23 มิ.ย. 2023 เวลา 10:54 • ความคิดเห็น
เอายังงี้ครับ
1) “ทฤษฎีเชือกนิรภัยแห่งจิต”
ทฤษฎีนี้ผมคิดค้นขึ้นมาเองจากประสบการณ์ชีวิตของผม และผมก็ได้มีโอกาสใช้มันอยู่ในหลายๆโอกาส
1.1) โดยพื้นฐานแล้ว เมื่อเราต้องเผชิญกับสถานการณ์แห่งความขัดแย้ง
เช่น
- เราไม่เจอในสิ่งที่เราอยากเจอ
หรือ
- เราเจอกับสิ่งที่เราไม่อยากเจอ
ทั้งสองคือ “ความขัดแย้ง” ที่เรายังไม่สามารถ “หาทางออกได้” ในระยะเวลาที่ทันกาล
และเราจะหลุดเข้าไปอยู่ในสถานที่หนึ่งในห้วงแห่งจิตใจที่ผมเรียกมันว่า
Dark Room
ลักษณะของการหลุดเข้าไปอยู่ใน dark room คือ
- คุณจะคิดวนๆเป็น “loops” รอบแล้วรอบเล่า โดยที่คุณไม่สามารถหา
“ทางออกที่ดี”
ให้กับสถานการณ์นั้นได้
บางทีผมก็เรียกมันว่า
เขาวงกตแห่งจิตใจ
หรือ
The Prison
of
your mind!
- ถ้าคุณหลุดเข้าไปอยู่ใน dark room นานๆและบ่อยๆ
แนวโน้ม หรือ
Tendency
ก็คือ
คุณจะเข้าไปสู่ dark room ได้ง่ายขึ้น, เร็วขึ้น, หลุดออกมายากขึ้น
เพราะ dark room ของคุณ จะขยายใหญ่ขึ้น, กว้างขึ้น, และ รุกคืบออกไปเรื่อยๆ ตามระยะเวลา และความถี่ที่คุณหลุดเข้าไปหามัน!
- นี่คือสิ่งที่อันตรายที่สุดในการหลุดเข้าไปใน dark room ของคุณ!
สิ่งที่อยู่ในนั้น มีแต่
> ความคิดในเชิงลบทั้งหมดทั้งมวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่คุณกำลังเผชิญ เป็นต้นว่า
การด้อยค่าตัวเอง, ความโกรธ,
ความกลัว, ความเสียใจและความเจ็บปวดทางจิตใจ เข่น ความผิดหวัง และรู้สึกหมดหนทาง
แล้วทุกอย่างก็จะวนกันอยู่แบบนั้น จนสุดท้ายคุณก็ยังไม่สามารถหาทางออกได้ และคุณก็จะกลับเข้าไปอีก!
1.2) “The Way out”
ผมเคยดูหนังเรื่อง
Inception
2010
ซึ่งเป็นหนังแนววิทยาศาสตร์แนว fantasy และ Action ที่ผมชอบมาก เพราะตัวเอกของเรื่องที่รับบทโดย
Leonardo DiCaprio
จะต้องเข้าไปปฏิบัติภารกิจจารกรรมข้อมูลอันเป็นความลับของฝ่ายตรงข้าม
ในความฝัน
หลายๆฝัน ซ้อนกันเป็นชั้นๆ
เขาจึงต้องมี
เครื่องเตือนใจ
หรือ
Token
ที่เป็นลูกข่างเล็กๆ
เก็บไว้เตือนตัวเองว่าเขาได้ตื่นและกลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว
หรือว่า
ยังคง
ติดอยู่ในโลกแห่งความฝัน!
และผมก็เคยดูหนังเกี่ยวกับทีมสำรวจขั้วโลกที่ต้องทำงานใน “พายุหิมะ”
อุปกรณ์ที่เขาใช้เพื่อกัน
การพลัดหลง
ในพายุหิมะที่มีทัศนวิสัยเลวร้ายชนิดที่มองไปข้าวหน้าก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยในระยะ 3 เมตร! เพราะมีแต่พายุหิมะพัดเข้าใส่อย่างรุนแรง
ทีมสำรวจจะแก้ปัญหานี้โดยการ จึงแนวเชือกเส้นใหญ่ๆที่ทาสีสดๆ เช่น สีแดง, หรือ สีส้ม และสามารถสะท้อนแสงในความมืดมิดได้
เป็นเส้นทางยาวๆ ตามเสาที่ปักเป็นระยะๆ ยาวไปจนถึงบริเวณปฏิบัติงาน
ส่วนที่เครื่องแบบของทีมปฏิบัติงานเอง ก็จะมีเชือกเส้นที่เล็กลงมา ผูกโยงตัวพวกเขาเข้ากับเชือกเส้นใหญ่นั้น แล้วทีมสำรวจสามารถเดินไปไหนมาไหน ทั้งจาก ฐานที่ตั้ง ซึ่งเป็น
Safe Zone
ไปถึงพื้นที่ปฏิบัติงาน แล้วเดินทางกลับฐานได้อีก รอบแล้วรอบเล่า
โดยไม่พลัดหลงออกนอก
เส้นทาง!
• ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะคิดเรื่องอะไรก็ตาม ที่มันจะทำให้คุณหลุดเข้าไปใน dark room ของตัวเองได้
คุณควรมี “เชือกนิรภัยแห่งจิต” นี้ ผูกใจคุณไว้ตลอด!
แล้วคุณจะออกแบบเชือกที่ว่าอย่างไร?
วิธีของผมคือ
- ผมจะมี
Bottom line
หรือ “ข้อสรุป” ที่ผมตั้งเป็น “แนว” หรือ “ขอบเขต” ไว้ ก่อนที่ผมจะคิดเรื่องนั้นๆ
เช่น ถ้าผมจะคิดเรื่องค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน
“Bottom line” ของผมคือ
’ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
จงจำไว้ว่า’
“งบค่าอินเตอร์เน็ต
จะต้องไม่เกิน
899 บาท!”
1
ถ้าผมคิดไม่ตก ผมก็จะเริ่มคิดใหม่
เพื่อให้ได้ข้อสรุป
โดยที่ผมยึด Bottom line ไว้อย่างเหนียวแน่นว่า
899 บาท คือ งบประมาณสูงสุดของค่าอินเตอร์เน็ต
และ มันจะต้องไม่เกินจากนี้
อย่างเด็ดขาด!
ถ้าไม่งั้น ผมจะ
เลิก และหยุดคิดเรื่องนั้นๆ
โดยฉับพลันทันที!
เพราะ “สติ” เริ่มบอกผมแล้วว่า
Dark room เริ่มจะดึงผมลึกเข้าไปๆ แล้ว
โดยที่ผมจะไม่ได้ข้อสรุปใดๆออกมา
ซึ่งมัน “สิ้นเปลืองทั้งแรงกาย,แรงใจ” และเวลาเป็นอย่างมาก!
Dark room
is
the energy drainer!
• เช่นนี้
Bottom line
จึงเปรียบเสมือน
เชือกนิรภัยแห่งจิต
ที่คุณต้อง “เกาะกุมและยึดเหนี่ยว” อย่างสุดชีวิต ในท่ามกลาง
พายุหิมะ
ที่พุ่งตรงมาทางคุณ และมันพร้อมจะพัดพาคุณไปเข้าสู่ dark room อีก
“ครั้งแล้วครั้งเล่า!”
2) “ทฤษฎีแห่งความสมดุลของความคิดและการลงมือทำ”
• ความไม่สมดุลระหว่าง ความคิด กับ การลงมือทำ
2.1) “คิดมากกว่าทำ”
ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆว่า
คุณมีงานสำคัญต้องทำหลายอย่างที่ต้องไปทำให้ลุล่วงในหลายสถานที่
แต่รถของคุณกำลังติดไฟแดงอยู่ที่แยกใหญ่ๆ
ตอนนี้ในสมองของคุณ “เต็มไปด้วยความคิด” มากมาย แต่คุณทำอะไรไม่ได้มากเพราะคุณยังนั่งอยู่ในรถที่กำลังติดไฟแดงอยู่!
สถานการณ์เช่นนี้อาจนำมาซึ่ง Anxiety ได้
แน่นอนว่า “สติ” จะเป็นตัวเตือนคุณว่า
“ขณะนี้ ความสมดุลระหว่างความคิดกับการลงมือทำ” ได้เสียสมดุลไปเรียบร้อยแล้ว
อะไรก็ตามที่คุณยังลงมือทำไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคิดถึง
ผมเองจะมีผ้า microfibres ผืนเล็กๆอยู่ผืนหนึ่งที่ชุบนำ้พอหมาดๆ วางไว้ในรถ
เมื่อติดสัญญาณไฟตามแยกต่างๆ ผมจะนำผ้าผืนนั้นมาเช็ดถูพวงมาลัยรถและคันเกียร์ขณะรอไฟเขียว
1
แล้วถ้ามีเวลาพอ ผมมักวางแผนการที่จะทำธุระไว้คร่าวๆ ในขณะที่มือผมยังจับผ้าผืนนั้นทำความสะอาดรถไปอย่างมีสติ
2.2) “อยากทำแต่ยังทำไม่ได้ เพราะยังไม่มีความคิดดีๆ”
ผมเชื่อว่าทุกคนล้วนอยากทำงานที่สร้างรายได้มหาศาลจนรำ่รวยได้ในระยะเวลาอันสั้นด้วยกันแทบจะทุกคน
แต่คำตอบที่มาจากความคิดดีๆ ให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่ง มักไม่ได้มาโดยง่ายในเวลาอันสั้น
ด้วยเหตุนี้ก็อาจนำมาซึ่ง Anxiety ได้!
ผมเคยได้ยินเรื่องเล่าว่า
มีนักดาบฝึกหัดคนหนึ่งไปขอให้อาจารย์สอนวิชาดาบขั้นสูงให้ โดยนักดาบขอให้ท่านอาจารย์ถ่ายทอดวิชาให้สำเร็จอย่างรวดเร็ว
อาจารย์บอกว่าต้องใช้เวลา 7 ปี
นักดาบบอกว่า เขาจะพยายามให้มากขึ้น
อาจารย์ตอบว่า งั้นต้องใช้เวลา 14 ปี
นักดาบบอกว่า เขาจะพยายามมากขึ้นอีก
อาจารย์ตอบว่า งั้นต้องใช้เวลา 21 ปี!
จนในที่สุด นักดาบยอมฝึกกับอาจารย์อย่างไม่มีข้อแม้เรื่องเวลาสำเร็จการศึกษา
จนเขาสำเร็จวิชานักดาบอย่างรวดเร็วภายในเวลาน้อยกว่า 7 ปี! และเขากลายเป็นนักดาบฝีมือดีที่สุดจนกลายเป็นตำนาน!
• การฝึกสติของผม
• “คิดบวก VS ทำบวก”
• “ทุกข์เพราะคิดผิด”
p.s.
คน ไป,
dark room ไป,
Next Please!
โฆษณา