2 พ.ค. 2023 เวลา 06:05 • ไลฟ์สไตล์

"อย่าให้ปัญญาล้ำหน้า เดี๋ยวเสียคน"

" ... เส้นทางนี้ไม่ได้ยาก
แต่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางของคนจริง
คนจริงไม่ใช่แปลว่าคนจริงๆ หมายถึงคนที่เข้มแข็ง
เอาจริงเอาจังในการที่จะเรียนรู้ตัวเอง
อันนี้ก็อยู่ใต้กฎแห่งกรรม
ใครทำกรรมอันใดไว้ ก็จะต้องรับผลของกรรมนั้นสืบไป
เราทำกรรมฐานที่ดีถูกต้อง เราก็ได้รับผล
ได้รับผลเป็นความร่มเย็นในจิตใจ
การที่เราเจริญศีล สมาธิ ปัญญา
นี่เรียกเราเจริญเหตุที่เป็นตัวมรรค
ผลคือความพ้นทุกข์ มันก็จะมาถึงในวันหนึ่ง
ถ้าเราทำเหตุคือตัณหา
สนองกิเลสตัวเองทั้งวันเลย
ทุกวัน ทั้งวัน ตามใจกิเลสตลอดเวลา
ผลที่ได้ก็คือทุกข์
ทำเหตุคือตัณหา ก็ได้ผลคือตัวทุกข์
บางคนก็คิดว่า เอ๊ะ ถ้าตามใจกิเลสแล้วมีผลเป็นทุกข์ ฉะนั้นเราจะไม่ตามใจกิเลสอีกต่อไป อยากกิน เราจะไม่กิน อยากนอน เราจะไม่นอน อันนี้ตามใจกิเลส แต่เป็นการตามใจในเชิง negative ในทางลบ ไม่ได้เป็นกลางกับกิเลส
เห็นกิเลสเกิดขึ้น
โกรธเกิดขึ้นแล้วกลั้นลมหายใจไว้เลย
ดูสิ ถ้ามันไม่หายโกรธตายๆ ไปเสียเลย
แล้วบอกว่าชนะกิเลส ไม่ชนะหรอก
หรือรักสุขรักสบาย ไปนั่งบนตะปู
ตะกละก็อดข้าวอันนั้นมันไม่ใช่วิธีของพุทธหรอก
มันเป็นการตามใจกิเลส กิเลสเป็นตัวตั้ง นึกออกไหม
อย่างอยากสุขอยากสบายเป็นตัวตั้ง
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นคือแอนตี้มัน
จะคล้อยตามหรือจะแอนตี้ก็คือเป็นทาสมันอยู่นั่นเอง
มันไม่เป็นกลาง
ฉะนั้นเส้นทางของพระพุทธเจ้า
จิตมีราคะ รู้ว่ามีราคะ จิตมีโทสะ รู้ว่ามีโทสะ จิตหลงรู้ว่าหลง
จิตฟุ้งซ่านรู้ว่าฟุ้งซ่าน จิตหดหู่ รู้ว่าหดหู่
อย่างยุคนี้ คนเป็นโรคซึมเศร้าเยอะมาก สังคมมันเครียดขึ้นทุกทีๆ คนก็จิตใจไม่ออกในทางธรรมะ ก็ดิ้นออกไปในทางซึมเศร้าเสีย อยากลืมโลกมันไปเลย อันนั้นเป็นปฏิกิริยาที่จิตมันหนีความจริง
ฉะนั้นเราชาวพุทธ อย่าไปยอมแพ้
อย่าไปหนี กระทบอารมณ์ที่ไม่ดี
ให้ดูที่จิตตนเอง จิตเราไม่ชอบ ให้รู้ว่าไม่ชอบ
ดูตรงนี้ ไม่ใช่ไปดูว่าเมื่อไรเรื่องที่ไม่ดี อารมณ์ที่ไม่ดีจะผ่านไป
ไม่ต้องไปดูตรงนั้น ดูเข้ามาให้ถึงจิตถึงใจเลย
อย่างแฟนเราทิ้งเราไป เราไม่ต้องไปคิดว่าเมื่อไรเขาจะกลับมา หรือจะทำอย่างไรจะแก้แค้นได้
ให้ดูเข้าไปที่ใจเลย
ใจเศร้าโศกเสียใจ รู้ทัน
ใจคับแค้น รู้ทัน เรียนลงมาตรงนี้
เรียนเข้ามาที่จิตที่ใจตัวเอง
ในที่สุดจิตมันก็เป็นกลาง จะเป็นกลาง
ไม่เป็นแล้วโรคซึมเศร้า
เป็นโรคที่ไม่ซึมเศร้าแล้วคราวนี้
แต่อันนี้ยกเว้นว่าเป็นโรคทางสมอง อันนั้นเป็นเรื่องทาง physical ต้องไปหาหมอ ต้องไปกินยา แต่ถ้าเป็นโรคที่เกิดจากจิตใจ ภาวนา
ให้เห็นใจที่ชอบกับไม่ชอบ 2 ตัวนี้ล่ะ หายเลย หายทันทีได้เลย
จิตใจไม่ชอบอารมณ์นี้ก็เลยหดๆ ลงมาอย่างนี้
ซึมเศร้าอยู่ ให้รู้ทันเลย ใจไม่ชอบ หายทันที
ของง่ายๆ เราลูกมีพ่อมีแม่ ลูกศิษย์พระพุทธเจ้า
ไม่ยอมแพ้ ไม่ปล่อยให้ใจจมอยู่กับอดีต จมอยู่กับความหดหู่
เรียนรู้มันเข้าไป
ถ้ารู้มันด้วยจิตที่เป็นกลาง คือไม่ยินดีไม่ยินร้าย ไม่ชอบไม่ชัง จิตมันจะเด่นดวงขึ้นมา มีสมาธิขึ้นมาใหม่ ของง่ายๆ
เมื่อวานหลวงพ่อเพิ่งเทศน์ตามใจเด็ก เด็กเยอะ เลยเทศน์เวอร์ชันเด็กประถม วันนี้เวอร์ชันสูงขึ้นนิดหนึ่ง เป็นเด็กมัธยม
พวกเราบางคนก็เป็นอุดมศึกษา อยู่ระดับอุดมศึกษาแล้วก็รีไทร์ เยอะ ทำๆ ไปพอจะดีก็เลิกอะไรอย่างนี้ พวกนี้คล้ายๆ เรียนไม่จบรีไทร์เสียก่อน อดทนสิ สอบตกสอบอีก เรียนไปเรื่อยๆ
เรียนอะไร เรียนกายเรียนใจ
โดยเฉพาะเรียนจิตใจให้ได้
ถ้าเรียนจิตใจได้ ได้ครบเลย
สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิได้หมด
สัมมาญาณะคือการทำวิปัสสนา มันเกิดอัตโนมัติเลย
อย่างพอจิตเราตั้งมั่น
เราเห็นกายกับใจมันแยกเป็นคนละอันได้แล้ว
ร่างกายกับจิตมันคนละอันกัน เริ่มเดินปัญญาแล้ว
ลึกลงไปอีกก็เห็นไตรลักษณ์
ร่างกายก็เป็นไตรลักษณ์ จิตก็เป็นไตรลักษณ์
รูปที่ดีกับรูปที่ไม่ดี เป็นไตรลักษณ์ จิตก็เสมอกัน
ความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์เกิดขึ้น ดับไป เสมอกัน จิตก็เป็นกลาง
กุศลอกุศลเกิดขึ้น ตัวนี้ไม่อยากพูดเลย
เดี๋ยวพวกเราบอกมีกิเลสก็ได้
มีกิเลสแล้วไปทำกรรมชั่ว ผลที่ได้รับคือทุกข์
แต่จริงๆ แล้วพอถึงจุดหนึ่ง
กุศลอกุศลมันเสมอกัน
แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งเรียนตรงนี้
เดี๋ยวกิเลสจะพาเรา บอกกุศลอกุศลเสมอกัน
อยากด่าใครก็ด่า ไม่ได้
ทำชั่วเมื่อไรผลเป็นทุกข์ทันที
แต่ถ้าปัญญามันเลยระดับขึ้นมาแล้ว
จะเห็นกุศลอกุศลก็เกิดดับเหมือนกัน
อย่าให้ปัญญาล้ำหน้า เดี๋ยวเสียคน ..."
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วันสวนสันติธรรม
9 เมษายน 2566
อ่านธรรมบรรยายฉบับเต็มได้ที่ :
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา