4 พ.ค. 2023 เวลา 12:55 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Guardians of the Galaxy Vol.3 (2023) – เที่ยวบินสุดท้ายสู่ฟ้าสีทองผ่องอำไพ

ทุกการเดินทางย่อมมีจุดจบ ผ่านพ้นเวลามาเกือบทศวรรษ ที่ผู้คนทั้งโลกได้รู้จักกับทีมผู้พิทักษ์จักรวาลแสนเกรียน ภายใต้การนำของ เจมส์ กันน์ ผู้มากุมบังเหียนเหล่าฮีโร่ผู้หัวขบถ ให้เต็มไปด้วยเรื่องราวที่เปี่ยมหัวใจและเสียงหัวเราะ ขณะที่การทิ้งช่วงจากภาคก่อนมาภาคนี้ จะเต็มไปด้วยความพลิกผัน และกลายเป็นการทิ้งหวนของกันน์ก่อนโยกไปยังอีกค่าย ในบทสรุปอย่าง Guardians of the Galaxy Vol.3
Guardians of the Galaxy Vol.3 เล่าเรื่องของทีมผู้พิทักษ์ที่มาตั้งรกรากใหม่ หลังภาวะสงครามเผด็จศึก สตาร์-ลอร์ด ที่เสียเวลาไปกับการสาละวนหัวราน้ำ และไม่อาจมูฟออนจากการสูญเสียกามอร่า ต้องรับมือกับภัยร้ายใหม่อย่าง อดัม วอร์ล็อค โดยอเยชาจากดาวโซเวอเรจน์ และอดีตของร็อคเก็ตที่ถึงคราวกลับมาหลอกหลอนภายใต้การมาของผู้วิวัฒน์ขั้นสูง หรือ “ไฮ อีโวลูชั่นเนอรี”
การมาของหนังเรื่องนี้ ถ้านอกเหนือจะเป็นบทสรุปไตรภาคแก๊งเกรียน แต่ก็เป็นได้ทั้งผลงานทิ้งทวนจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ก่อนจะสับคันโยกไปกุมบังเหียนจักรวาลดีซีเต็มตัวสำหรับเจมส์ กันน์ ก็ไม่มีอะไรจะเหมาะเจาะไปกว่านี้อีกแล้ว และมันไม่เพียงแต่จะเป็นงานสั่งลาของผู้กำกับฯ มันยังเป็นผลงานเลี้ยงรุ่นอำลา สำหรับนักแสดงผู้สวมบททีมผู้พิทักษ์ชุดดั้งเดิมอีกด้วย
ตัวหนัง เปิดมาด้วยฉากวิถีชีวิตของทีมผู้พิทักษ์อันเรียบง่าย คลอด้วยเพลงบทเพลง Creep จาก Radiohead ที่ทำหน้าที่เซ็ตกลิ่นอายบรรยากาศ รวมถึงมู้ดของหนังได้ค่อนข้างดี ก่อนที่การเผชิญหน้ากับอดัม วอร์ล็อค จะนำพากลุ่มผู้พิทักษ์ไปสู่เส้นเรื่องการผจญภัยครั้งใหม่ ที่มาพร้อมการเปิดเปลือยภูมิหลังอันแสนน่าสลดของร็อคเก็ต
หลังผ่านพ้นภาวะเผด็จศึก จักรวาลหนังมาร์เวลในช่วงระยะหลัง ก็ดูเหมือนจะถดถอย หรือเข้าสู่ช่วงเวลาที่คนดูบางส่วน ล้วนจับไต๋หรือรู้เช่นเห็นชาติ ซึ่งวรยุทธบางอย่างได้ ว่าเรื่องราวจะนำพาคนดูไปสู่อะไร หรือกระทั่งคาดเดาได้ซึ่งบทสรุปของแต่ละเรื่อง จนไม่อาจจะสร้างความแปลกใหม่ได้เช่นเดิมอีก หากจะใช้คำพูดว่า มันเพลย์เซฟเพราะใช้แต่ท่วงท่าเดิมก็ย่อมได้
หากแต่ Guardians of the Galaxy Vol.3 ของเจมส์ กันน์ นั้น ที่ว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยหนที่สาม และหนสุดท้ายของทีมผู้พิทักษ์สุดแหกคอก พาคนดูเข้าสู่บรรยากาศอันคุ้นเคยได้อย่างรวดเร็ว ผ่านฉากเปิดสองฉากเปิดแรกที่ทำให้เรารู้ว่า เนื้อหาภาคนี้จะเน้นหนักไปที่ภูมิหลังร็อคเก็ต แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศและกลิ่นอายของหนังสุดเกรียนเปี่ยมเอกลักษณ์ได้อย่างง่ายดาย ผ่านการใส่บทเพลงจากยุค 2000 ด้วยจังหวะที่เข้าที
น่าสนใจ ที่ขณะหนังสามารถที่จะพาแก๊งเกรียนไปพิทักษ์โลกในรูปแบบอื่นได้ด้วยซ้ำ แต่ Vol.3 ดูจะใช้ลูกสูตรแบบ Vol.2 ที่ภารกิจครั้งนี้ ยังคงเป็นอะไรที่ดูส่วนตัวกับทีมแก๊งเกรียน รวมถึงกับคนดูที่ผูกพันกับตัวละครเหล่านี้ มากกว่าจะได้เห็นพวกเขา ไปทำหน้าที่ตามขนบธรรมเนียมฮีโร่ในหนังมาร์เวลเรื่องอื่น ๆ ด้วยการให้เราได้เห็นพวกเขาทำหน้าที่ “เพื่อนช่วยเพื่อน” ในยามยากลำบาก หรือในยามจวนตัวอัดขัตข้นแค้น
เพราะถึงแม้มัน จะเป็นหนังแบบ plot-driven (ขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยพล็อต) พิมพ์นิยมของหนังฮอลลีวู้ด แต่มันก็ถูกขับเคลื่อนผ่านตัวละครอย่างร็อคเก็ต เพราะมันทำให้เราเห็นซึ่งภูมิหลังของแรคคูนจอมประดิษฐ์ปากแซ่บตัวนี้ ที่เต็มไปด้วยความน่าเศร้าสลดปานโศกนาฎกรรม ที่ชูด้วย ประเด็นการใช้ความรุนแรงในสัตว์ ก็เป็นเหตุผลที่มากพอ จะทำให้เราจะเอาใจช่วยทีมผู้พิทักษ์ และนำพามาซึ่งความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ และความเกลียดชังต่อตัวร้ายอย่างผู้วิวัฒน์ขั้นสูงได้อย่างง่ายดาย
เรื่องราวพาคนดูและทีมผู้พิทักษ์ ไปนู้นมานี่ เหมือนกับเป็นการแวะจุดแวะพักต่าง ๆ ที่มีส่วนสำคัญกับเรื่องราวหลักที่เกี่ยวกับร็อคเก็ต มันก็ทำให้เราเห็นมิติตัวละครในแก๊งเกรียนตัวอื่น ๆ มากขึ้น ทั้งการซ่อมปมในใจของสตาร์-ลอร์ด ผ่านการเผชิญหน้ากับกามอร่าในอีกเส้นเวลานึง (ที่เราเห็นในจาก Avengers: Endgame) รวมถึงการได้เห็นพัฒนามิติทางตัวละคร ที่มีความเป็นมนุษย์และด้านที่อ่อนโยนมากขึ้น ทั้งในตัวละครอย่าง เนบูล่า, แมนทิส, แดร็กซ์ หรือกระทั่งตัวละครที่เพิ่งเกิดใหม่อย่าง อดัม วอร์ล็อค อีกด้วย
ขณะที่ตัวหนังถูกห่อหุ้มด้วยบทเพลงและมุกขำที่ยังเป็นลายเซ็นต์ของกันน์ และจังหวะจะโคนการเล่าเรื่องที่ดูไม่ได้แข็งแรงเทียบเท่าสองภาคก่อน หากแต่มันก็ดูจะเป็นผลลัพธ์จากผลงานชิ้นก่อนอย่าง The Suicide Squad ที่กันน์พยายามเอา องค์ประกอบความโหดดิบชวนแหวะ และความคาดเดาไม่ได้ พยายามมาลำดับจัดวางไว้ในภาคนี้
ซึ่งถึงแม้ในภาพรวม มันจะยังดูเป็นบาดแผลที่ดูใหญ่ หากแต่มันก็นำพาความแปลกใหม่จนสร้างให้เป็นความเอกเทศจากหนังมาร์เวลปกติ แต่ยังคงเป็นไว้ซึ่งกลิ่นอายสุดเพี้ยนของหนัง Guardians of the Galaxy ไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม
ความแข็งแรงของเจมส์ กันน์ ในฐานะเขียนบทยังคงผลิดอกออกผล ในฐานะผู้รังสรรค์ชุดตัวละครที่คนทั้งโลกหลงรัก ความเพี้ยนแหกคอกที่ไม่น่าจะเข้ากัน และการค้นพบความหมายของคำว่าครอบครัวจากเหล่าทีมผู้พิทักษ์ ภาคนี้ เขายังมาพร้อมประเด็นมากมาย ทั้งการก้าวข้ามการสูญเสีย การเผชิญหน้าซึ่งอดีต การเรียนรู้ถึงเหตุผลของการใช้ชีวิต หรือกระทั่ง การยอมรับซึ่งตัวตนของตัวเองและของผู้อื่น โดยเฉพาะการพูดถึงประเด็นความรุนแรงโหดร้ายในสัตว์ ผ่านการทดลองของผู้วิวัฒน์ขั้นสูง
ความน่าสนใจของเรื่องราว คือการโอบอุ้มและโอบกอดความแตกต่างทางสายพันธ์หรือเผ่าพันธ์ต่างดาว การตัดสินใจเล่าภูมิหลังของร็อคเก็ต ก็ยิ่งตอกย้ำความสำคัญในด้านนี้ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นจอมทำลายล้างบ้ากล้าม มนุษย์ต่างดาวที่สื่อสารผ่านการสัมผัส อดีตมนุษย์โลกที่ยังก้าวไม่พ้นความสูญเสีย มนุษย์ทดลองที่ถูกรังสรรค์ให้กลายเป็นอาวุธสังหาร มนุษย์ต้นไม้ที่พูดได้ไม่กี่คำ หรือแรคคูนที่ถูกตัดแต่งจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิ
ความสำคัญคือความเข้าใจที่มีซึ่งกันและกัน พัฒนากลายเป็นความสัมพันธ์ที่ก่อเกิดจากคำว่าเพื่อน หล่อหลอมจนกลายเป็นครอบครัว แน่นอน บางครั้งอาจจะมีกระทบกระทั่งตีกัน บางครั้งก็อาจจะถึงขั้นรบราฆ่าฟัน ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากแต่สุดท้ายคือความจริงใจที่แต่ละฝ่ายมีให้กัน และกลายเป็นการยอมรับจากสิ่งที่แต่ละฝ่ายมี ไม่ว่ามันจะเป็นข้อดี หรือเป็นข้อด้อย คุณค่าของมันก็คือการได้อยู่ร่วมกับ “ครอบครัว” ที่เข้าใจ
และแน่นอน ว่าสุดท้ายที่ปลายทาง มันจะมีฟ้าสีทองผ่องอำไพรออยู่
สรุปแล้ว Guardians of the Galaxy Vol.3 คือบทสรุปแสนสำคัญยิ่งของการผจญภัยเที่ยวสุดท้ายของทีมผู้พิทักษ์ ที่ผู้คนต่างหลงรัก คลอด้วยบทเพลงยุค 2000 มุกตลกที่ผ่อนคลายบรรยากาศอันหนักหน่วง จากเรื่องราวเนื้อหาที่นำพาเราไปรู้จักภูมิหลังชวนใจสลายของร็อคเก็ต ชูด้วยประเด็นความรุนแรงในสัตว์จนทำให้คนดูเกลียดชังตัวร้ายได้อย่างง่ายดาย
จังหวะการเล่าเรื่องอาจติดขัดไม่ลื่นไหลไปบ้าง แต่ชดเชยด้วยความแข็งแรง ในการเล่าตัวละครที่มีพัฒนาการและแง่มุมที่โดดเด่นทุกตัว แม้มันจะมาพร้อมบาดแผลใหญ่ แต่มันก็เป็นบาดแผลที่เราพร้อมจะเติบโตและเรียนรู้ไปพร้อมมัน และนำมาซึ่งบทสรุปที่สมบูรณ์และน่าพึงพอใจมาก ๆ
4 / 5
Guardians of the Galaxy Vol.3 (2023)
Written & Directed by James Gunn
Based on "Guardians of the Galaxy" by Dan Abnett & Andy Lanning

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา