Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
What?
•
ติดตาม
21 เม.ย. 2023 เวลา 09:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จุดเริ่มต้นเศรษฐกิจจีนเฟื่องฟู ผ่านผู้นำ เหมา-เติ้ง-เจียง-หู-สี
เมื่อจีนถูกเปิดหน้ากากเป็นครั้งแรก ว่าไม่ใช่พญามังกรอย่างที่ทุกคนคิด
เป็นเพียงประเทศที่ใหญ่แค่ขนาด แต่ศักยภาพน้อยมาก
หลังจาก พ่ายแพ้สงครามฝิ่นอังกฤษ เหมาเจ๋อตุง เป็นผู้ก่อตั้งจีนยุคใหม่
ในปี 1976 จีนอยู่ภายใต้การนำของเติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งเรียกว่าเป็นจุดสิ้นสุดของ “ยุคอดอยากปากแห้ง”
ช่วง 2 ปีแรก ภารกิจหลังของเติ้งเสี่ยวผิง คือการทำให้ประเทศกลับสู่ภาวะปกติ จัดระเบียบภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน
จนในปี 1978 เติ้งเสี่ยวผิง เองไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ เป็นผู้นำเชิงพฤตินัย หรือ ผู้นำสูงสุด (Paramount Leader) เพราะหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ตอนนั้น คือ หูเย่าปิง
ส่วนนายกรัฐมนตรี คือ จ้าวจื่อหยาง แต่เขาได้เริ่มวางรากฐานทางเศรษฐกิจ และทำให้ประเทศทันสมัย
กลยุทธ์ของเติ้งเสี่ยวผิงในการเปลี่ยนแปลงประเทศจีน
-เปลี่ยนจากชนบทให้เป็นเมือง (Urbanization) มีการวางแผนว่าแต่ละมณฑลจะมีเมืองอะไรเป็นเมืองที่สำคัญ จะได้มีเศรษฐกิจใหม่
หนึ่งในเมืองที่วางไว้ตั้งแต่ปี 1982 คือ เซิ่นเจิ้น ที่ต้องการให้เป็น Silicon Valley
จะเป็นขุมกำลังเศรษฐกิจใหม่ของจีน
ทำไมต้องเป็นเซิ่นเจิ้น ? ก็เพื่อให้เศรษฐีฮ่องกงมาลงทุน เพราะเซิ่นเจิ้นใกล้กับฮ่องกง
-เงิน เริ่มเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ทั้งในรูปแบบ JV, รูปแบบบริษัท ทำให้เกิดนักธุรกิจมากมาย
นอกจากนี้ในยุคเติ้งเสี่ยวผิง ยังมีการเริ่มตั้งองค์กรอวกาศจีน และเปิดโอกาสให้กับอินเทอร์เน็ต
เติ้งเสี่ยวผิงเปรียบเทียบอินเตอร์เน็ตว่า เหมือนกับการเปิดหน้าต่าง จะได้อากาศที่ดี
แต่ต้องระวังแมลงวันหรือสิ่งแปลกปลอมที่จะบินเข้ามาทางหน้าต่าง
หนึ่งในวาทะที่โด่งดังของเขา คือ “ไม่ว่าแมวนั้นจะสีอะไร ขอแค่จับหนูตัวใหญ่ได้ ถือเป็นแมวที่ดี”
เพราะตอนนั้นคนมองว่า สิ่งที่จีนทำ ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ เพราะจีนเศรษฐกิจแบบทุนนิยมระบบตลาดที่มีการวางแผนจากส่วนกลาง เริ่มมีเศรษฐีจีน ที่นำไปสู่ความไม่เท่าเทียม
สิ่งที่เติ้งเสี่ยวผิงมอง คือ หนูใหญ่ ไม่ใช่อุดมการณ์ แต่เป็นความกินดีอยู่ดีของคนจีน
หลังจากนั้นความเป็นอยู่ของคนจีนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
ยุคเติ้งเสี่ยวผิง ตรงกับสมัยประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์, โรนัลด์ เรแกน
แต่สหรัฐฯเอง กว่ามาตระหนักว่าจีนหายใจลดต้นคำ สมัยบารัก โอบามา
ในยุคนั้น มีเหตุการณ์สำคัญคือ ในปี 1989 เกิดเหตุการณ์เทียนอันเหมิน ทำให้ทั่วโลกมองจีนด้วยแว่นตาทางการเมือง โดยมองว่าจีนละเมิดสิทธิมนุษยชน
เหตุการณ์เทียนอันเหมิน เกิดจากการที่พอประเทศเริ่มเปิดให้คนมีเสรี ก็จะเรียกร้องอยากมีเสรีภาพมากขึ้น เพราะตอนนั้นจีนเริ่มมีเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ก็อยากมีเสรีภาพทางการเมือง อยากมีการเลือกตั้งแบบตะวันตก วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้
จนเกิดการรวมตัวของนักศึกษาที่ปักกิ่ง
ผู้ที่มาจัดการเหตุการณ์เทียนอันเหมิน คือ หลี่เผิง นายกรัฐมนตรีคนใหม่
เหตุการณ์นั้น ทำให้ทั่วโลกละเลยที่จะมองมิติทางเศรษฐกิจของจีน
แต่ประฌามความเป็นคอมมิวนิสต์จีน เป็นประเทศที่ล้าหลังทางการเมือง
โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจีนจะยิ่งใหญ่เป็นประเทศมหาอำนาจและเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างทุกวันนี้
1
ปี 1982 หลังเติ้งเสี่ยวผิง ขึ้นมา 4 ปี มีการเจรจาครั้งใหญ่ระหว่างจีน-อังกฤษ เรื่องการต่อสัญญาฮ่องกง
ครั้งนั้น นาง Margaret Thatcher นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรมาเจรจา
Margaret Thatcher พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสัญญา เพราะสร้างเม็ดเงินมหาศาล
เติ้งเสี่ยวผิงไม่ให้ และบอกให้คืนฮ่องกง รวมทั้ง New Territory และ Kowloon
ตอนนั้นเติ้งบอกว่า 1997 จะไปรับฮ่องกงคืนจากอังกฤษ
แต่ 5 เดือนก่อนหน้าจะถึงกำหนด ถึงแก่อสัญกรรมก่อน
กลายเป็นเจียงเจ๋อหมิน ผู้นำคนถัดมาไปรับมอบ
หลังจากนั้น เป็นยุคของหูจิ่นเทา จีนเริ่มเบ่งกล้ามเชิงแสนยานุภาพ
ยุคนั้นมีโจรสลัดโซมาเลีย หูจิ่นเทาส่งกองเรือไปจัดการ ปราบเรียบ
ปี 2008 จีนเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกที่ปักกิ่ง
ถัดมาปี 2010 มีการจัดการ Shanghai World Expo ที่เป็นเหมือนการประกาศศักดาว่าจีนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ทั้งหมดนี้ ทำให้เห็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากการเป็นผู้ป่วยแห่งเอเชีย
ศตวรรษแห่งความอัปยศ สู่จีนที่ไม่มีใครสามารถรังแกได้
ที่มา : Global Economic Background EP.8
จีน
ธุรกิจ
เศรษฐกิจ
บันทึก
3
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สรุป..สิ่งที่ได้จากฟัง Global Economic Background
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย