5 พ.ค. 2023 เวลา 15:05 • ความคิดเห็น
ในสมัยเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบินพานิชย์และรถทัวร์ การจะเดินทางไกลช้ามจังหวัดหรือข้ามภูมิภาค ก็ต้องอาศัยรถไฟเป็นหลักครับ จากภาคเหนือไปภาคกลางใช้เวลา 8-10 ชม จากภาคกลางไปภาคใต้ 8-10 ชม( ขึ้นอยู่กับว่าขึ้นหรือลงที่จุดไหนด้วย ) จากประสบการณ์ที่เคยนั่งทั้งรถไฟฟรีและรถไฟแบบจ่ายเงิน การนั่งรถไฟแบบจ่ายเงินจะสะดวกสบายกว่า ไม่มีใครมานั่งแทนที่เราเวลาเราลุกไปเข้าห้องน้ำ ส่วนรถไฟแบบฟรีเวลาเราลุกจากที่นั่งไปเข้าห้องน้ำ ก็จะมีคนมานั่งแทนเรา ( ภาษาคนนั่งรถไฟ เขาจะเรียกว่า ลุกเสียม้า )
1
ระหว่างการนั่งรถไฟถ้าเราซื้อตั๋วแล้วได้นั่งติดหน้าต่าง เราจะเห็นอะไรหลายๆอย่างตามทางที่รถไฟแล่นผ่าน ได้เห็นอะไรที่ท้องถิ่นเราไม่มี แต่บางทีอารมณ์มันก็พาไป ทำให้นึกถึงอะไรเก่าๆหรือบางคนอาจจะคิดถึงบ้านคิดถึงคนรัก ประมาณว่านั่งรถไฟไกลๆนี่อารมณ์ศิลปินมันผุดขึ้นมาเลย แต่ถ้านั่งรถไฟฟรีโดยเพาะฤดูร้อนนี่อย่าหาทำเชียว ทันทีที่คุณเสียที่นั่งไปแล้ว คุณจะได้นั่งตามทางเดินอันแออัดยัดเยียด อากาศร้อนๆบวกกับสภาพแออัดในรถไฟมันทรมานมาก ทำให้คิดไปต่างๆนานาว่าเมื่อไหร่จะถึงบ้านวะ( ระยะทางเท่าเดิมแต่ดูเหมิอนไกลมาก )
1
ระหว่างทางที่เรานั่งรถไฟผ่านสถานีต่างๆ มันจะมีคนขายของขึ้นมาขาย เช่น ไก่ย่าง ปลาแดดเดียว ขนม มาม่าคัพพร้อมชง ข้าวผัด ผัดไทย น้ำดื่ม น้ำอัดลมและชากาแฟ คนขายของบางคนก็ขายของแบบปกติ แต่ก็มีบางคนที่ร้องเล่นเต้นรำไปขายของไปสนุกสนานเฮฮา อากาศร้อนๆบวกกับนั่งรถไฟฟรีที่แออัดยัดเยียดกัน ทำให้หิวทั้งน้ำหิวทั้งข้าวบ่อยมาก รวมค่าอาหารและน้ำดื่มเครื่องดื่มทั้งหมด แพงกว่านั่งรถไฟแบบซื้อตั๋วครับ 555 แต่ก็สนุกอีกแบบหนึ่ง กว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางหรือถึงบ้าน ต้องผจญภัยอีกหลายอย่างในรถไฟขบวนนั้นครับ ^_^
1
อีกอย่างหนึ่งที่อย่าหาทำเวลานั่งรถไฟฟรี คือ การออกไปยืนตรงข้อต่อโบกี้รถไฟ แม้จะมีที่ยืนและมีที่ให้เกาะแต่ก็อันตรายมาก สมัยก่อนเคยมีผู้โดยสารคนหนึ่งออกไปยืนอยู่ตรงข้อต่อระหว่างโบกี้รถไฟ เพราะไม่มีที่นั่งในโบกี้ แล้วก็ง่วงนอนจึงพลัดตกลงจากรถไฟ ถ้ารถไฟไม่จอดแล้วลงไปตามหาก็คงไม่มีใครรู้ว่ามีคนตกรถไฟ นอกจากนี้ก็จะมีคนแปลกๆอีกสาระพัดให้เราได้พบเห็นในรถไฟแต่ละขบวนครับ ต่างคนต่างที่มาและต่างจุดหมายปลายทาง แต่ก็ร่วมโดยสารรถไฟขบวนเดียวกันอย่างสนุกสนานบ้าง ร้อนบ้างหิวบ้าง แต่ก็ได้อรรถรสในการเดินทางครับ ^_^
1
โฆษณา