เมื่อปี ค.ศ. 1953 โลร็องได้ส่งแบบร่างเสื้อผ้าสไตล์ของตัวเองเข้าประกวดโครงการ Young Fashion Designers ซึ่งจัดโดย International Wool Secretriat จำนวน 3 รูป ซึ่งโลร็องได้รับ “รางวัลชนะเลิศอันดับสาม” มาครอง และเขาถูกเชิญเข้าร่วมพิธีการรับรางวัลที่ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนธันวาคมของปีนั้น
ในระหว่างคุณแม่และโลร็องเดินทางไปที่ประเทศฝรั่งเศส พวกเขาทั้งคู่ก็ได้พบกับ Michel de Brunhoff ซึ่งเขาคือบรรณาธิการของ นิตยสารชื่อดัง Vogue ฉบับฝรั่งเศส
เขาชอบผลงานทั้ง 3 รูปของโลร็องมาก และได้แนะนำโลร็องเข้าไปสมัครเรียนที่ Chambre Syndicale de la Couture ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่โด่งดังในด้านการออกแบบเสื้อผ้าในยุคนั้น
Chambre Syndicale de la Couture
เมื่อโลร็องอายุได้ 18 ปีบริบูรณ์ เขาได้ย้ายเข้าไปในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และได้เข้าไปสมัครเรียนที่ Chambre Syndicale de la Couture ตามคำแนะนำของ Brunhoff เป็นที่เรียบร้อย เมื่อเวลาผ่านไปโลร็องก็ก็ได้ค้นพบตัวเองว่าเขาไม่ได้ชอบเรียน ณ ที่นี้จึงได้ตัดสินใจลาออก
ประโยคคลาสสิคที่โลร็องพูดเสมอมา คือ “Fashions fade. Style is eternal” (แฟชั่นเดี๋ยวก็จางหาย สไตล์สิ คงยืนนิรันดร์) ในแวดวงแฟชั่นนี้มักจะได้ยินประโยคนี้บ่อยที่สุด และโลร็องเป็นดีไซน์เนอร์ที่มีชีวิตอยู่คนแรกที่ได้รับการเชิดชูเกียรติจาก Metropolitan Museum Of Art ด้วยการจัดแสดงนิทรรศการเดี่ยวให้