28 พ.ค. 2023 เวลา 23:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Pfizer ในวันที่ Covid-19 ไม่ใข่โรคร้ายแรงอีกต่อไป

เชื่อว่าจากวิกฤตโรคระบาด Covid-19 ที่ผ่านมาไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ Pfizer แน่นอนครั้งนี้เลยจะพามารู้จักกับบริษัทนี้กันให้มากขึ้น
บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1849 เป็นบริษัทข้ามชาติ ด้านเวชภัณฑ์และเทคโนโลยีชีวภาพของอเมริกา
มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เดอะสไปรัล ในแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ผลิตภัณฑ์ของ Pfizer จำหน่ายในกว่า 185 ประเทศทั่วโลก บริษัทมีสถานะที่แข็งแกร่งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย
  • ธุรกิจของ Pfizer แบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ
- นวัตกรรมด้านสุขภาพ ส่วนนี้รวมถึงยาตามใบสั่งแพทย์ของบริษัทสำหรับมนุษย์
- การดูแลสุขภาพผู้บริโภค ส่วนนี้รวมถึงยาและผลิตภัณฑ์ทางโภชนาการที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ของบริษัท
และยังเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ระดับโลกที่ค้นพบ วิจัยพัฒนา ผลิต และจำหน่ายยาและวัคซีนมากมาย ผลิตภัณฑ์ของบริษัทถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ
เป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น วัคซีน mRNA และเทคโนโลยีชีวภาพ
  • Pfizer ยังมีบริษัทในเครือหลายแห่ง
เช่น Warner Lambert, Pharmacia, Wyeth, Hospira, Medivation, Array BioPharma เป็นต้น
จริงๆแล้ว Pfizer ยังมีบริษัทในเครืออีกหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ ยาและบริษัทเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา ที่กล่าวมานี้เป็นเพียวส่วนนึงเท่านั้น
รายได้ประจำปีของ Pfizer สำหรับปี 2022 อยู่ที่ 100.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23.43% จากปี 2021
กำไรขั้นต้นประจำปีของ Pfizer สำหรับปี 2022 อยู่ที่ 65.986 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 30.75%จากปี 2021
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงและขายดีที่สุด 5 อับดับ ในปี 2022 ได้แก่
- ที่ขาดไม่ได้เลยคือ วัคซีนป้องกันโควิด-19 Comirnaty 37.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 38%
- Paxlovid 18.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 19%
- Eliquis 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 7%
- Prevnar 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 6%
- Ibrance 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 5%
- และอื่นๆ 25.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 25%
ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงบางส่วน Pfizer ยังมีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และที่จำหน่ายในตลาดยาและวัคซีนในปัจจุบัน มากกว่า 300 รายการ
และด้วยความที่ Pfizer เป็นบริษัทด้านการแพทย์และมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขนาดนี้
ทำให้ต้องมีการทำการลงทุนศึกษาวิจัยอยู่ตลอด และร่วมมือกันศึกษาและวิจัยกับบริษัทต่างๆทั่วโลก
ปัจจุบัน Pfizer มีสิทธิบัตรทั้งหมด 113,472 ฉบับ กระจายอยู่ทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย และแคนนาดา เป็นต้น
สิทธิบัตรจำนวน 46,651 ฉบับได้รับการอนุมัติแล้ว และมีสิทธิบัตรมากกว่า 39% ที่ใช้งานอยู่ ซึ่งถือได้ว่าบริษัท Pfizer นั้นเป็นบริษัทที่มีการจดสิทธิบัตร มากเป็นอันดับต้นๆของโลก
บริษัท Pfizer ยังเป็นบริษัทที่ใช้งบในการศึกษาวิจัย มากเป็นอับดับ 4 ในอุตสาหกรรมนี้ จำนวน 11.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2022 เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2021
และมีบริษัทชั้นนำรายใหญ่ที่ใช้ สิทธิบัตรของ Pfizer ที่เราบางคนอาจรูู้จักกัน
เช่น Boehringer Ingelheim, Novartis และ Merck Sharp & Dohme Corp เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบัน Pfizer ได้มีการยื่นคำขอรับสิทธิบัตร เกี่ยวกับตัวยาและวัคซีนอีก 5,037 รายการ ในสหรัฐฯ 2,400 รายการได้ผ่านแล้ว
บริษัท Pfizer กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2019 Pfizer ได้ลดค่ามัธยฐานของเวลาในการพัฒนายาและวัคซีนใหม่ จาก 9 ปี เป็นประมาณ 5 ปี ในปี 2022
และได้ปรับปรุงอัตราความสำเร็จในห้องทดลอง จาก 2% ในปี 2010 เป็น 18% ในปี 2022
นอกจากนี้ Pfizer ยังกล่าวอีกว่า ผู้ป่วยกว่า 1.3 พันล้าน คนทั่วโลก รายได้รับการรักษาจากผลิตภัณฑ์ของทางบริษัท Pfizer
ด้วยการกระจายตัวของบริษัทในเครือ และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย การลงทุนในการศึกษาวิจัยอยู่ตลอดเวลา การร่วมมือกันระหว่างองค์กร
เป็นสาเหตุที่ทำให้ Pfizer นั้นยังมีตำแหน่งทางการตลาดที่ดี และความแข็งแกร่งของบริษัทไม่แพ้บริษัทอื่นๆ ในตลาด
  • สิ่งที่น่าให้ความสนใจและผลการดำเนินงานที่สำคัญของปีนี้
ความเสี่ยงบางประการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรมนี้
เช่น อาการแพ้ ผลข้างเคียง ปฏิกิริยาระหว่างยา อาจส่งผลให้มีการเรียกคืนผลิตภัณฑ์และนำไปสู่ข้อพิพาทต่างๆได้
อุตสาหกรรมยาได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะในสหรัฐฯ และ Pfizer อยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆ
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายและข้อบังคับเหล่านี้ อาจมีผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจของ Pfizer
Pfizer ยังมีเครือข่ายผู้จัดจำหน่าย แบบค้าส่งซึ่งช่วยนำผลิตภัณฑ์ไปขายยังร้านขายยา และผู้ให้บริการด้านสุขภาพอื่นๆ
ผู้จัดจำหน่ายเหล่านี้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดเก็บ จัดส่ง และส่งมอบผลิตภัณฑ์ของ Pfizer ให้กับลูกค้าของ Pfizer
ทำให้มีบทบาทสำคัญในการรับประกัน ว่าลูกค้าจะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์จะยังคงดีอยู่
หากผู้จัดจำหน่ายทำหน้าที่ได้ไม่ดี ก็จะส่งผลไม่ดีต่อ Pfizer ได้
และเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2023 Pfizer ประกาศว่าได้ตกลงที่จะซื้อ Seagen
(บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ) เป็นเงิน 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หากสำเร็จก็จะเป็นการเสริมอาวุธให้กับบริษัท
รายได้ของ Pfizer ในไตรมาสแรกของปี 2023 อยู่ที่ 18.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 29% เมื่อเทียบรายปี
1
สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ลดลงจากวัคซีน COVID-19 ของบริษัทและยาต้านไวรัส Paxlovid
1
และแม้ว่ายอดขายหลักอย่าง ยาและวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะลดลง
แต่อนาคตของ mRNA นั้นสดใสมาก mRNA เป็นสารพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่ใช้สร้างโปรตีนได้ เมื่อฉีด mRNA เข้าสู่ร่างกาย จะสามารถใช้สร้างโปรตีนที่สามารถต่อสู้กับโรคได้
1
สามารถนำมาต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เกี่ยวกับ วัคซีนป้องกันมะเร็ง เอชไอวี โรคทางระบบประสาท หัวใจ หลอดเลือด การบำบัดด้วยยีน กลุ่มยาเฉพาะบุคคล และอีกมากมายได้
1
นำไปสู่จดสิทธิบัตรใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพราะว่า สิทธิบัตรนั้นก็มีวันหมดอายุ โดยนับจากวันที่ยื่นคำขอรับสิทธิบัตร ตามกฏหมายของแต่ละประเทศ ซึ่งนับเป็นอีกความเสี่ยงนึงของอุตสาหกรรมนี้
แต่ในส่วน mRNA นั้นบริษัท Pfizer ยังมีข้อพิพาทกันอยู่ เนื่องจากในเดือนสิงหาคม 2022 Moderna ประกาศว่าบริษัทจะฟ้อง Pfizer เนื่องจากละเมิดสิทธิบัตรในเทคโนโลยี mRNA
1
แต่จากคำแถลงการณ์ของ Pfizer กล่าวว่า mRNA "เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทตน" ซึ่งยังคงถือว่าเป็นอีกความเสี่ยงนึงของบริษัทในตอนนี้
1
โดยภาพรวม Pfizer เป็นบริษัทด้านเวชภัณฑ์และเทคโนโลยีชีวภาพ ระดับโลกที่ให้บริการยา ชีวเภสัชภัณฑ์ และวัคซีน ที่ใช้ประโยชน์จากความสามารถด้าน R&D ที่กว้างขวาง
และตำแหน่งที่โดดเด่นเนื่องจากตำแหน่งผู้นำทางการตลาดในอุตสาหกรรมยา ส่วนงานหลักอย่าง ชีวเภสัชภัณฑ์ คือจุดแข็งหลัก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเรียกคืนผลิตภัณฑ์และการพึ่งพาผู้จัดจำหน่ายขายส่งที่จำกัด การเปลี่ยนแปลงกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆ และคดีฟ้องร้อง
อาจเป็นสาเหตุให้บริษัทกังวล
ความไม่แน่นอนอาจส่งผลต่อโอกาสการเติบโตของบริษัท แต่การเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ ข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ และการอนุมัติผลิตภัณฑ์ใหม่สามารถมอบโอกาสในการเติบโตให้กับบริษัท
และยังมีปัจจัยเสริมด้านลบภายนอก เรื่องเพดานหนี้ เงินเฟ้อ และการเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลไม่ดีต่อบริษัท
บริษัทมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมากๆ บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ส่วนหนึ่งของบริษัทเท่านั้น นักลงทุนที่สนใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยละเอียด และประเมินความเสี่ยงได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา