30 เม.ย. 2023 เวลา 12:19 • ประวัติศาสตร์

ประเทศจอมปลอมของนายกองเจ้าเสน่ห์

เมื่อพูดถึงการหลอกลวงทางการเงินแล้ว หนึ่งในประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็ คือ การปลอมแปลงธนบัตรหรือในภาษาปากของเราคือ แบงค์ปลอมนั่นเอง
การปลอมแปลงเงินตรานั้นเกิดขึ้นแทบจะคู่กับการมีอยู่ของเงินตราเลยทีเดียว ในอดีต การปลอมแปลงเงินนั้นเป็นสิ่งที่ถือว่ายากลำบากในระดับหนึ่งเพราะการที่จะต้องหาวัตถุดิบในการนำมาปลอมแปลงนั้นว่ายากแล้ว
ไหนจะต้องทำให้ออกมาเหมือนกับเงินจริงๆ อีก แถมโทษในบางประเทศในอดีตรุนแรงจนอาจถูกประหารชีวิตในฐานะกบฎของประเทศเลยด้วยซ้ำ นั่นจึงทำให้การปลอมแปลงเงินงั้นแทบจะถูกมองว่าเป็นอาชีพต้มตุ๋นที่เสี่ยงชีวิตอาชีพหนึ่งกันเลยทีเดียว
เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นทุกวันๆ การปลอมแปลงเงินนั้นก็สามารถทำได้ง่ายขึ้นและยังทำได้ในจำนวนมากอีก ทำให้การจัดการเกี่ยวกับเงินปลอมนั้นเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสกับหน่วยงานรัฐในหลายๆ ประเทศเป็นอย่างมาก โดยในปัจจุบัน ถึงแม้จะมีการปราบปรามกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังมีระบาดของแบงค์ปลอมอยู่เรื่อยไป เป็นปัญหาที่มีไม่จบไม่สิ้นของโลกสมัยใหม่กันเลยทีเดียว
แต่หากนึกถึงเหล่านักต้มตุ๋นชื่อดังแล้ว คุณอาจจะคุ้นชื่อ ชาลลส์ พอนซี่ บิดาแห่งการแชร์ลูกโซ่ หรือแฟรงค์ อาแบกเนล จากเรื่อง Catch Me If You Can ที่นำแสดงโดย Leonardo Dicaprio พระเอกที่หล่อที่สุดในโลก(ของผม)
2
แต่ชื่อนึงที่อาจจะไม่คุ้นหูนัก แต่ควรค่าแก่การจดจำในฐานะผู้บุกเบิก”ขายฝัน” คนแรกๆ เลยก็ว่าได้ แต่การฝันเหล่านั้นต้องแลกมาด้วยชีวิตของผู้บริสุทธิ์กว่า 100 ชีวิต
3
เขาเป็นายพลผู้น่าเกรงขาม? ฆาตกรเลือดเย็นผู้คร่าชีวิตคนเพื่อเม็ดเงิน? ชื่อนั้นก็คือ เซอร์ เกรกอร์ แมคเกรเกอร์ (Sir Gregor Macgregor) ผู้ขายธนบัตรของประเทศที่ไม่มีอยู่จริง
1
📌 เชื้อสายของผู้กล้า
เจ้าชาย พลเอก เซอร์ เกรกอร์ แมคเกรเกอร์ เกิดในวันคริสต์มาสอีฟเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 1786 ในครอบครัวที่สืบเชื้อสายมาจากจอมโจรร็อบ รอย (Rob Roy) โรบินฮู้ดแห่งสกอตแลนด์ พ่อของเขาเป็นกัปตันเรือของ East India Comapny ปู่ของเขาเป็นหนึ่งในกองกำลัง Black Watch กองกำลังทหารราบแห่งประเทศสกอตแลนด์ จะเห็นได้ว่าถึงแม้ว่าครอบครัวจะมีความยิ่งใหญ่ในด้านเกียรติยศแค่ไหน ถ้าคนมันจะไม่ดีเขาก็ไม่ดี
เกรกอร์ โตมาท่ามกลางครอบครัวที่มีเกียรติประวัติที่ดีมายาวนาน จึงไม่เเปลกที่เขาอยากจะไขว่คว้าชื่อเสียงมาเป็นของตัวเองบ้าง
โดยในวัย 16 ปี เขาได้สมัครเข้าไปเป็นทหารราบในกองทัพบกของสหราชอาณาจักรในช่วงที่สงครามนโปเลียน(Napoleonic war) กำลังจะระอุ และได้รับการเลื่อนขั้นเป็นร้อยโทภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปีด้วยเส้นสายของครอบครัวเขา
ท่ามกลางสงครามนโปเลียนที่เริ่มต้นขึ้น ฝรั่งเศสได้รุกรานประเทศรอบด้าน บุกนู่นยึดนี่ ด้วยความกระหายในชื่อเสียงของเกรเกอร์ เขาจึงรีบรุดไปยังเกาะเกิร์นซีย์(Gurnsey island) หวังเพื่อที่จะได้สร้างชื่อให้กับตัวเองในการปกป้องเกาะและรับการยกยอจากผู้คนรอบข้างดั่งเช่นพ่อและปู่ของเขา หากแต่กองทัพนโปเลียนก็ไม่ได้โผล่มาที่เกาะแต่อย่างใด
📌 การรอคอยของเขาก็ไม่เสียเปล่า
ปี 1805 จากการรอคอยข้าศึกที่ไม่มาซักทีทำให้เขาต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อสนองความเบื่อหน่ายของเขา ร้อยโทเกรเกอร์ของเราก็ได้พบรัก(?)กับลูกสาวนายพล มาเรีย โบวว์วอเทอร์ (Maria Bowater) และได้แต่งงานเข้าไปในบ้านของเจ้าหล่อนในที่สุด
เหตุผลที่มีเครื่องหมาย(?) อยู่ตรงคำว่าพบรัก นั่นเพราะว่าจากที่บันทึกที่พบ สามารถสังเกตุได้ว่าที่เกรกอร์แต่งงานกับมาเรียนั้น ไม่ได้ห่างจากคำว่าแต่งเพื่อผลประโยชน์แต่อย่างใด เพราะว่าหลังจากแต่งงานเข้าไป
เกรกอร์ได้ขอเงินภรรยาของเขาเพื่อซื้อตำแหน่งกัปตันของกองทัพมาในราคา 900 ปอนด์ โดยประมาณ ทั้งๆ ที่เขาต้องรับใช้ชาติอย่างน้อยเป็นเวลา 7 ปีถึงจะได้รับการเลื่อนขั้น บวกกับการที่พ่อตาของเขาเป็นถึงนายพลแห่งกองทัพเรือและญาติๆ ของเจ้าหล่อนเป็นถึงสมาชิกวุฒิสภา ได้ทั้งภรรยา ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งเส้นสาย สำหรับเกรกอร์ ไม่สิ กัปตันเกรกอร์ มีแต่ได้กับได้ทั้งนั้น
2
หลังจากได้รับตำแหน่งกัปตันไม่นาน เขาก็ได้โยกย้ายตัวเองไปประจำที่เมืองจิบรอลทาร์(Gibraltar) ในปี 1809 และถูกเรียกไปเป็นกำลังเสริมที่โปรตุเกสเพื่อที่จะขับไล่ฝรั่งเศสออกไปให้พ้น เพียงหกเดือนหลังจากที่ถูกย้ายมาประจำการ ณ เมืองลิสบอน(Lisbon) เขาได้มีความขัดแย้งกับทหารชั้นผู้ใหญ่ และไม่นานก็ลาออกจากกองทัพอังกฤษในปี 1810 เกรกอร์จึงหันหลังกลับไปหาภรรยาของเขา
ทว่าในปี 1811 มาเรีย ภรรยาคนแรกของเขาได้เสียชีวิตลงอย่างน่าสลดเสียใจ ณ ลอนดอน ท่ามกลางความสลดเสียใจของครอบครัว เกรกอร์ได้ขายบ้านของเขาที่สกอตแลนด์ โล้เรือไปยังเวเนซูเอล่า “พบรัก”ครั้งใหม่และแต่งงานกับสาวคนใหม่นี้ในปี 1812 เป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งและมูฟออนได้เร็วมาก
1
Doña Josefa Antonia Andrea Aristeguieta y Lovera คือชื่อของภรรยาคนใหม่ของเกรกอร์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นผู้ลากมากดีอีกคน หากแต่ว่าหญิงผู้นี้คือคนที่จะนำโชคลาภมาให้เขาอย่างแท้จริง
1
โดยโดน่านั้นเผอิญเป็นญาติกับนักปฎิวัติชื่อดังผู้เป็นที่นับหน้าถือตาของปวงชน ซิมอน โบลิวาร์ (Simón Bolívar) และไม่นาน เกรกอร์ก็ได้ใช้เสน่ห์ของเขาในการพิชิตใจผู้คนรอบข้าง และได้เป็นมือขวาของซิมอน พร้อมกันเข้าร่วมสงครามประกาศอิสรภาพของเวเนซูเอล่า
และในสงครามนั้นเอง เขาได้ช่วยกองกำลังของเขาให้รอดมาได้ท่ามกลางดงศัตรู ด้วยแค่การที่เขาให้กองกำลังของเขาเข้าไปหลบซ่อนศัตรูในป่าแล้วค่อยๆ หนีออกมาเท่านั้นเอง
1
ด้วยวีรกรรมนี้เอง ผู้ชมพากันสรรเสริญเกรกอร์กันไม่หวาดไม่ไหว และในที่สุดเขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นพลเอกแห่งเวเนซุเอลา ตำแหน่งอันสูงส่งดั่งเช่นที่เขาต้องการภายในวัย 30 ปี
1
📌 จุดเริ่มต้นของแผนอันบ้าบิ่น
หลังจากทำภารกิจมากมายที่ได้รับมอบหมาย มีทั้งสำเร็จบ้างแต่ส่วนมากจะล้มเหลวซะมากกว่า จากการเดินทางไปรบในหลายๆ ที่ทั่วน่านน้ำเพื่อทั้งทำหน้าที่พลเอกและหาเรื่องทำให้ตัวเองดูดี ในปี 1820 เขาได้พบกับสถานที่ที่หนึ่งซึ่งจะกลายมาเป็นที่ทำเงินจากความหัวหมอและโลภของเขาและที่นั่นก็คือ ชายหาดมอสคีโต้ (Mosquito coast: ชายฝั่งยุง)
Mosquito coast เป็นชายหาดในประเทศนิการากัว(Nicaragua) แต่ไม่มีผู้คนเคยเข้าไปสร้างถิ่นฐานเลย แม้แต่ชาวเผ่าที่อาศัยอยู่ในป่าก็ไม่แม้แต่จะคิดที่จะไปเหยียบที่นั่น เนื่องจากเป็นที่ๆ ยุงชุมเพราะว่าเป็นป่าชื้น แถมยังไม่สามารถเพาะปลูกหรือหาอาหารได้อีก แต่แผนการของพลเอกเกรกอร์นั้นได้เริ่มต้นไปแล้ว
ในปี 1821 พลเอกของเราได้เดินทางกลับมายังอังกฤษพร้อมกับประกาศตนว่าเป็นเจ้าชายแห่งโปยเยส์ประเทศที่เป็นเอกราชที่แถบอ่าวในฮอนดูรัส (Hondurus)
3
หลายคนอาจสงสัยว่าเกรกอร์ไปได้รับยศนี้มาจากไหน คำตอบ คือ จากผู้นำของชาวเผ่าแถวๆ ชายหาดมอสคีโต้เบย์นั่นแลที่เออออตามเกรกอร์ที่ขอร้องให้เขาได้ยศนี้ หากแต่มีคนเชื่อคำของชายผู้นี้ เพราะว่านอกจากการพูดที่ฟังแล้วน่าคล้อยตามของเขาแล้ว เขายังโชว์หลักฐานถึงการมีอยู่ของประเทศนี้เช่น เอกสารที่มีตราประทับของประเทศโปยเยส์(ที่เขาสร้างขึ้นเอง) รูปวาดของชายฝั่งที่สวยสดงดงาม(ที่เขาวาดขึ้นเอง) แถมเขายังร้องเพลงชาติโปยเยส์(ที่เขาแต่งขึ้นเอง)กลางกรุงลอนดอนอีกด้วย
2
นอกจากนี้เขายังบรรยายให้ผู้คนที่เข้ามารุมล้อมเขาว่าประเทศแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์ปลูกอะไรก็ขึ้น ถนนที่พร้อมสำหรับการเดินทางและขนย้ายของเข้าไปยังบ้านหรูหราที่พร้อมอาศัย ล้อมรอบด้วยแม่นำ้ที่เต็มไปด้วยทองคำ ในราคาที่ถูกแสนถูกเพียง 0.16 ปอนด์ต่อเอเคอร์
2
หรือถ้าเปรียบเป็นเงินไทยในปัจจุบันแล้วเท่ากับ 24 บาทต่อ 2 ไร่ครึ่ง เพียงเท่านั้นเอง แน่นอนว่าผู้คนก็แห่ซื้อที่ดินมากมาย แถมสกุลเงินของโปยเยส์ที่เขาขายให้กับผู้ที่เตรียมไปอยู่ในทันทีก็ทำออกมาไม่ทันกันเลยทีเดียว
2
ใช่แล้วนอกจากที่เขาจะขายที่ดินแล้ว เขายังขายธนบัตรของประเทศโปยเยส์อีกด้วย แค่การขายที่ดินก็ได้มาอื้อซ่าแล้ว การขายธนบัตรของประเทศจอมปลอมยังไปทบเงินให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีภายในไม่กี่เดือนหลังจากที่หลอกคนไปทั่วสหราชอาณาจักร
1
ถ้าพูดง่ายๆ แล้ว สิ่งที่เขาทำคือ การขายโฉนดปลอมและแบงค์กาโม่ให้แก่ผู้คน แต่หากตีเป็นเงินปัจจุบันแล้ว จากการต้มตุ๋นครั้งนี้ทำให้เขากวาดเงินไปทั้งหมด 3.6 พันล้านปอนด์ หรือ 1.5 แสนล้านบาท นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของสหราชอาณาจักรก็ว่าได้
1
📌 ผู้โชคร้าย
ในปี 1822 ถึง ปี 1823 เรือสองลำที่บรรทุกผู้คนกว่า 250 ชีวิตเดินทางจากอังกฤษด้วยความหวังที่จะเริ่มต้นชีวิตอันแสนสุขที่โปยเยย์ เมื่อมาถึง พวกเขาต้องพบกับหาดที่เป็นเพียงแค่หาดและป่าอันอับชื้นที่เต็มไปด้วยฝูงแมลง พวกเขายังคงเชื่อในคำพูดของเกรกอร์และคิดว่าคงเป็นความผิดพลาดของกัปตันเรือที่นำเรือมาลงผิดท่า หากแต่นั่นคือโปยเยย์ที่เกรกอร์พูดถึง โปยเยย์ที่ไม่มีอะไรเลย ไร้ซึ่งผู้คน ไร้ซึ่งความเจริญ ไร้ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะอยู่รอด
1
แทนที่จะหันหลังกลับประเทศ กลุ่มนักเดินทางยังคงรอและเชื่อต่อไป จนหน้าฝนได้เข้ามาทักทายพวกเขาพร้อมกับโรคมาลาเรียและไข้หวัดเหลืองจากยุง ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก คนแก่ ต่างก็ล้มป่วยจากโรคเหล่านี้
1
จนกระทั่งชาวอังกฤษจากฮอนดูรัสได้เข้ามาช่วยเหลือพวกเขากลับไปยังแผ่นดินใหญ่ แต่การหลอกลวงครั้งนี้ทำให้สูญเสียไปอย่างน้อย 180 ชีวิตของผู้คนที่ตกหลุมพรางของพลเอกจอมโป้ปด เกรกอร์ แมคเกรกเกอร์ผู้นี้ แต่เกรกอร์ไม่ได้รับโทษแต่อย่างใด เพราะเขานั้นได้หนีไปอยู่ที่ฝรั่งเศสเรียบร้อยแล้วนั่นเอง
1
📌 ไม่วาย และวาระสุดท้าย
ไม่วายที่จะหยุดอาชีพนักต้มตุ๋นของเขา ในฝรั่งเศสเขาได้หลอกผู้คนด้วยวิธีเดียวกันกับที่ทำในอังกฤษ กวาดเงินไปได้เล็กน้อยจนในที่สุดเขาก็โดนจับได้ว่าขี้จุ๊ ในปี 1839 เขาจึงย้ายกลับไป ณ ประเทศที่เขาได้รับความรักมากที่สุด เวเนซุเอล่า และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและไม่มีคดีใดตามมาถึงตัวเขา นานจนในปี 1845 เกรกอร์ แมคเกรเกอร์เสียชีวิตในวัย 58 ปี
งานศพของเขาถูกจัดอย่างมีเกียรติโดยผู้คนที่รักเเละเทิดทูนเขา แต่ถูกสาปแช่งอย่างไม่เผาผีโดยผู้คนที่แผ่นดินบ้านเกิดของเขา
บางครั้งชีวิตก็ไม่แฟร์ ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วได้ดีจนตาย แต่นั่นก็คือชีวิต ชีวิตของพลเอกจอมหลอกลวงที่ไม่สนในชีวิตของผู้คน หากแต่เป็นชื่อเสียงและเม็ดเงินเท่านั้นที่เขารักยิ่ง เกรกอร์ แมคเกรเกอร์
ผู้เขียน : ชินกฤต สุขสมปราถนา Content creator Intern, Bnomics
ภาพประกอบ : พันกร อรียพิพัฒน์ Graphic Design Intern, Bnomics
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References:
โฆษณา