14 เม.ย. 2023 เวลา 05:03 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

หลางหยาป่าง 2 วังวนแห่งอำนาจ

ภาคต่อของหลางหยาป่าง 1 ในอีก 50 ปีต่อมา ซึ่งเป็นเรื่องสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่มีราชวงศ์ใกล้เคียงให้เทียบเหมือนภาคแรก
1
พระโอรสองค์โตของฮ่องเต้ (จิ้งอ๋อง) ขึ้นเป็นฮ่องเต้พระองค์ต่อมา เถิงเซิง ลูกบุญธรรมของฮ่องเต้ ซึ่งจริง ๆ ก็คือหลาน เพราะเป็นลูกขององค์ชายเก้า ภาคนี้เป็นท่านอ๋องแม่ทัพใหญ่ประมาณ เหนือคนทั้งแผ่นดิน ใต้คนเพียงคนเดียว
คำถามที่ทิ้งไว้จากภาคแรกและเป็นเรื่องที่หลินซู กังวลอยู่ลึก ๆ แต่จิ้งอ๋องซื่อบื่อไม่ได้คิดอะไร คือ จะเกิดการแย่งชิงอำนาจกันอีกไหม ถ้าเถิงเซิงรู้ว่าชาติกำเนิดที่แท้จริงของตนเองเป็นใคร
คงต้องบอกว่า หลินซู ในฐานะอาจารย์ ทำสำเร็จ เพราะฉางหลิงอ๋อง ทำหน้าที่ค้ำจุนบัลลังก์ได้อย่างไม่มีที่ติตลอดรัชกาล
ในตอนจบของภาคแรก คนดูได้เห็นความผูกพันของฮ่องเต้ตอนยังทรงพระเยาว์ และเถิงเซิง ที่เป็นดังพี่น้อง( จริง ๆ ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันนั่นแหละ)
เมื่อเติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นฮ่องเต้ที่เชื่อใจแม่ทัพ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ภักดีฮ่องเต้ยิ่งกว่าใคร
สถานการณ์เหมือนเป็นการแก้ไขความผิดพลาดในภาค 1 ที่ฮ่องเต้ระแวงเกินกว่าเหตุ ภาคนี้เลยตรงกันข้าม เชื่อใจสุด ๆ ไปเลย
หากพิจารณาในอีกมุมหนึ่ง สถานการณ์สภาพแวดล้อมก็ต่างกันมาก หลางหยางป่าง 1 ฮ่องเต้กับแม่ทัพหลินร่วมกันชิงบัลลังก์ของฮ่องเต้กลับคืนมา แม้ว่าแม่ทัพหลินเป็นน้องเขยก็จริง แต่ก็มีอำนาจไม่ด้อยกว่าฮ่องเต้เลย ยังไม่นับองค์ชายเก้า ลูกชายที่โดดเด่นสุด ๆ ไปอีก จะระแวงก็ไม่แปลก
ฮ่องเต้ภาคที่แล้วอาจฉลาดในช่วงแรก แต่ท้ายที่สุดวิธีที่คิดว่าใช้เพื่อรักษาบัลลังก์ก็กลายเป็นหอกกลับมาทิ่มแทงตนเองในภายหลังอยู่ดี
1
ส่วนหลางหยางป่าง 2 ฮ่องเต้กับแม่ทัพหลิน โตมาด้วยกัน รับรู้สถานะองค์ชายและขุนนางมาตั้งแต่แรก ตอนที่ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
หากไม่พูดถึงเรื่องความรักความผูกพันในฐานะพี่น้อง มองกันแต่เฉพาะในแง่การเมืองการปกครอง ต้องนับว่าฮ่องเต้องค์นี้ฉลาดมาก รู้ว่าบัลลังก์ต้องมีคนค้ำยันเอาไว้ โดยเฉพาะแม่ทัพที่มีความสามารถ
เมื่อฉางหลินอ๋องจงรักภักดีขนาดนี้ ก็สมควรจะให้เกียรติเต็มที่เท่าที่จะให้ได้ และการให้เกียรติกันคือความเชื่อใจ ซึ่งเป็นที่สุดของการ “ซื้อใจ” คน
ฉางหลินอ๋องนอกจากเป็นทหารมีหน้าที่ปกป้องชายแดนแล้ว ยังเป็นเครื่องมือของฮ่องเต้ในการคานอำนาจขุนนางงี่เง่า ฮ่องเต้น่าจะมองออกว่าพี่ชายฮองเฮาไม่น่าจะชอบใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะในอีกมุมหนึ่งก็เอาไว้คานอำนาจฉางหลินอ๋องเช่นกัน
เมื่อเกิด “สมดุล” แห่งอำนาจ การปกครองก็ราบรื่น แผ่นดินก็สงบร่มเย็นไปตลอดรัชกาล
ในมุมของฉางหลินอ๋อง หากตัดเรื่องความผูกผันฉันท์พี่น้องออกไป ก็นับว่าอยู่เป็น แม้จะรู้ว่าฮ่องเต้รักและเชื่อใจ แต่ก็ต้องระมัดระวังการใช้อำนาจที่มีอย่างเคร่งครัดกว่าปกติ เพราะหากพลาดพลั้งให้ขุนนางที่อยากแย่งอำนาจ แม้ฮ่องเต้อยากจะช่วย ก็อาจช่วยไม่ได้
ปัญหาคือ ความภักดีและความเชื่อใจระหว่างฮ่องเต้และขุนพลคู่บัลลังก์จะยืนยาวไปได้กี่รัชกาล
เรื่องนี้มีพระเอก 2 คน ครึ่งเรื่องแรกคือ เซียวผิงจาง (หวงเสี่ยวหมิง) พี่ชายคนโต ครึ่งหลังคือ เซียวผิงจิง (หลิวฮ่าวหราน) ลูกชายทั้งสองของฉางหลินอ๋อง
ครึ่งแรกของเรื่อง เป็นความวุ่นวายเล็ก ๆ ภายในแคว้นที่มีเหตุมาจากภายนอกและการแย่งชิงอำนาจในอดีต แต่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เพราะอำนาจยังอยู่ในมือฮ่องเต้และฉางหลินอ๋องเต็มที่
เรียกว่าเป็นช่วงแนะนำให้รู้จักว่าตัวละครมีที่มาที่ไปอย่างไร นิสัยเป็นอย่างไร โดยเฉพาะตัวละครสำคัญ 3 คนผิงจาง ผิงจิ้ง และหยวนฉี
บทเน้นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของพี่น้อง ทั้งฮ่องเต้และฉางหลินอ๋อง ผิงจางและผิงจิง แม้ว่าผิงจางจะไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆ ของฉางหลินอ๋อง
นอกจากนั้นยังสื่อสารเรื่องการสืบทอดตำแหน่งทายาทของทัพฉางหลินว่า ไม่ได้ตัดสินที่สายเลือดเท่านั้น
ผิงจางถูกวางให้เป็นแม่ทัพคู่บัลลังก์ของฮ่องเต้องค์ต่อไป เหมือนกับที่ฉางหลินอ๋องเป็นมาตลอด ถ้าไม่เกิดเหตุไปเสียก่อน
ส่วนผิงจิง เป็นคุณชายรองสุดชิล หลานรักของฮ่องเต้ สนิทกับรัชทายาทเหมือนที่กับที่ฉางหลินอ๋องสนิทกับฮ่องเต้ แม้จะเป็นคนมีความสามารถแต่รักอิสระ เลยไม่อยากรับราชการเหมือนพี่ชาย
หยวนฉี เป็นหลานฮ่องเต้ เพราะพ่อแม่ตายเพราะทำเรื่องร้ายไว้ทั้งคู่ จึงแทบไม่มีความสำคัญอะไรเลย ฐานะยังน้อยกว่าคุณชายรองของจวนฉางหลินด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นคนที่มาทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนที่สุด
เรื่องราวครึ่งเรื่องหลัง คือคำถามว่าหากสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่ฮ่องเต้และฉางหลินอ๋องวางแผนไว้ อย่าว่าแต่บัลลังก์เลย แม้แต่แผ่นดินจะยังรักษาไว้ได้หรือไม่
เมื่อผิงจางเสียชีวิต ฮ่องเต้สวรรคต ผิงจิงต้องเป็นแม่ทัพสืบแทนพี่ชาย ฉางหลินอ๋องยังมีชีวิตอยู่ก็จริง แต่ก็สว.แล้ว ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์อายุยังน้อย ไม่ประสีประสา แถมมีแม่กับลุงที่รอวันแย่งอำนาจจากฉางหลินอ๋องมานาน
พอฉางหลินอ๋องตาย ผิงจิง ที่แม้จะฉลาดรบเก่ง แต่อ่อนหัดเรื่องการเมือง ก็ถูกปลด ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเพราะไม่อยากเป็นอยู่แล้ว
โดยหลักการทั้งฮองเฮาและพี่ชาย ก็ไม่ผิดที่จะระแวงอำนาจของฉางหลินอ๋อง แต่เมื่อคนโง่อย่างฮองเฮาและพี่ชายมีอำนาจ บ้านเมืองก็ฉิบหายอย่างที่เห็น ความผิดใหญ่หลวงที่สุดคือ ดูคนไม่เป็น ใช้คนไม่เป็น ไปสนับสนุนให้คนร้ายขึ้นมาค้ำจุนบัลลังก์
ฮ่องเต้พระองค์น้อยยังโชคดี ที่ผิงจิงนั้นภักดีถึงที่สุด ไม่คิดเยอะ กลับมาช่วยทัน นับเป็นบทเรียนที่ทำให้เติบโตข้ามคืน ได้เข้าใจว่าการแย่งชิงอำนาจนั้น ถึงเวลาโหด ก็ต้องโหด
อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ก็ต้องเสียพี่ชายและขุนพลค้ำบัลลังก์ไป เพราะผิงจิงไม่ยอมรับราชการต่อ
ผิงจิงเลือกไปท่องยุทธภพกับหลินซี ซึ่งก็ถูกแล้ว เพราะตนเองไม่มีทางเล่นการเมืองได้ดีเท่าพ่อและพี่ชาย
สำหรับหยวนฉี ที่เกือบจะกบฏสำเร็จ เรื่องที่เขาพูดถูกคือ ถ้าเขาทำสำเร็จ ประวัติศาสตร์ย่อมไม่มองเขาว่าเป็นคนเลวอยู่แล้ว
ส่วนสาเหตุที่ทำไม่สำเร็จเพราะประเมินอำนาจ บารมี ความภักดีของตระกูลเซียวน้อยไปเท่านั้น
หลางหยาป่าง 2 คล้ายกับหลางหยาป่าง 1 ที่เน้นเรื่องการชิงไหวชิงพริบในทางการเมือง ความองอาจของกองทัพ ความภักดี ความสัมพันธ์พี่น้อง ครอบครัวมากกว่าความรักของหญิง-ชาย แต่ภาคสองมีเรื่องราวความรักมากกว่าภาคแรกนิดหน่อย
ผิงจางแต่งงานแล้วกับหลานสาวเมิ่งจือ (อันดับหนึ่งของหลางหยาป่างและราชองครักษ์ในภาคแรก) ความสัมพันธ์ราบรื่นดี เน้นคาแรกเตอร์เข้มแข็งในฐานะสะใภ้คนโต ที่ถือว่าเป็นลูกสาวพี่สาวที่ต้องดูแลทุกคนในครอบครัวสามี
ส่วนผิงจิงกับหลินซี ต้องเรียกว่าเป็นบุพเพ คือคลุมถุงชนกันมาแต่เด็ก แต่กลายเป็นรักกันจริง ๆ ซึ่งก็ไม่มีอะไรให้ซาบซึ้งกินใจเป็นพิเศษแค่มันสมหวังเท่านั้น
ในขณะที่ภาคแรกที่เรื่องราวความรักน้อยกว่า แต่ชัดเจนลึกซึ้งกินใจกว่า
โดยสรุปแล้ว สำหรับซีรีส์ภาคสอง อาจไม่ซับซ้อนเท่าภาคแรก แต่ต้องนับว่าผูกเรื่องได้สนุกเลยทีเดียว ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไห่เยี่ยน ผู้เขียนบทภาคนี้ ก็คือคนที่เขียนนิยายเรื่องหลางหยาป่างภาคแรก ทั้งยังเป็นผู้เขียนบทหลางหยาป่างภาค 3 ด้วย
สำหรับภาค 3 มีอู่เหลย(เฟยหลิวในภาคแรก) เป็นนักแสดงนำ หูเกอก็เคยบอกว่าจะกลับมาในภาคสาม ส่วนจะกลับมาหรือไม่ แล้วทั้งคู่จะเล่นเป็นใคร ตามข่าวคือต้องรอปีหน้าโน่นเลยค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา