Joker เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์อย่างมาก เมื่อตัวละครนี้ถูกสร้างขึ้นในตอนแรก นักเขียนไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เป็นตัวละครตัวร้ายที่สำคัญหรือเป็นตัวหลักของเรื่องแต่อย่างใด แต่เพราะความแตกต่างของตัวละครตัวนี้เมื่อเทียบกับ Batman แล้ว ความต่างคั่วนั้นมันชัดเจน และกลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่ดีที่สุดที่เคยถูดสร้างมาในวรรณกรรม แต่จะเข้าใจความซับซ้อนของตัวละครนี้ เราต้องเข้าใจ Batman ก่อน
Batman เป็นฮีโร่ (และไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่) ที่เป็นนักสืบ ได้ชื่อว่าเป็นนักสืบที่เก่งที่สุดในโลก และสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความเป็นนักสืบคืออาชญากร ซึ่ง Joker ก็เป็นอาชญากรนั่นเอง ความต่างคั่วนี้เห็นได้อย่างชัดเจน แต่ความซับซ้อนอยู่ที่หลักคิดของสองตัวละครที่ต่างกันคนละคั่ว ซึ่งในภาพยนตร์เรื่อง The Dark Knight ของ Christopher Nolan นำเสนอแง่มุมนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม
Batman เป็นฮีโร่ที่มีจุดประสงค์ในการสร้างระเบียบและรักษาความสงบสุขของเมืองก็อทแธม สิ่งที่ตรงกันข้ามกับระบบระเรียบคือความวุ่นวาย ซึ่ง Joker คือผู้แทนของความวุ่นวาย (Agent of Chaos) ดังที่เขากล่าวไว้ ก็อทแธมมีแต่วายร้ายที่มีจุดประสงค์เรียบง่าย เช่นการฆ่าฟันชิงปล้นเพื่อเงินทอง แต่จุดประสงค์ของ Joker ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง แต่คือความวุ่นวาย
นอกจากจุดประสงค์ที่ตรงกันข้ามกับ Batman แล้ว Joker เป็นคู่ปรับที่ยอดเยี่ยมที่สุดเพราะเขาต้องการท้าทายกฎเหล็กของตัวเอก Batman มีกฎอยู่ข้อเดียวที่สำคัญ นั่นคือ การไม่ฆ่า ซึ่ง Joker ต้องการจะทำลายกฎนั้นของ Batman เพราะกฎนี้ Batman ในโลกการ์ตูนจึงไม่เคยฆ่า Joker คู่ปรับคนนี้จึงรอดทุกครั้งแล้วกลับมาฆ่าผู้อื่นอีก ทางเดียวที่จะหยุดเขาได้คือต้องฆ่าเท่านั้น แต่ Batman ไม่ทำ
ความวุ่นวายที่ Joker ปรารถนาเป็นผลลัพธ์ในตัวเองมันเอง ซึ่งไม่ได้มีคุณค่าอะไร ไม่ได้มีเหตุผลว่าทำไมความวุ่นวายจึงดีกว่าความเป็นระเบียบ Joker คือความวุ่นวายเองด้วยซ้ำ เขาไม่ได้ต้องการทดสอบแนวคิดกรณีนิยมของ Batman เขาต้องการหักล้างความเชื่อของ Batman ขนาดว่า ถ้า Batman มีความคิดแบบผลลัพธ์นิยม Joker ก็จะท้าทายความคิดนั้น Joker ไม่ใช่ปรปักษ์ของแนวคิด แต่เป็นปรปักษ์ของ Batman
Joker ในฐานะตัวแทนแห่งความวุ่นวายไร้ระเบียบ
องค์ประกอบที่สองคือความเหมือนกันในทางความคิดของตัวเอกและคู่ปรับ Joker ทำให้เราเห็นความตรงกันข้ามแบบสุดขั้วระหว่างเขากับ Batman แต่ Bane แสดงถึงความไม่เหมือนกับ Joker เขาเหมือนกับ Batman ในทางความคิด Bane ต้องการความเป็นระเบียบไม่ต่างจาก Batman แล้วเขาสู้กันทำไมในเมื่อทั้งสองมีความต้องการหรือจุดประสงค์แบบเดียวกัน
เราจึงต้องพูดถึงความต่างกันของระดับ จริงอยู่ว่า Batman ต้องการความเป็นระเบียบของสังคม แต่ไม่ได้สุดขั้วเหมือนกับ Bane Batman ไม่ได้ต้องการจะบังคับทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคนในเป็นระเบียบแบบที่ Bane ทำใน The Dark Knight Rises นี่คือตัวอย่างของความเหมือนที่แตกต่างในแนวคิดของตัวเอกและคู่ปรับ
Bane โดย Tom Harder ใน The Dark Knight Rises ตัวแทนแห่งความเป็นระเบียบเรียบร้อย
สิ่งที่ทั้งสองต่างกันแบบคนละข้างก็คือนิยามของความยุติธรรม ตามที่ได้กล่าวไว้แล้ว ซึ่งนิยามหรือความหมายของความยุติธรรมนั้นเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาอย่างมากมายในทางปรัชญา แต่ที่ประเด็นนี้แตกต่างของกรณีของ Batman ก็คือ ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องของจริยศาสตร์ว่าอะไรถูกหรือผิด Death Note นำเสนอเรื่องความของความยุติธรรมที่ไม่ได้ผูกโยงกับเรื่องถูกผิดแบบที่เข้าใจทั่วไป
สิ่งที่ทำให้ประเด็นของความยุติธรรมมันเด่นชัดขึ้นมาในเรื่อง Death Note คือเรื่องของกระบวนการยุติธรรม Death Note เล่นกับเรื่องของกฎไว้อย่างมากมาย เช่น กฎของการใช้ Death Note เอง แต่ความยุติธรรมของคิระนั้นต่างจากแอล เพราะของคิระเราเรียกว่า ความยุติธรรมเบ็ดเสร็จ กล่าวคือ ความยุติธรรมมีแบบเดียว แบบอื่นไม่นับว่าเป็นความยุติธรรม
Tribute Money โดย Masaccio ปี 1425 "render unto Caesar the things that are Caesar's and unto God the things that are God's" - Matthew 22:21
เรายังอยู่กันที่เรื่องของนักสืบ ดังนั้นคงจะไม่พูดถึงนักสืบที่โด่งดังตลอดกาล และตัวละครที่ผมชื่นชอบมากที่สุดในวรรณกรรมทั้งหลายไม่ได้ นั่นคือ Sherlock Holmes และแน่นอนว่าคู่ปรับของเขาก็คือศาสตราจารย์ Moriarty ซึ่งชื่อนี้กลายเป็นชื่อที่โด่งดังไม่แพ้กับ Holmes เลย แม้ว่าในเนื้อเรื่องดั้งเดิมแล้ว ชื่อของศาสตราจารย์ไม่ได้ปรากฏบ่อยครั้ง และการต่อสู้กันจัง ๆ มีเพียงครั้งเดียวในเรื่อง The Final Problem