10 พ.ค. 2023 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์

ญี่ปุ่น ตอน 1 ยุคซามูไรคนสุดท้ายสู่มหาอำนาจเมจิ

ย้อนไปในยุคเซ็งโงกุ (ค.ศ. 1467-1615) เป็นช่วงเวลาแห่งความแตกแยกของญี่ปุ่่น มีรัฐหลายๆรัฐต่อสู้กัน จนปี 1603 ถึงรวมแผ่นดินได้เป็นหนึ่ง ภายใต้โชกุนที่ชื่อ โทกุงาวะ อิเอยาซุ
ในยุคที่โชกุนปกครอง ศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่เอโดะ การปกครองคล้ายๆระบบศักดินาของโรมันอันศักด์สิทธิ์ คือ มีจักรพรรดิ​ประทับอยู่ที่เกียวโต แต่ไม่ได้มีพระราชอำนาจหรือกองกำลัง​ เพราะแต่ละแคว้นมีกองกำลัง เป็นของตัวเอง
ในยุคนั้น ตรงกับช่วงศตวรรษที่ 17 เป็นยุคที่ชาติตะวันตกเริ่มล่าอาณานิคม ญี่ปุ่นใช้นโยบายปิดประเทศ ค้าขายเฉพาะกับประเทศที่ตัวเองอุ่นใจ เช่น ประเทศในเอเชีย จีน เกาหลี ไทย ชาติตะวันตกชาติเดียวที่ติดต่อด้วยคือ ฮอลันดา หรือดัตซ์ เพราะไว้ใจเชิงการค้า ไม่คุกคาม
ด้านสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี มิลลาร์ด ฟิลล์มอร์ พยายามส่งหนังสือขอเปิดความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น 3 ครั้ง แต่ญี่ปุ่นปฏิเสธ
จนปี 1853 ภายใต้โชกุน โทกุงาวะ อิเอซาดะ เกิดเหตุการณ์ The Perry Expedition เรือสีดำของสหรัฐฯ นำโดยพลเรือจัตวา ชื่อว่า Matthew Perry เดินทางมาอ่าวโตเกียว เพื่อบังคับให้ญี่ปุ่นเปิดน่านน้ำ (Gunboat Diplomacy) โดยให้เปิด 2 เมืองท่า คือ ชิโมดะกับฮาโกดาเตะ
ญี่ปุ่นทำอะไรไม่ได้ เพราะฝรั่งมาพร้อมยุทโธปกรณ์ที่ต้านทานไม่ได้ นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังบังคับให้ญี่ปุ่นมอบสิทธิสภาพนอกอาณาเขต หมายความว่า ถ้าคนต่างชาติคนใดทำความผิด ขึ้นศาลชาติตัวเอง
พอเห็นสหรัฐฯ ทำสำเร็จ ชาติอื่นๆ อย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส ก็เอาด้วย เรียกร้องแบบเดียวกัน เพราะมองว่าญี่ปุ่นเป็นแหล่งทรัพยกรธรรมชาติและค้าขาย รัฐโชกุนต้านทานไม่ได้ ก็ต้องยอม
ในเวลานั้นกลุ่มปัญญาชนในญี่ปุ่น เริ่มมีแนวคิดแบบตะวันตก มองว่า ถ้ายังปล่อยให้ประเทศชาติเป็นแบบนี้ วันหนึ่งคงต้องเป็นเมืองขึ้นของตะวันตกเหมือนกับจีน เลยเตรียมแผนเปลี่ยนแปลงประเทศด้วยการเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบโชกุนที่อยู่มา 200 กว่าปี ด้วยการไปอัญเชิญจักรพรรดิที่เกียวโต มาปกครองภายใต้ระบบใหม่
แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ต้องมีอาวุธ กลุ่มนี้คุยกับสหรัฐฯ ให้ส่งคนมาเทรนทหารให้ ด้วยการเกณฑ์ชาวนามาเป็นทหาร ญี่ปุ่นเลยค่อยๆมีอาวุธใหม่ๆ มีปืนกล มีกองกำลัง
ในตอนนั้นพระจักรพรรดิโคเม ทรงหารือกับคณะคณาธิปไตยเมจิ และตกลงกันได้ว่าจะมาเอโดะ แต่พระองค์สวรรคตไปก่อน พระโอรส คือ เจ้าชายมุตึฮิโตะ (จักรพรรดิเมจิ) มาครองราชย์แทน
ที่สุดกลุ่มคณาธิปไตยล้มโชกุนได้ เพราะโชกุนอ่อนแอ เจอทั้งศึกนอกจากพวกฝรั่ง เจอศึกใน ประชาชนและซามูไรก็เลยเปลี่ยนขั้ว ที่สุดโทกุงาวะ โยชิโนบุ โชกุนคนสุดท้ายเลยยกเลิกระบบโชกุน หลังจากพ่ายแพ้ในสงครามกลางเมือง โบชิง (Boshin War)
จักรพรรดิองค์ใหม่มาประทับที่เอโดะ และเปลี่ยนชื่อราชธานีเป็น “โตเกียว” โดยปี 1867 ถือเป็นปีเริ่มต้นญี่ปุ่นสมัยใหม่ ตรงกับยุครัชกาลที่ 5 ของไทย
พร้อมตั้ง “ศาลเจ้ายาสุคุนิ” เพื่อระลึกถึงความเสียสละของฝ่ายปฏิรูปในการนำประเทศมาสู่ยุคใหม่ หลังจากรัฐโชกุนล่มสลาย เปลี่ยนจากรัฐโชกุน เป็นจักรวรรดิญี่ปุ่นตอนนั้นญี่ปุ่นคิดว่า เราไม่ได้เปลี่ยนประเทศแค่เพื่อให้รอด แต่ใครจะมารังแกเราไม่ได้อีก ที่สำคัญคือ เราต้องเป็นมหาอำนาจ
ในยุคนั้น ญี่ปุ่นเปลี่ยนจากสังคมเกษตรกรรมไปสู่ยุคอุตสาหกรรมทำให้ตัวเองเป็นรัฐทหารที่เข้มแกร่ง ใช้การศึกษาแบบตะวันตกมีการเปลี่ยนแปลงสังคม จากเดิมแยกชนชั้นทั้ง 4 ได้แก่ ชนชั้นปกครอง ชาวนา ช่างฝีมือ และพ่อค้า
ตอนนั้นญี่ปุ่นคิดว่า ถ้าไม่มีเงิน ก็พัฒนาแสนยานุภาพไม่ได้ จึงได้มีเปลี่ยนบทบาทของคนในสังคม จาก “พ่อค้า” สู่การพัฒนาด้วยการใช้เศรษฐกิจรองรับ เปลี่ยน ‘ชาวนา’ สู่นักรบญี่ปุ่นเครื่องจักรสงครามที่เข้มแข็งที่สุด
เกิดคำว่า ไซบัตสึ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อระบบเศรษฐกิจและการเมืองของญี่ปุ่นในยุคเมจิ
ไซบัตสึ คล้ายๆ แชโบลเกาหลี แต่ของเกาหลี เป็นการรวมตัวของบริษัทที่ทำอุตสาหกรรมไม่มีธนาคาร แต่ของญี่ปุ่นมองว่า ถ้าไม่มีเงิน ก็พัฒนาแสนยานุภาพไม่ได้ เพราะฉะนั้น ไซบัตสึจึงอยู่คู่กับกองทัพของจักรพรรดิญี่ปุ่น จนจบสงครามโลกครั้งที่ 2
ในฝั่งกำลังพล ญี่ปุ่นมีการเกณฑ์ชายอายุ 22 ปี มาเป็นทหาร 3 ปี ปลดประจำการเป็นกองหนุน 2 ปี โดยกองทัพญี่ปุ่นใหญ่ที่สุด ตอนปีสุดท้ายของสงครามโลก มีกองทัพ 6 ล้านคน
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีการเดินทางไปยังโลกตะวันตก ทั้งสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ปรัสเซี อิตาลี เพื่อไปดูว่าเราจะอะไรมาจากประเทศเหล่านั้นบ้าง นอกจากครูตะวันตก ระบบการเงิน ยังรวมถึงแหล่งซื้ออาวุธจากเดิมที่ดีลกับสหรัฐฯ เจ้าเดียว ซึ่งไม่ปลอดภัย เพราะอ่านเกมได้หมด
จึงต้อง Diversify พอร์ตฯกองทัพ ในการซื้ออาวุธจากหลายๆแหล่ง จะไม่ได้ไม่มีใครรู้ว่าเขี้ยวเล็บของประเทศซ่อนไว้ไหน
เรียกได้ว่ายุคนั้นมีการยกเครื่องทั้งการทหาร การค้า การทูต แสนยานุาพ การศึกษา มีการวางระบบการศึกษาภาคบังคับ มีการสร้างธงชาติ โดยการทำธงที่สะท้อนถึงดวงอาทิตย์ในยามเช้า มี 16 รัศมีธงนี้ปัจจุบันยังใช้ในกองกำลังปกป้องตัวเอง หรือ ราชนาวีของญี่ปุ่น แต่หลายคนมองว่าเป็นธงของจักรพรรดิญี่ปุ่นในการขยายอำนาจมาในพื้นที่ต่างๆของเอเชีย
เพราะญี่ปุ่นมีการขยายอิทธิพลออกไปนอกประเทศ โดยหลังจากปราบกบฏซัตซึมะ ซึ่งนำโดย ไซโง ทากาโมริ ซามูไรคนสุดท้ายของญี่ปุ่นได้สำเร็จ ทำให้กองกำลังใหม่ ของจักรพรรดิฮึกเหิม สามารถกำชัยในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 1 สามารถขยายอิทธิพลในเกาหลี หลังจากนั้นไปที่เกาะฟอร์โมซา ไต้หวัน
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ ติดตามได้ในตอนต่อไป
ที่มา : Global Economic Background EP.27
โฆษณา