7 มิ.ย. 2023 เวลา 23:00 • ธุรกิจ

การ "สูญเสีย" ตำแหน่งผู้นำของ IBM ในอดีต

เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่ International Business Machines Corporation (IBM) เป็นผู้นำที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและโซลูชั่นที่ล้ำสมัย
เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
และการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ตระกูลเมนเฟรมและเมนเฟรม System/360 ของ IBM นั้นปฏิวัติวิธีการประมวลผลข้อมูลของธุรกิจ ในเวลานั้น ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานสำหรับการประมวลผล ทางธุรกิจมานานหลายทศวรรษ
แต่แล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอะไร ที่ทำให้ IBM เผชิญกับการสูญเสียตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เคยโดดเด่นนี้
บทความนี้จะพามาสำรวจปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการ "สูญเสีย" ตำแหน่งผู้นำของ IBM และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวม ณ เวลานั้น กัน
  • IBM ผู้ชนะที่มองเกมไม่ขาด
ช่วงทศวรรษที่ 70 และ 80 IBM เผชิญกับความท้าทายที่สำคัญจากการเกิดขึ้นของ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) และเริ่มได้รับความนิยม
ถึงแม้ IBM จะได้ครองตลาดคอมพิวเตอร์, เมนเฟรม และเครื่องพิมพ์ดีด อยู่ในเวลานั้น
แต่ด้วยการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดเกิดใหม่นี้ ที่หลายบริษัท
อย่างเช่น Apple, Hewlett Packard, Commodore, Texas Instruments และอีกมากมาย ต่างก็กำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงลูกค้ากัน
ทำให้เวลานั้น IBM เองก็ได้ออกคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลตัวแรกอย่าง Model 5150 หรือที่เรียกกันว่า IBM PC ในปี 1981
แคมเปญการตลาดของ IBM ใช้รูปลักษณ์ของตัวละครชื่อดังในเวลานั้นอย่าง "The Little Tramp" ของ "ชาร์ลี แชปลิน" สำหรับการสร้างภาพยนตร์โฆษณา นำแสดงโดย "บิลลี สคัดเดอร์"
ความพยายามครั้งแรกของ IBM ในการขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนี้ พวกเขาเลือกการขายผ่านช่องทางการขายปลีกของ ComputerLand และ Sears แทนที่จะ "ขายให้กับลูกค้าโดยตรง"
ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคในเวลานั้นอย่างท่วมท้น
ถึงขั้นมีลูกค้าที่เสนอการชำระเงินล่วงหน้า สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดยที่ไม่ต้องมีการรับประกันวันที่จัดส่งให้พวกเขา
หลังจากนั้น IBM ก็ได้มีการออกคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอีกหลายรุ่น
จนในปี 1983 IBM มียอดขายมากกว่า 750,000 เครื่อง และในปี 1984 IBM มีรายได้จากตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอยู่ที่ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าสองเท่าของ Apple
แต่สิ่งที่ทำให้ IBM นั้นผิดพลาด คือ "การไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง" ว่าความต้องการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจะสูงเพียงใด
นั่นเหมือนเป็นการ "เปิดโอกาส" ให้กับเหล่าผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาในตลาดนี้
เพราะการแข่งขันที่มากขึ้นจึงเริ่มเกิดการ "ขายตัดราคากัน" และความไม่ชำนาญด้านการขายปลีกของ IBM
ทำให้ผู้เล่นรายอื่นในตลาด สามารถนำเสนอคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของพวกเขา ให้ผู้บริโภคโดยตรงได้ในราคาที่ถูกกว่าของ IBM
ไม่นาน IBM ก็ไม่ได้เป็นผู้กำหนดเงื่อนไขของตลาดนี้อีกต่อไป
ความลังเลในตอนแรกของ IBM ที่จะยอมรับว่า "การปฏิวัติ" ของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว
สิ่งนี้กลับทำให้ IBM ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างเชื่องช้า และค่อนข้างไม่มีประสิทธิภาพ
อย่างเช่น
การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยของพวกเขา ทำให้พวกเขาตัดสินใจในการ "ตั้งราคาสินค้า" ที่สูงเกินไป
เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งาน เพราะว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล นั้นเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้งานทั่วไปเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น ไม่ได้ต้องการประสิทธิภาพที่สููงอะไรนัก
สิ่งนี้นำไปสู่รายได้ของบริษัทที่น้อยลง จากการขายของที่แพง ได้กำไรที่น้อย และการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ไม่ค่อยตรงต่อความต้องการของผู้บริโภคในตลาด
ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ IBM มีส่วนแบ่งการตลาดของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเหลือเพียง 20% ในปี 1992 จากที่เคยเป็นผู้นำในตลาดถึง 80% ในปี 1982
  • ความขัดแย้งระหว่าง IBM กับคู่ค้าคนสำคัญ
ความประสบความสำเร็จของ IBM ในช่วงเวลานั้น มีหลายประการแต่ข้อที่สำคัญเลย นั่นเป็นเพราะ IBM มี "คู่ค้าที่ดี" อย่าง Microsoft
Microsoft เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีประสบการณ์เป็นผู้จัดหาระบบปฏิบัติการ ให้กับคอมพิวเตอร์ในยุคแรกๆ ของ IBM
แต่ก็ได้เกิดปัญหาขึ้นในปี 1990 เมื่อ IBM ต้องการที่จะพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ (OS/2) และก่อนหน้านั้น Microsoft ได้เปิดตัว Windows เวอร์ชั่นแรกออกมา
แต่แทนที่จะนำระบบปฏิบัติการ Windows นี้มาใข้ IBM "ยืนกราน" ที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ต่อไป
สิ่งนี้นำไปสู่ ปัญหาในการตกลงเรื่องค่าลิขสิทธิ์ ระหว่าง IBM กับ Microsoft
ทำให้ IBM มีต้นทุนสูงถึง 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ในการพัฒนา OS/2 ต่อไปด้วยตัวเอง
ในทางกลับกัน Microsoft อนุญาตให้บริษัทอื่นๆ ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows นี้ได้
และยังมีความล้มเหลวกับคู่ค้าคนสำคัญอย่าง Intel ในปี 1985 ที่ IBM ไม่สามารถเจรจาเรื่องสิทธิ์ในกรรมสิทธิ์ของชิป Intel ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ของ IBM ได้
สิ่งนี้ทำให้ intel สามารถขายชิปให้กับบริษัทอื่นได้
สาเหตุเหล่านี้นับเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของ IBM เลยก็ว่าได้
  • การเปลี่ยนแปลงของบุคลากรภายในองค์กรของ IBM
ในปี 1985 ได้เกิดเรื่องที่เศร้ากับ "ฟิลิป ดอน เอสทริดจ์ และ แมรี่ แอนน์"
เขาและภรรยาของเขาได้ประสบอุบัติเหตุ "เสียชีวิต" จากเหตุการณ์ Delta Air Lines Flight 191 ที่ตกที่สนามบินนานาชาติ Dallas Fort Worth
เหตุการณ์นี้ทำให้ก่อเกิด "ความสั่นคลอน" กับ IBM เป็นอย่างมาก
เนื่องจาก ฟิลิป ดอน เอสทริดจ์ นั้นถือว่าเป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าอย่างมาก เขาเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ ที่เป็นผู้นำในการพัฒนา IBM Personal Computer (PC) ดั้งเดิม
หลังจากเหตุการณ์นี้ ผู้คนต่างยก ฟิลิป ดอน เอสทริดจ์ ให้เป็น "บิดาแห่ง IBM PC"
ในปี 1993 การตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของ IBM ก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่ IBM เลือก "บุคคลภายนอกบริษัท" อย่าง "ลู เกิร์สต์เนอร์" ให้เป็น CEO
ซึ่งประวัติการทำงานของ ลู เกิร์สต์เนอร์ นั้นเขาเคยทำงานที่ Nabisco บริษัทที่ผลิตคุกกี้และขนมขบเคี้ยว และ American Express บริษัทด้านการชำระเงิน
ซึ่งจะมองยังไง ลู เกิร์สต์เนอร์ เขาก็ไม่น่าจะทำหน้าที่เป็น "ผู้คุมบังเหียน" ให้กับบริษัทด้านเทคโนโลยีอย่าง IBM ได้เลย
  • วัฒนธรรมองค์กร ที่เย่อหยิ่งและไม่เป็นดั่งหวังของ IBM
IBM นั้นมีปัญหาด้านวัฒนธรรมภายในองค์กร บุคลากรส่วนใหญ่ใน IBM เวลานั้นมี "ความเชื่อ" ว่า IBM เป็นบริษัทที่ "ไม่เคยและต้องไม่ทำอะไรผิดพลาด"
ความเชื่อนี้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม ซึ่งสะท้อนอยู่ในหลายภาคส่วนงานของ IBM
อย่างเช่น
- การแข่งขันภายใน
IBM เป็นที่รู้จักจากปรัชญา "กินอาหารสุนัขของตนเอง" ซึ่งหมายความว่าบุคลากรจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของ IBM ในการทำงานของตนเอง
วิธีการนี้ "หวัง" ช่วยให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของ IBM นั้นมีคุณภาพสูงสุด
แต่ผลลัพธ์จากสิ่งนี้นำไปสู่ "ความทะนงตัว" ของบุคลากรและตัวบริษัทเอง
เพราะมันเหมือนการปิดกั้นตนเอง จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
- ลำดับชั้นและความเป็นทางการ
IBM เป็นบริษัทที่มีลำดับชั้นมากมาย โดยมีสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจน พนักงานควรแต่งกายด้วยชุดสุภาพ และปฏิบัติตามระเบียบและขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
วิธีการนี้ "หวัง" มุ่งมั่นให้บุคลากรและบริษัทมีระบบและระเบียบมากขึ้น
แต่ผลลัพธ์จากสิ่งนี้นำไปสู่ "ความยุ่งเหยิง" การทำงานบางส่วนที่มีขั้นตอนมากเกินไป มักนำไปสู่การตัดสินใจที่ล่าช้า และความขัดแย้งกันเองภายในบริษัท
และยากที่จะดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้ในบริษัทได้
วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ได้ดั่งหวังเหล่านี้ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของความผิดพลาดสำหรับ IBM
จากเหตุผลหลายข้อที่กล่าวมานี้ เป็นต้นเหตุบางส่วนของ "การสูญเสียตำแหน่ง" ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในอดีต อย่าง IBM
การตัดสินใจที่ผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง ให้ผลที่เลวร้ายต่อบริษัท
ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ธุรกิจหลักของ IBM ในเวลานั้น
อย่าง คอมพิวเตอร์ธุรกิจ, เมนเฟรม และเครื่องพิมพ์ดีด และอื่นๆ นั้นเสื่อมถอยลงตามไปด้วย
ทำให้พื้นที่ที่สำคัญและตำแหน่งการตลาดของ IBM จากผู้นำที่เคยยิ่งใหญ่ กลายเป็นผู้ตามที่จะไล่ตามยังไง ก็ยากที่จะกลับมาเป็นตำแหน่งผู้นำอีกครั้งได้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา