9 พ.ค. 2023 เวลา 14:36 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

จันทรา อัสดง มามืด ไปสว่าง

นับเป็นซีรีส์แนวเทพเซียนที่เกินความคาดหมายไปมากจริง ๆ แรก ๆ คิดว่าก็คงสูตรสำเร็จเดิม ๆ แหละ ว่าด้วยความอิจฉาริษยา ความเข้าใจผิด เทพเหมือนมาร มารบางตนดีกว่าเทพ วิ่งเล่นข้ามภพข้ามชาติไปมาระหว่าง มนุษย์ นรก สวรรค์
เนื่องจากบทเรื่องนี้เหมือนยาเคลือบไว้ด้วยน้ำตาล ช่วงแรก ๆ ก็อร่อยดีก็เลยอมไปเรื่อย ๆ จนเลยครึ่งเรื่องไปแล้ว โดยเฉพาะ 3-4 ตอนสุดท้าย ถึงพบว่าเออ มันมียาอยู่ด้วย ส่วนยาขมหรือไม่ อาจจะขึ้นอยู่กับวัยของคนกิน เหมือนที่ตอนเด็กเรารู้สึกว่ามะระขมมากนั่นเอง
เท่าที่เคยดูซีรีส์แนวเทพเซียนมา ผู้เขียนชอบเรื่องนี้มากที่สุด
ว่าด้วยเรื่องบท
น่าทึ่งมาก คนเขียนบทเป็นผู้หญิงทั้งคู่ (เหอฟาง / หลัวเสวียน) และเขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกด้วย
สิ่งที่แตกต่างจากซีรีส์แนวเทพเซียน หรือแนวอื่น ๆ (ซึ่งมาจากต้นฉบับนิยาย) ก็คือ เปิดตัวมาพระเอกเป็นจอมมารประเภทตั้งใจทำลายล้างโลกกันเลยทีเดียว
นางเอกซึ่งเป็นระดับเซียนรับภารกิจย้อนอดีตไป 500 ปี เพื่อกำจัดจอมมารในขณะที่ยังเป็นมารน้อย แต่มีเงื่อนไขว่าฆ่าตายทันทีเลยไม่ได้ แต่ต้องทำลายกระดูกมารซึ่งอยู่ในร่างมารน้อยเสียก่อน จึงต้องทั้งปกป้องและหาทางฆ่าไปพร้อม ๆ กัน
ระหว่างทางก็ต้องเผชิญกับความเข้าใจผิด ที่เกิดจากความอิจฉาริษยาของตัวละครอื่น ๆ แต่ท้ายที่สุดก็รักกันสุดจิตสุดใจ มารน้อยไม่คิดจะเป็นมารอีกต่อไป เพราะรักเมีย อยากอยู่กับเมียอะไรงี้
ผู้เขียนสังเกตมาสักพักแล้วว่า ตัวเองไม่อินกับความรักแนวเทพเซียนเท่าไหร่ ช่วงแรก ๆ ที่ดูแนวนี้ก็ตื่นตาตื่นใจดี แต่ระยะหลัง กลายเป็นเห็นแต่หลักธรรมในเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่
จะบอกว่าเฉยชากับความรัก ก็ไม่ใช่ เพราะก็ยังกรี๊ดกับซีรีส์รักโรแมนติก(แนวที่ถูกจริต)อยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา ตามประสามนุษย์ที่ยังคงมี เจ็ดอารมณ์ หกปรารถนา
ซีรีส์แนวเทพเซียนของจีน มีพื้นฐานมาจากพุทธศาสนานิกายมหายาน จึงไม่น่าแปลกใจที่เนื้อเรื่องก็จะอ้างอิงหลักธรรมหลายส่วน แต่จะมีเหตุผลน่าสนใจหรือไม่อันนี้ก็แล้วแต่ฝีมือของคนเขียนบท
สำหรับเรื่องนี้ เปิดเรื่องมาจริง ๆ ก็สื่อสารค่อนข้างชัดเจนว่า คำว่ามาร กับ กิเลส คือคำเดียวกัน ถ้าเป็นเถรวาทอย่างบ้านเรา ก็คือ โลภะ โทสะ โมหะ ถ้าเป็นมหายาน ก็คือ เจ็ดอารมณ์ หกปรารถนา (ประเด็นนี้มีเรื่องให้ปุจฉาวิสัชนากันพอสมควร แต่ขอข้ามไป เดี๋ยวจะผิดคอนเซปต์บทความบันเทิง 555)
ช่วงกลาง ๆ เรื่อง ก็ว่าด้วยความรัก ความเมตตา มีพลังมากพอจะเปลี่ยนให้มารกลายเป็นเซียนได้
พอใกล้จบก็ได้เห็นอีกประเด็นคือ คนเราแม้เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดีหรือคนร้ายได้
ถานไถจิ้น เกิดมาพร้อมกระดูกมาร และโชคชะตาที่กำหนดมาแต่ต้นว่าจะต้องกลายเป็นจอมมาร แต่หลี่ซูซูทำให้เขาเปลี่ยนไป ไม่อยากเป็นมารอีกแล้ว
ในแง่ซีรีส์ นำเสนอในแง่ว่าต่างฝ่ายต่างรักกันแค่ไหน ให้คนดูซาบซึ้งกรี๊ดกร๊าดฟินจิกหมอนกันไป ซึ่งต้องบอกว่าประสบความสำเร็จท่วมท้นน่าจะเกินคาดของทีมงานด้วยซ้ำไป
หากมองเรื่องเนื้อหาสาระ ไม่รู้ว่าคนเขียนบทตั้งใจหรือไม่ กรณีความรักของถานไถจิ้นกับหลี่ซูซู คือการสื่อสารว่า กิเลสทั้งปวง สิ่งไม่ดีทั้งปวง เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้ด้วยความ “เมตตา”
หากพิจารณาความหมายของความว่า “รัก” ที่แท้จริงแล้ว โดยตัดเรื่องราคะทางกาย ก็ไม่ได้ต่างจาก “ความเมตตา” ในทางพุทธศาสนาสักเท่าไหร่ เพราะเป็นความรู้สึกที่อยากคนที่ตนเองรักมีความสุข
นอกจากประเด็นนี้ เรื่องที่คิดว่าคนเขียนบทตั้งใจคือ การสื่อสารว่าชะตาฟ้าลิขิตนั้นเป็นแค่ส่วนเดียวของชีวิต ไม่ว่าคนเราจะเกิดมาแบบไหน เผชิญเรื่องราวเลวร้ายขนาดไหนในชีวิต หรือชะตาชีวิตกำหนดมาแล้วว่าจะให้เป็นแบบไหน แต่ท้ายที่สุดเรายังคงเป็นคนเลือกอยู่ดีว่าจะนำพาชีวิตไปทางไหน
นั่นทำให้คิดถึง เรื่องบุคคล 4 จำพวก ที่ปรากฏในพระไตรปิฎก พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม 2 (เอ่อ อันนี้ไม่ได้จำได้นะคะ แต่ไหน ๆ จะอ้างอิงแล้วก็เลยไปค้นแบบเป๊ะ ๆ มา) ซึ่งสรุปเป็นภาษาง่าย ๆ ว่า ได้แก่บุคคลดังนี้
มามืด ไปมืด
มามืด ไปสว่าง
มาสว่าง ไปมืด
มาสว่าง ไปสว่าง
ถานไถจิ้น คือมามืด ไปสว่าง
ช่วง 3-4 ตอนท้าย ๆ นี่สิ่งทีสื่อสารคือปรัชญาทางพุทธศาสนามาเพียบ ว่าด้วยสมมุติเอย วัฏสงสารเอย นิพพานเอย (เฉพาะที่จบไป ไม่นับรวมถ้ามีตอนพิเศษ) อันนี้ก็ขอข้ามไป 5555 (แต่ถ้าใครสนใจ คุยกันได้ในความเห็นค่ะ)
ว่าด้วยเรื่องนักแสดง
เรื่องนี้นอกจากเลือกนักแสดงได้ลงตัวที่สุดแล้ว ยังดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของนักแสดงออกมาได้โดดเด่นมาก โดยเฉพาะหลัวอวิ๋นซี เป็นที่รู้กันว่าเขาเป็นนักบัลเล่ต์ ดังนั้นการจัดระเบียบร่างกาย ภาษากายจึงดีมากถึงมากที่สุด ยิ่งเป็นซีรีส์แนวเทพเซียนที่มีอารมณ์นาฏลีลา ยังไม่เคยเห็นใครเล่นได้สะดุดตาเท่าเขามาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ทีมงานออกแบบคาแรกเตอร์และท่าทางการต่อสู้เพื่อให้เขาโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะมั่นใจว่าเขาทำได้ดีแน่นอน ซึ่งเหมือนกับทีมงานเรื่องดาราจักร รักลำนำใจ ที่ดึงศักยภาพเรื่องการขี่ม้าการต่อสู้ของอู่เหลยออกมา จึงได้ภาพที่สมบูรณ์แบบ
ที่สำคัญเขายังทำได้ดีมากเรื่องการแสดงอารมณ์ของตัวละคร ประมาณขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด ใครจะไม่ติดตาติดใจไม่ว่าจะเป็น ถานไถจิ้น หมิงเย่ ชางจิ่วหมิน หรือแม้แต่จอมมาร
ส่วนความผอมมากของหลัวอวิ๋นซี ที่มักถูกแอนตี้แซะ แต่ใช้ไม่ได้กับเรื่องนี้ เพราะตามคาแรกเตอร์ของถานไถจิ้น มันต้องผอมแห้งแรงน้อยแบบนี้แหละ เพราะอด ๆ อยาก ๆ มาตั้งแต่เด็ก เข้าใจว่าสไตลิสแต่งหน้าให้ดูผอมลงไปกว่าเดิมอีกด้วย จึงผอมหนักขึ้นไปอีก
ผู้เขียนไม่ค่อยเข้าใจค่านิยมเรื่องความผอมของนักแสดงจีนทั้งหญิงและชายเท่าไหร่นัก ผอมกันจนเหมือนคนขี้โรคกันไปหมดแล้ว มันหล่อสวยตรงไหน ยิ่งนักแสดงหญิง ลมแรงหน่อย มีปลิวนะนั่น
สำหรับหลัวอวิ๋นซี เข้าใจได้ว่าเป็นนักบัลเล่ต์มันก็ต้องตัวบาง ๆ แบบนี้แหละ และข้อดีของนักแสดงที่เป็นนักเต้นคือผอมยังไงก็แข็งแรงมาก ตอนเล่นเรื่องครึ่งทางรัก ไม่ได้รู้สึกว่าผอมขนาดนี้ อาจเพราะตอนนั้นยังไม่ผอมขนาดนี้ เรื่องนี้คือผอมลงไปอีก แต่ถ้าอิงกับคาแรกเตอร์ตัวละครก็เข้าใจได้
ส่วนความหล่อของหลัวอวิ๋นซีในเรื่องนี้ นอกจากเบ้าหน้าที่บุพการีให้มาระดับเอ +++ คิ้ว ตา จมูก ปาก ทั้งชัดทั้งสวยแล้ว การดีไซน์อารมณ์และภาษากายโดยเฉพาะดวงตาเพื่อสะท้อนคาแรกเตอร์ของตัวละคร ยิ่งทำให้หล่อชนิดไม่รู้จะสรรหาคำคุณศัพท์ไหนมาบรรยายขั้นที่สุดของความหล่อนี้ได้
ไปลู่
ถ้าเฉพาะเรื่องการแสดงของเธอ ผู้เขียนชอบเรื่องทุกชาติภพกระดูกงดงามภาคแรกมากกว่า แต่เรื่องนี้เธอทำได้ตามมาตรฐานของเธอ ข้อดีคือนักแสดงทั้งคู่ต่างเป็นเคมีที่ดีที่สุดของกันและกัน ตอนเรื่องครึ่งทางรักว่าดีแล้ว เรื่องนี้ดียิ่งกว่า อาจเพราะสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม
นักแสดงอื่น ๆ ก็แคสได้ดีหมดทุกคน แถมทำให้นักแสดงสมทบอย่างซุนเจิ้นหนี (เพียนหลาน) และ เฉิงตู้หลิง (อู้ปิงฉาง) เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย
ประเด็นนอกเรื่อง
เรื่องนี้นับเป็นซีรีส์ที่มีเรื่องราวดราม่าเยอะมากเรื่องหนึ่ง ทั้งเรื่องผิดลิขสิทธิ์ มีทั้งแอนตี้ซีรีส์ แอนตี้นักแสดงทั้งคู่ เยอะไปหมด
เรื่องผิดลิขสิทธิ์หรือไม่ ไกล่เกลี่ยกันอย่างไร ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย
ส่วนแอนตี้ทั้งหลาย เท่าที่ตามอ่านข่าวบ้าง ก็มีทั้งโจมตี พระเอก นางเอก รวมถึงตัวซีรีส์เอง เพราะเหมือนกลัวว่านักแสดงนำเรื่องนี้จะดังกว่าเมนตัวเองบ้าง ซีรีส์จะเรตติ้งดีกว่าซีรีส์ที่เมนตัวเองแสดงบ้าง
ตอนแรกผู้เขียนมองแบบขำ ๆ ว่าจริงจังอะไรกันขนาดนั้น แต่ต่อมา ก็ทำให้ผู้เขียนนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
นานมาแล้ว เคยอ่านเจอว่า นักแสดงเป็นอาชีพบาปพาไปตกนรกได้ แม้จะสงสัยว่าจริงหรือไม่ แต่ก็เก็บความสงสัยนั้นเรื่อยมาน่าจะเป็นสิบปี โดยไม่ได้หาคำตอบ
จนเมื่อสี่ห้าปีก่อนเคยถามพระอาจารย์ ท่านก็บอกเพียงว่าในพระไตรปิฎก ระบุว่าในสมัยพุทธกาล มีนักฟ้อนคนหนึ่งถามพระพุทธเจ้าว่า เขาเป็นนักฟ้อน ทำให้คนดูมีความสุข ตายแล้วจะได้ไปสวรรค์ใช่ไหม
พระพุทธเจ้าห้ามถึง 3 ครั้งว่าอย่าถามเลย แต่เขาก็ยังดึงดันถาม พระพุทธเจ้าจึงตอบว่า เขาจะไปเกิดในนรก
อย่างไรก็ตาม พระอาจารย์ ไม่ได้อธิบายเหตุว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงตรัสเช่นนั้น จึงกลายเป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจต่อไปอีก 5555
หลังจากนั้นไม่นาน เวลานั้นเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสารฉบับหนึ่งที่ปัจจุบันปิดไปแล้ว ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับการไปสัมภาษณ์ดารา นักร้องเสมอ ๆ บังเอิญได้สัมภาษณ์นักแสดงคนดังคนหนึ่งที่นัดสัมภาษณ์ยากมาก
พอข่าวแพร่ออกไป กองบรรณาธิการวุ่นวายมาก เพราะเหล่าติ่งติดต่อเข้ามามากเพื่อจองซื้อเล่มนั้น
ในแง่ธุรกิจมันย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว
ไม่รู้เพราะอะไร หลังจากอ่านต้นฉบับที่สัมภาษณ์เขาจบ ผู้เขียนก็คิดออกว่า อ๋อ...นี่เองคือสาเหตุที่พระพุทธเจ้าบอกว่าอาชีพนักแสดงตายไปแล้วตกนรก เพราะอาชีพการแสดง แม้ทำให้คนดูมีความสุข แต่มันก็บำรุงกิเลสคนดู ก่อให้เกิดความลุ่มหลงคลั่งไคล้ หลายครั้งก็เกินกว่าเหตุได้ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้มีความตั้งใจแบบนั้นก็ตาม
และประเด็นสด ๆ ร้อนจากคุณเพื่อน
หลังจากดูเรื่องนี้จบเมื่อเย็น คือ ออกแนวบ่นกระปอดกระแปดว่าทำไมจบแบบนี้ ในหนังสือสมหวังนะ จึงได้ถกกันเล็ก ๆ
คุณเพื่อนผู้เขียน มองว่า ถานไถจิ้น อุตส่าห์พยายามขนาดนี้ ทำไมซีรีส์ใจร้ายจัง ไม่ให้เขาทั้งคู่สมหวัง เกรงว่าวัยรุ่นดูแล้วจะคิดว่า จะพยายามทำดีไปทำไม ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้สมหวัง
ในขณะที่ผู้เขียนกลับมองว่า บทเรื่องนี้สะท้อนความเป็นจริง ของคำว่า “ชีวิต” ไว้ลึกซึ้งกว่าปกติ
จริง ๆ แล้วระหว่างทางพระเอกนางเอก ก็สมหวังรักกันลึกซึ้งในหลายช่วง มีทะเลาะกัน แล้วกลับมาเข้าใจกัน ก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์
ความพยายามที่จะเป็นคนดีของถานไถจิ้น ใครไม่รู้ แต่ตนเองรู้ อย่างในตอนสุดท้าย ก็ดับไปด้วยจิตที่สว่างสะอาด
นั่นก็นับว่ายิ่งใหญ่เพียงพอแล้วสำหรับคน ๆ หนึ่งกำเนิดบนโลกนี้พร้อมกับความมืดมิดขนาดนั้น
หากมองในครอบครัวคนทั่วไป มีครอบครัวมากมายที่พ่อตายจากไป จึงไม่แปลกตรงไหนที่ลูกสาวจะเติบโตมากับแม่สองคน และรำลึกถึงพ่อที่จากไปแล้วด้วยความรัก
การไปพยายามทำว่าทุกเรื่องต้องจบด้วยความสมหวังต่างหาก ที่ผิดธรรมชาติของคนเรา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา