีนตั้งแต่ 125,000 ปีก่อน แต่อยู่ไม่รอดสืบสายถึงปัจจุบัน จนระลอกใหม่เดินทางไปถึง มนุษย์โบราณไปถึงทวีปอเมริการาว 15,000-20,000 ปีก่อน ถึงยูเรเชียราว 12,000 ปีก่อน
ส่วนการเดินทางไปเอเชียอาคเนย์ หมู่เกาะต่างๆ และทวีปออสเตรเลียน่าจะเกิดขึ้นราว 50,000-65,000 ปีก่อน หลายช่วงของการเดินทางเป็นไปได้ เพราะในอดีตกาลระดับน้ำทะเลต่ำกว่าปัจจุบันมากพอเป็นสะพานข้ามทวีป บางช่วงก็เดินทางทางน้ำ
บางช่วงจำนวนคนในโลกก็ลดลงอย่างมาก เช่น ครั้งที่เกิดมหาวิบัติจากภูเขาไฟโตบาระเบิด อาจจะลดจำนวนมนุษย์เหลือเพียง 15,000 คน แล้วเพิ่มจำนวนขึ้นมาใหม่
2
เรารู้เรื่องเหล่านี้ได้ชัดเจนเพราะเราอ่านค่าดีเอนเอของมนุษย์โบราณ ซึ่งบางครั้งดีกว่าหลักฐานทางโบราณคดี ดีเอนเอเป็นรอยจารึกที่ชัดเจนว่ามนุษย์กลุ่มไหนเชื่อมกับกลุ่มไหน
1
ดีเอนเอของมนุษย์ในแต่ละพื้นที่สามารถโยงหากันและบอกทิศทางของการอพยพของบรรพบุรุษได้อย่างแม่นยำระดับหนึ่ง มันบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในสเกลใหญ่ จากจุดเริ่มต้นของมนุษย์ โฮโม ซาเปียนส์ ที่แอฟริกาจนครอบครองโลก
เมื่อผสมหลักฐานทั้งสองอย่าง ก็เห็นภาพการเดินทางของมนุษย์โบราณอย่างชัดเจน
ช่วงปี 2005-2019 National Geographic Society กับ IBM ทำโครงการชื่อ Genographic Project ศึกษาตัวอย่างดีเอนเอของคนทั่วโลก เพื่อทำแผนที่การเดินทางของมนุษย์ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ช่วง 14 ปีนั้น มีชาวโลกเข้าร่วมโครงการนี้จำนวน 1,006,542 คนจาก 140 ประเทศ
ผมเป็นหนึ่งในนั้น
ผมสนใจเรื่องพันธุกรรมและการเดินทางของมนุษย์จากต้นกำเนิดมานานแล้ว วิธีการร่วมโครงการคือผมส่งตัวอย่างน้ำลายของผมไปให้นักวิทยาศาสตร์ที่สหรัฐอเมริกาเพื่ออ่านค่าดีเอนเอแล้ววิเคราะห์กำเนิดของบรรพบุรุษของผมเมื่อราวหนึ่งแสนปีก่อน
ผลการตรวจดีเอนเอของผมสรุปได้ว่า ราวหกหมื่นปีก่อน บรรพบุรุษของผมเดินทางออกจากแอฟริกาไปตามทิศทางต่างๆ บรรพบุรุษของผมพบกับมนุษย์อีกสองสายพันธุ์ซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของเรา คือสายพันธุ์ Neanderthal และ Denisovan แล้วเกิดการผสมข้ามพันธุ์กันขึ้น
ที่สามารถรู้ได้เพราะในดีเอนเอของผมมีสายเลือด Neanderthal 2 เปอร์เซ็นต์ และสายเลือด Denisovan 1.9 เปอร์เซ็นต์
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมนุษย์ทั้งโลกตอนนี้มีดีเอนเอของมนุษย์สองสายพันธุ์นี้ตั้งแต่ 1-4 เปอร์เซ็นต์ ดีเอนเอของ Denisovan ประมาณ 0.2 เปอร์เซ็นต์ของคนเอเชียและคนพื้นเมืองอเมริกา
ผลการตรวจดีเอนเอของผมยังบอกว่ารหัสสายพันธุ์ทางฝ่ายแม่ของผมคือ B4a รหัสสายพันธุ์ทางฝ่ายพ่อของผมคือ O-M111
มันชี้ว่าบรรพบุรุษฝ่ายแม่ของผมเดินทางออกจากแอฟริกาไปทางเอเชียตะวันตกและเอเชียใต้ ตั้งหลักแหล่งที่ปัจจุบันคือภาคใต้ของจีน จากจุดนั้นบรรพบุรุษบางกลุ่มได้เดินทางต่อไปที่อินเดีย บางกลุ่มก็เดินทางต่อไปเอเชียตะวันออก รวมทั้งญี่ปุ่น
B4a เป็นดีเอนเอลำดับต้นๆ ของสาย B พบมากแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม เราพบกลุ่มย่อยของ B4a ในชาวพื้นเมืองในทวีปอเมริกา แปลว่าคนสองกลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกันทางพันธุกรรม
สำหรับบรรพบุรุษฝ่ายพ่อของผมเดินทางออกจากแอฟริกาไปเอเชีย ตั้งหลักที่ดินแดนซึ่งตอนนี้คือภาคใต้ของจีน พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกในโลกที่ทำการเกษตรกรรม จากจุดนั้น บรรพบุรุษบางกลุ่มแยกตัวเดินทางไปต่อไปที่ญี่ปุ่น บางกลุ่มลงใต้ไปอีก บางกลุ่มก็เดินทางจนในที่สุดก็ไปตั้งหลักที่หมู่เกาะโพลีนีเชีย
1
O-M111 เป็นดีเอนเอที่สืบมาจาก O-M88 ซึ่งพบมากในพวก Hani, She, เวียดนาม, คนเผ่าไท, ชาวเขา เช่น แม้ว เย้า, ชนพื้นเมืองไต้หวัน, บอร์เนียว, จีนฮั่น ฯลฯ
1
การค้นพบนี้เป็นเรื่องที่แปลก แต่วิทยาศาสตร์สามารถบอกอดีตของเราได้อย่างน่าพิศวง และดีเอนเอของคนทั่วโลกก็ชี้ชัดเจนว่า เราทุกคนบนโลกเชื่อมโยงกัน เราทุกคนมีต้นกำเนิดเดียวกัน มาจากแอฟริกาเหมือนกัน
3
เวลาแสนปีเปลี่ยนสีผิว สีนัยน์ตา สีผม เปลี่ยนโลกทัศน์ ความคิด อคติ และทำให้เราเกลียดกัน ฆ่ากัน ทำสงครามกันมาตลอดอารยธรรมของมนุษย์
3
เราแยกทางกันมานานจนลืมว่าทุกคนในโลกนี้ก็คือญาติห่างๆ ของเรา
3
มนุษย์แต่ละกลุ่มที่แยกออกมาประดิษฐ์ภาษา วัฒนธรรม ศาสนา กฎหมาย ชาติ ลัทธิ ความเชื่อ ฯลฯ สร้างเอกลักษณ์ของกลุ่มชัดเจนขึ้น ในที่สุดความแตกต่างก็มากพอให้เราฆ่ากันเอง
5
นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่บอกว่าเราเรียนรู้เรื่องพันธุกรรมไปทำไม มันมีนัยของปรัชญาและการใช้ชีวิต พันธุกรรมของทุกเชื้อชาติบอกเราว่าเรามีเพียงโลกเดียว มนุษย์เดียว สีผิว สีนัยน์ตา เป็นคนละมุมของเรื่องเดียวกัน ภาษา วัฒนธรรม ศาสนา ชาตินิยม ก็เป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ของเรา
2
เราเกลียดกัน ทะเลาะกัน ฆ่ากัน ก็เพราะเราไม่เคยรู้หรือไม่สนใจมาก่อนว่า ที่แท้เรามาจากท้องทุ่งแห่งแอฟริกาเมื่อหลายแสนปีก่อนเหมือนกัน
6
บทบาทของดีเอนเอในการมองอดีตสามารถย้อนไปไกลกว่านั้น รวมกับซากฟอสซิล เราสามารถมองเห็นบรรพบุรุษของเราไกลถึงจุดเริ่มต้นของชีวิตบนโลก
มนุษย์ทุกคนบนโลกวิวัฒนาการมาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เราสืบเชื้อสายปลาในตัวเรา เราร่วมสายทางกับพืช สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
1
เรามีสายสัมพันธ์เดียวกับทุกๆ สิ่งมีชีวิตบนโลก
และหากทฤษฎีว่าชีวิตแรกบนโลกมาจากต่างดาวเป็นจริง เราก็อาจเป็นญาติกับชีวิตต่างดาว
ความเข้าใจที่มาของเราในมุมวิทยาศาสตร์จึงทำให้เราเข้าใจตัวเราดีขึ้น และบางทีมันอาจช่วยสะกิดใจเราให้แทนที่ความเกลียดชัง ความแตกต่างของสีผิว ด้วยความเข้าใจ
1
การเดินทาง Out of Eden Walk ยาวนานนับสิบปีของ พอล ซาโลเพ็ค อาจทำให้บางคนสงสัยว่าทำไปทำไม
แต่ก็เหมือนการปีนเขานั่นแหละ มันเป็นการเดินทางทางจิตวิญญาณมากกว่าการค้นหาความลับอะไร มันมีนัยของความเข้าใจมนุษยชาติในภาพรวม และตัวตนของเราในหน่วยย่อย
นี่จึงไม่ใช่แค่การเดินทางเพื่อวิทยาศาสตร์ แต่คือการเดินทางเข้าหาตัวตนภายในของเรา เพื่อเข้าใจตัวเราเองและชีวิตอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรา
1
มันอาจทำให้เราเข้าใจว่าเรามาจากไหน เราเป็นใคร และจะไปไหนต่อ จะทำอะไรกับชีวิตที่เหลือของเราบนโลกใบนี้
และหากเราเข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนก็คือญาติพี่น้องกันจริงๆ และสืบสายมาจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน ก็เป็นเรื่องไร้สาระที่เราจะฆ่ากัน
1
และหากเราสามารถใช้ความเข้าใจนี้สร้างโลกใหม่ที่ดีขึ้น โลกแห่งสันติ โลกใหม่ของเราก็คือสวนสวรรค์อีเดนจริงๆ
เมื่อนั้น Out of Eden Walk ก็คือ Into Eden Walk
หมายเหตุ โครงการเดิน พอล ซาโลเพ็ค ยังดำเนินอยู่ ณ ปี 2021 เขาเดินไปถึงเมืองจีน และยังเดินต่อไป
4
พอล ซาโลเพ็ค (ภาพจาก National Geographic Society)
แผนที่การเดินทาง 180,000 ปีของ วินทร์ เลียววาริณ จากแอฟริกา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา