Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ผู้สังเกตการณ์
•
ติดตาม
16 มิ.ย. 2023 เวลา 06:13 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยายเรื่องนี้ผีน่ารัก
"บางครั้งโลกของความจริงก็ไม่อ่อนโยนเหมือนฟองครีมโกนหนวดหรอกนะ ฉันจะบอกให้"
เรมิอ้างคำพูดจากหนังสือนิยายเรื่อง "รักเร้นบนโลกคู่ขนาน" ของนักเขียนในดวงใจของเธอ ฮารูกิ มูราคามิ เขาเป็นนักเขียนชื่อดังของญี่ปุ่น มีผลงานมาแล้วมากมาย และหนังสือของเขาติดเบสเซลเลอร์ทุกเล่ม ที่สำคัญเขาคือไอดอลของเธอ
ช่วงนี้เธอกำลังอ่านนิยายของเขาเพื่อศึกษาหาสไตล์ที่เหมาะสมเกี่ยวกับแนวทางการเขียนนิยายของตัวเอง เธอเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าหนังสือเพื่อคุยกับเพื่อนผีสาวที่อยู่ตรงหน้า
"ฉันก็อยากลองมีชีวิต มีประสบการณ์ขม ๆ ดูบ้างเหมือนกัน ลอยไปลอยมาแบบนี้ บางทีก็เบื่อ"
เพื่อนผีของเธอโฉบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ เธอ เปลี่ยนจากฝั่งซ้ายแล้วย้ายไปฝั่งขวา ทำให้เรมิจังต้องปิดหน้าปกหนังสือลงแล้วหันมาคุยกันอย่างจริงจัง
"เธอเบื่อเป็นด้วยเหรอ"
"แน่นอนสิ"
"ถ้าอย่างนั้น เราลองหาภารกิจอะไรสักอย่างมาทำด้วยกันดูไหม"
"ยังไงละ"
"ก็แบบ เอ่อ เป็นเพื่อนที่ดี เป็นผู้ฟังที่ดี ให้กำลังใจกันไง"
"ก็น่าสนใจดีนะ"
"ตกลงตามนี้นะ เธอเองก็จะได้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์"
"เธอสัญญาว่าจะอ่อนโยนกับฉัน"
"จนกว่าจะถึงวันที่เธอต้องเดินทางไกล"
"งั้น ตกลง"
"เริ่มจาก เล่าเรื่องราวของเธอก่อนที่เราจะได้มาเจอกันให้ฉันฟังได้ไหม"
"ฉันจำไม่ได้ รู้แค่ว่าฉันต้องอยู่ที่นี่ ออกไปไหนก็ไม่ได้ ติดต่อกับใครก็ไม่ได้ จนเธอย้ายเข้ามาอยู่นี่แหละ"
"อ้าว แล้วอย่างนี้เราจะรู้จักกันให้ดีขึ้นได้ยังไง"
"เธอเล่าเรื่องของเธอสิ ฉันจะเป็นฝ่ายฟังเธอเอง"
"ไม่ได้สิ การสื่อสารมันต้องมีทั้งคำถามและคำตอบ ยิ่งเป็นผีแบบเธอ ยิ่งต้องรู้สิว่าทำไมถึงตาย"
"ก็ฉันไม่รู้นี่นา"
"เอาอย่างนี้ดีไหม ฉันพอจะนึกอะไรออกแล้ว"
"อะไรของเธออีกเนี่ย"
"ฉันจะช่วยเธอสืบหาว่าเธอเป็นใคร ตายยังไง ทำไมถึงยังไม่ไปผุดไปเกิด ดีไหม"
"เฮ้อ ฉันไม่สนใจมันแล้ว ไม่อยากรู้ด้วย"
"อย่างน้อยก่อนที่เธอจะจากไป น่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองบ้าง"
"เดี๋ยวผู้ที่มารับคงบอกฉันเอง อีกอย่างรู้ไปก็แค่นั้น ฉันไม่เหลืออะไรแล้วนี่"
"แล้วเธอไม่คิดถึงครอบครัว หรือพ่อแม่บ้างเลยหรือ"
"ไม่รู้สิ ฉันจำอะไรไม่ได้ ก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองมีใครให้คิดถึงหรือเปล่า"
"ฉันคิดว่าเธอเป็นภารกิจของฉัน"
"พอเถอะนา เธอไม่ต้องสนใจเรื่องของฉันหรอก ยังไงสะ ฉันก็อยู่ได้แบบไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องกินข้าว ไม่ต้องแต่งตัว ไม่ต้องทำอะไรเลยก็อยู่ได้อยู่แล้ว"
"แต่ฉันอยากรู้นี่นา อยากช่วยเธอด้วย"
"สนใจเรื่องของตัวเองเถอะทั้งทำงาน ทั้งกิจกรรมเรียนโน้น นี่ นั่น ไหนจะอยากมีแฟนอีก แล้วนี่นิยายที่เขียนนะไปถึงไหนแล้ว"
พอพูดถึงคำว่านิยายเรมิก็ทำหน้าสลดทันที เธอรักและชอบการเขียนนิยายมาตั้งแต่อยู่ในวัยมัธยมต้น แต่ก็ไม่เคยได้เขียนจริงจัง เพราะต้องตั้งใจเรียนหนังสือ วันหยุดก็เรียนพิเศษ ตามตารางเรียนและตารางกิจกรรมที่คุณแม่ของเธอจัดไว้ให้
จนกระทั่งเธอเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เรมิจึงได้กลับมาเขียนนิยายอีกครั้ง และมีความฝันว่าจะมีสำนักพิมพ์ชื่อดังสนใจงานเขียนของเธอ และนิยายของเธอได้รับการตีพิมพ์ สร้างชื่อเสียง ความภูมิใจให้กับเธอ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีสำนักพิมพ์ที่ไหนติดต่อกลับมา เรมิจึงเขียนนิยายเก็บไว้อ่านเอง
"โอ้ยยยย แย่จัง แย่จริง พูดถึงนิยาย ฉันละกลุ้มใจขึ้นมาทันทีเลย"
"มีอะไรเหรอ"
"ฉันเขียนต่อไม่ได้ ไอเดียมันตัน สมองตื้อ"
"นั่นไง เห็นไหม แค่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ เธอยังเครียดเลย"
"อื้อหือ ได้ทีทับถมกันเลยนะ เธอมานี่เลย ยัยผีเพื่อนซี้ นี่อ่านบทนี้นะ แล้วบอกฉันว่าเป็นยังไง"
1
เรมิหยิบสมุดอีกเล่มของเธอออกมาจากบนกองหนังสือ แล้วเปิดให้เพื่อนผีสาวของเธอดู
"นี่ เรื่องนี้แต่งจบแล้ว เธอลองอ่านสิ ชอบไหม"
หน้าสมุดเขียนนิยายค่อย ๆ เปิดไปทีละหน้าอย่างช้า ๆ ตามแรงลม โดยที่ไม่มีใครเปิด
บางครั้งพลังงานที่เรามองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ก็สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด
เพียงแต่ว่าเขาจะมาให้เราเห็นไหม แล้วเราเปิดใจรับการสื่อสารจากพวกเขาได้หรือเปล่า เช่นเรื่องของเรมิกับเพื่อนของเธอ
หนึ่งสัปดาห์ก่อน
เรมิที่เพิ่งเรียนจบแล้วย้ายออกมาจากหอพักของมหาวิทยาลัย เธอได้มาเช่าบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้ามากนัก ใจจริงแล้วเธออยากอยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงานแต่ก็ไม่สามารถหาเงินค่ามัดจำมาจ่ายค่าเช่าได้ เธอจึงต้องออกมาเช่าบ้านอยู่ห่างตัวเมืองออกมาหน่อย ที่สำคัญหรือจะเรียกว่าที่เป็นปัญหาคือเธอไม่ชอบอยู่บนคอนโดสูง
"ขอแค่มีสถานีรถไฟฟ้า แค่นี้ก็เดินทางสะดวกแล้ว"
เรมิย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงลำพัง ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว และหนึ่งห้องรับแขก ภายในบ้านรวมทั้งสวนรอบ ๆ บ้าน ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแบบที่เธอชอบ ที่สำคัญราคาที่เธอสามารถจ่ายได้
คืนแรกที่เรมิย้ายเข้ามานอน เธอได้ยินเสียงคนร้องเพลงในบ้าน แต่เป็นเพราะเธอชอบเปิดเพลงฟังไปด้วยเวลานอน เธอจึงคิดว่าน่าจะเป็นเสียงเพลงที่เธอเปิดทิ้งไว้
"ดึกดื่นป่านนี้ใครกันนะไม่รู้จักหลับจักนอน มาร้องเพลงเสียงดังอยู่ได้ ไม่คิดจะเกรงใจคนอื่นบ้างเลยเหรอไง" เรมิหยิบที่อุดหูมาใส่แล้วนอนหลับไป
คืนที่สอง เธอรู้สึกว่าเวลาอยู่ในบ้าน ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็เหมือนมีคนเดินตามเธอตลอดเวลา แต่พอเธอมองหาก็ไม่เห็นมีใคร
คืนที่สาม เธอคิดว่าเหมือนมีใครบางคนนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน แต่พอออกมาดูก็ไม่เห็นมีใคร มีแค่สายลมเย็นยามค่ำคืนที่พัดมาปะทะหน้า กับท้องฟ้าที่มืดสลัว มองเห็นดวงดาวน้อยใหญ่ส่องแสงวิบวับ
"เอ๊ะ ใครเข้ามานั่งเล่นในสวนหน้าบ้าน ประตูก็ปิดแล้วนี่นา เข้ามาได้ยังไง"
แต่พอเธอเดินไปใกล้ ๆ เพื่อจะดูให้แน่ใจ
"อ้าว ตาฝาดอีกแล้วเรา"
เรมิขยี้ตาถี่ ๆ เพื่อให้แน่ใจ ทั้งสะบัดหน้าไปมาอีกหลายครั้ง "เขียนนิยายจนตาลายอีกแล้วเรา หรืออาจเป็นผลข้างเคียงจากแสงสีฟ้าบนหน้าจอ"
ในคืนนแรกเรมิเริ่มคิดว่าตัวเองหลอนหรือคิดมากไปเองเพราะเหนื่อยกับการย้ายบ้าน แต่คืนต่อ ๆ มาก็ยังไม่หาย เธอจึงโทรไปปรึกษากับเพื่อนสนิท และได้รับคำแนะนำให้เธอลองทำการจุดธูปเรียกวิญญาณมาคุยกัน
เรมิไม่ใช่คนกลัวผี หรือวิญญาณ เธอออกจะยินดีที่ได้พบกันด้วยซ้ำ
"อยากรู้มานานแล้วว่าผีมีจริงหรือเปล่า ครั้งนี้ขอพิสูจน์หน่อยก็แล้วกัน"
"ยัยนี่เป็นใคร อยู่ ๆ ก็เข้ามาทำตัวเป็นเจ้าของบ้านสะงั้น ทั้ง ๆ ที่ฉันอยู่มาก่อน หลายวันแล้วก็ยังไม่ยอมทักทาย ทำความรู้จักกันบ้าง ช่างไม่มีมารยาทเอาสะเลย"
วิญญาณผีสาวที่ล่องลอยไปมาในบ้านกำลังเฝ้ามองผู้บุกรุกอย่างงง ๆ
เธออาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่ เธอเองก็ไม่รู้
ที่แน่ ๆ คือเธอมีความสุข เธอชอบร้องเพลง เต้นรำ นั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน มีสิ่งเดียวที่เธอทำไม่ได้คือออกไปจากบริเวณของบ้านหลังนี้
ตอนนี้ในบ้านของเธอมีคนเข้ามาอยู่ด้วย และดูเหมือนว่าเธอทั้งสองคนจะมีนิสัยคล้าย ๆ กัน ผู้มาใหม่ไม่ได้มาเพื่อทำร้ายเธอ แต่เป็นความรู้สึกที่ปลอดภัยและไว้ใจได้
สามวันแล้วที่ผีสาวเฝ้าสังเกตการณ์อย่างระวังตัว เพราะยังไม่ไว้ใจ แต่ตอนนี้เธอคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรากฏตัวให้ผู้มาใหม่ได้เจอกับเธอสักที
"มันน่าจะดีกว่าถ้าได้คุยกัน"
เรมิกลับมาจากทำงานพร้อมกับธูปเรียกวิญญาณที่มิว เพื่อนสาวของเธอนำมาให้
เมื่อวางกระเป๋าและข้าวของลงไว้ที่โต๊ะอาหารแล้ว เธอก็เริ่มหยิบธูปออกมา แล้วเดินไปคว้ากระถางต้นไม้ และไฟแช็ค เดินมาที่กลางบ้าน แล้วทำการจุดธูป
"เธอต้องจุดธูปทั้งหมดนี้กลางบ้าน" มิว กำชับมา
"อื้ม แล้วฉันต้องทำยังไงต่อ"
"หลังจากนั้นสวดมนต์บทนี้"
มิวยื่นกระดาษสีขาวมาให้เธอแผ่นหนึ่ง ในนั้นมีตัวหนังสือเขียนไว้
"นี่คือมนต์เรียกวิญญาณ"
เรมิรับกระดาษแผ่นนั้นมาดู
"เธอนี่ สุดยอดสายมูจริง ๆ ขอบใจนะมิว"
"แน่นอน นี่ของดีจากศาลเจ้าบนภูเขาเลยนะ แต่เพื่อช่วยเธอจับผีในบ้านหลังใหม่ ฉันเต็มใจช่วย"
"จ้า ขอบใจนะ"
"แล้วถ้าเธอกลัว หรือเจออะไร ยังไง อย่าลืมเล่าให้ฉันฟังด้วย หรือจะให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนก็ได้นะ"
"เรื่องเล็กน้อยนามิว ฉันก็แค่สงสัย อยากพิสูจน์เล่นขำ ๆ เผลอ ๆ ฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้"
"เอางั้นก็ได้ ตามใจเธอก็แล้วกัน ถ้ากลัวก็โทรมานะ"
"อื้ม ขอบใจนะมิว เธอน่ารักที่สุดเลย"
"เพื่อเพื่อน"
"จ้า"
มิวคือเพื่อนสาวสายมูที่แท้ทรู ไม่ว่าเธอจะมีปัญหาอะไร ทุกอย่างแก้ได้ด้วยการปรึกษาหมอดู พระ คนทรงเจ้า และเครื่องรางของขลัง
เธอเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยเธอและคนอื่น ๆ ได้ มิวชอบที่จะไปเสาะแสวงหาของดีตามสถานที่ต่าง ๆ จนรู้ว่าที่ไหนของแรงจริง เกจิ อาจารย์ท่านไหนเชื่อถือได้หรือไม่ได้ ใครบอกว่าที่ไหนดีมิวก็ไปพิสูจน์มาหมดแล้ว
ที่ศาลเจ้าแบบจีนอยู่บนภูเขานอกเมือง ในป่าที่มีภูเขาล้อมรอบ ภายในบริเวณนั้นมีศาลเจ้าและยังเป็นฮวงซุ้ย สถานที่ซึ่งคนจีนที่มีฐานะร่ำรวยนำศพของบรรพบุรุษไปฝังไว้ ถือเป็นที่พักสุดท้ายของพวกเขา
อาจารย์ที่มิวรู้จักเป็นคนสมถะ อยู่แบบเรียบง่าย งานหลักคือเฝ้าฮวงซุ้ยแห่งนี้ แต่ถ้าใครมีเรื่องเดือดร้อนใจมาหาท่านก็พอช่วยได้
"นั่น ยัยบ๊องนั่นจะทำอะไร"
ผีสาวที่นอนเอาเท้าชี้ไปบนพนักพิงและห้อยหัวลงมา อยู่บนโซฟาห้องรับแขก กลอกตามองตามเรมิอย่างสงสัย
"เอาละนะ ฉันอยากรู้ว่าในบ้านหลังนี้ นอกจากฉันแล้วยังมีใครอีกไหมคะ ถ้ามี ขอจงออกมาปรากฏตัว มาคุยกัน มาทำข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติวิธี เพราะตอนนี้ฉันคือผู้เช่าคนใหม่ มีสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ใครจะอยู่ จะไป จะเข้านอกออกในต้องได้รับอนุญาตจากฉัน"
เรมิกล่าวคำพูดที่เป็นดั่งคำขู่ หรือข้อตกลง เป็นการแสดงตัวว่าเธอเป็นใหญ่ในบ้านหลังนี้ออกมาอย่างชัดเจน ทำให้ผีสาวที่นอนอยู่บนโซฟาถึงกับสะดุ้งตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็มีคนมาอ้างสิทธิ์ในบ้าน บ้านที่เธออาศัยอยู่มานาน
"เฮ้ย ได้ไงวะ ฉันอยู่ก่อนนะ"
ด้วยความไม่พอใจเธอจึงฟาดลมใส่แจกันดอกไม้บนโต๊ะจนมันล้มลงไปส่งเสียงดัง
"เพล้งงงงงง"
"นั่นไง เผยตัวออกมาสักทีสินะ"
เรมิทักทายขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
"ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เป็นอะไร ขอให้รู้เอาไว้ด้วยว่า ฉันมาดี ออกมาคุยกับฉันเถอะ"
และแล้วกลุ่มควันที่ลอยตัวมาตรงหน้าเธอก็เริ่มเพิ่มแรงอัดจนเกิดเป็นรูปร่างขึ้นมา
"เฮ้ย ใจเย็น ๆ"
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวยาวกรอมเท้า ชะโงกหน้ามาให้เธอเห็นใกล้ ๆ
"ผีจริง ๆ ด้วย"
แทนที่เรมิจะกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ววิ่งหนี เธอกลับมีสีหน้าตื่นเต้นและยิ้มดีใจ จนผีสาวต้องเป็นฝ่ายผงะหน้าหนีจากการจ้องมองของเธอ
"ไม่กลัวเหรอ"
"ไม่อ่ะ กลัวทำไม ทำไมฉันต้องกลัวเธอ ในเมื่อฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ อย่าลืมสิ"
"แล้วจะเอายังไง"
"เธอต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่น"
"ฉันอยู่ที่นี่มาก่อนเธอนะ"
"นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ฉันจ่ายเงินค่าเช่าบ้านหลังนี้แล้ว ทำสัญญาเช่าหนึ่งปีเลยนะ"
กลุ่มควันสีขาวหนาแน่นของพลังงานบางอย่างก็ก่อตัวขึ้น แล้วข้าวของที่เรมิเพิ่งจัดเข้าที่เข้าทางไปเมื่อวันก่อนก็เริ่มร่วงหล่นลงมาที่พื้น
"ชิ้นที่หนึ่ง ชิ้นที่สอง ชิ้นที่สาม และ…"
"นี่ ๆ ๆ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันเพิ่งจะจัดของเข้าชั้นได้เรียบร้อย เธอจะมาพังทำลายของของคนอื่นแบบนี้ไม่ได้นะ"
เรมิยืนตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
"ฉันอยู่มาก่อน และจะไม่ยอมย้ายออกไปไหน"
โต๊ะที่กำลังเอียงใกล้จะฟาดกับพื้นหยุดค้างที่กลางอากาศ
"หยุดก่อน แล้วเรามาตกลงกัน ก่อนอื่นในฐานะที่ฉันเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่ ฉันขอให้เธอเก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย"
เรมิไม่ได้กลัวผีสาวแสนสวยตรงหน้าเลยสักนิดเดียว เธอห่วงข้าวของเครื่องใช้ในบ้านจะหักพังเสียหายมากกว่า
"ฉันไม่ย้าย"
"Okay เก็บของก่อน แล้วเรามาทำข้อตกลงกัน"
โปรดติดตามตอนต่อไป
นิยาย
2 บันทึก
10
14
11
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
นิยายเรื่องนี้ผีน่ารัก
2
10
14
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย