22 ก.ค. 2023 เวลา 14:00 • ไลฟ์สไตล์

ความ(พร้อม)รับผิดชอบ

ในชีวิตเราข้องเกี่ยวกับคนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ส่งผลกระทบกับชีวิตเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างปฏิเสธไม่ได้ ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะมาจากการกระทำของเราหรือไม่ก็ตาม ตั้งแต่เรื่องส่วนตัวจนถึงหน้าที่การงาน
5
พิจารณาถีงเรื่องการรับผิดชอบที่สามารถเกิดขึ้นกับเราทุกคนได้ จากตัวอย่างสถานการณ์ข้างล่าง
• เลิกกับแฟน - ทำให้รู้สึกทุกข์ทรมานใจ อาจโทษแฟนที่เป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ไปไม่รอด คนที่จะต้องยอมรับความจริง ให้เวลาตัวเองในการเยียวยาดูแลตัวเองเพื่อให้รู้สึกดีขึ้นและทำให้ชีวิตเดินหน้าต่อไปได้ คือใคร?
• รู้สึกถึงความอับโชคหรือน้อยเนื้อต่ำใจกับฐานะครอบครัว หรือรูปร่างหน้าตา - เราเลือกเกิดไม่ได้ และนั่นก็ไม่ใช่ความผิดของเราที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่มีฐานะ เกิดมาไม่สวย ไม่หล่อ แต่คนที่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกจากการสงสารตัวเองหรือนิยามตัวเองว่ายากจนหรือขี้เหร่ และให้สิ่งเหล่านั้นเป็นแรงบันดาลใจเพื่อหาวิธีจัดการหรือพัฒนาเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ คือใคร?
• ขับรถชนรถคนอื่น - ถึงแม้ว่าการชนจะเป็น’อุบัติเหตุ’ก็ตาม แต่คนที่ต้องรับผิดชอบส่วนกระทบต่างๆที่ข้องเกี่ยวกับคู่กรณีและตัวเราเอง รวมถึงชดใช้ค่าเสียหายตามกฎหมายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คือใคร?
• พนักงานในแผนกส่งของให้ลูกค้าไม่ทันเวลา - คนที่ต้องจัดการตั้งแต่ชี้แนะและวิเคราะห์หาสาเหตุด้วยกันกับพนักงานที่ทำพลาด และปรับปรุง แก้ไข พัฒนาระบบเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำซาก คือใคร?
• ลูกแมวถูกทิ้งร้องอยู่หน้าบ้าน - ไม่ใช่ความผิดของเราที่ลูกแมวถูกทิ้งหน้าบ้านเรา ไม่ว่าจะเลือกตัดสินใจดูแลหรือดูดาย คือใคร?
จากตัวอย่างสถานการณ์ทั้งหมด ทำให้เห็นว่า ความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องและความรับผิดชอบมักปรากฏอยู่พร้อมกัน แต่ทั้งสองไม่ใช่สิ่งเดียวกัน "เรา"จึงมีส่วนร่วมในการ"รับผิดชอบ"ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตทั้งที่ใช่และไม่ใช่ความผิดของเราอย่างปฏิเสธไม่ได้อยู่ตลอดเวลา - ไม่ว่าจะเกิดขึ้นด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม
1
ค่าที่ให้จึงเข้ามามีบทบาทเป็นตัวชี้นำในการเลือกตอบสนองหรือตัดสินใจต่อทุกการรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเองแบบ 360 องศา
บางคนเชื่อในเรื่องของโชคชะตาและมักจะโทษโชคชะตาเมื่อมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นในชีวิต จึงไม่ได้ตอบรับต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรับผิดชอบ ชีวิตจึงตกอยู่ในวงเวียนแห่งความทุกข์ไม่จบสิ้น
ถ้ามองว่าโชคชะตาคือความสำเร็จ ดังนั้นคนที่สร้างโชคขึ้นมาคือตัวเรา เพราะโชคไม่ได้เกิดขึ้นเองแต่เราคือคนที่สร้างมันขึ้นมา หมายความว่า เราสามารถเพิ่มโอกาสเพื่อให้ชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยตัวเอง จากการยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตามด้วยการเรียนรู้ ปรับปรุง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
บอกเตือนตัวเองบ่อยๆว่า ”ชีวิตของเราขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเรา- ไม่ใช่ใครอื่น" เราต้องหยุดคาดหวังหรือเรียกร้องให้คนอื่นมาลงมือทำแทนเรา
บางคนเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะดีพร้อมทุกอย่าง แต่ลงเอยด้วยการอยู่คนเดียวและไม่มีความสุข ขณะเดียวกันอีกคนเติบโตมาในครอบครัวที่ต้องหาเช้ากินค่ำ แต่ผลักดันตัวเองจนประสบความสำเร็จและมีความสุขได้ สิ่งที่ทําให้สองคนนี้แตกต่างกันคือ วิธีการรับมือและจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรับผิดชอบ หรือสร้างโชคให้ตัวเองนั่นเอง
“ความรับผิดชอบ” ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Responsibility กับ Accountability แม้ว่าบางครั้งจะใช้แทนกันได้ แต่มีความหมายที่ค่อนข้างแตกต่างกัน
ถ้าให้คำว่า ความรับผิดชอบ responsibility มาจากคำว่า response(ตอบสนอง) + ability(ความสามารถ)
ดังนั้น ความรับผิดชอบจึงเป็นความสามารถในการสนองตอบต่อหน้าที่เฉพาะเจาะจงที่ได้รับมอบหมายในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งภายใต้เงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดด้วยคนอื่นหรือสังคม ทั้งในด้านส่วนตัวและหน้าที่การงาน ซึ่งเป็นบทบาทในนามของตัวเองเพื่อตัวเองและเพื่อคนอื่นหรือส่วนรวม
เช่น บทบาทพ่อแม่ – มีหน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงดูและให้การศึกษากับลูกตามสมควร มีอำนาจปกครองและสิทธิตัดสินใจที่ข้องเกี่ยวตามกฎหมาย หรือบทบาทครู – มีหน้าที่รับผิดชอบสอนนักเรียนให้เข้าใจข้อมูลเนื้อหาทางวิชาการ รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิต เป็นต้น
ถ้าให้คำว่า ความพร้อมรับผิด accountability มาจากคำว่า account(บัญชีหรือในนามของ) + ability(ความสามารถ)
ดังนั้น ความพร้อมรับผิดจึงเป็นความสามารถที่พร้อมรับต่อผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่ข้องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของตัวเอง ทั้งเรื่องที่ดีและร้าย ด้วยการตัดสินใจเลือกทำในส่วนที่เราควบคุมได้ ซึ่งเป็นบทบาทในนามของตัวเองเพื่อตัวเอง ที่มาพร้อมกับอำนาจอิสระในการตัดสินใจเลือกอย่างมีวุฒิภาวะ ภายใต้ขอบเขตชีวิตที่สอดคล้องตามอิสรภาพทางชีวิตที่มีของตัวเอง
เช่น อกหัก - รับผิดชอบด้วยการเยียวยาดูแลตัวเองให้ดีขึ้น หรือลูกค้าปฏิเสธงาน – รับผิดชอบด้วยการวิเคราะห์ แก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้น เป็นต้น
ทำให้บทบาทในชีวิตจำแนกในความหมายแบบกว้างๆ ได้สองบทบาทคือ
1) บทบาทในนามของตัวเองเพื่อคนอื่น/หรือสังคม
: เป็นบทบาทในการรับผิดชอบตามงานที่ได้รับมอบหมายแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมรอบตัวหรือสภาพสังคมให้มีความสงบสุข ที่ได้มาพร้อมกับสิทธิเสรีภาพในการตัดสินใจทำ ภายใต้กฎเกณฑ์เงื่อนไขที่คนอื่นหรือสังคมกำหนดในรูปแบบของระเบียบข้อกำหนด ศีลธรรมและกฎหมาย
1
2) บทบาทในนามของตัวเองเพื่อตัวเอง
: เป็นบทบาทจำเป็นที่ต้องรับผิดชอบเพื่อขับเคลื่อนชีวิตความเป็นอยู่โดยรวมเพื่อความสุขสงบ ที่มาพร้อมกับอำนาจอิสระต่อทุกการตัดสินใจและการกระทำ ภายใต้ขอบเขตชีวิตที่สอดคล้องตามค่าสำคัญที่ให้และอิสรภาพทางชีวิตที่มีส่วนบุคคล
 
สรุปได้ว่า ทุกบทบาททั้งหมดที่เราต่างได้รับไม่ว่าด้านชีวิตส่วนตัวหรือหน้าที่การงาน จะมาพร้อมกับหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างปฏิเสธไม่ได้
1
นั่นหมายความว่า เราสามารถกำหนดโชคชะตาหรือความสำเร็จในชีวิตได้ด้วยความพร้อมรับผิดชอบต่อสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง ให้สอดคล้องตามวัยที่เติบโตตามจังหวะชีวิต ซึ่งมีการเติบโตที่สำคัญสามอย่าง คือ
1) เติบโตตามวัย - เป็นการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
2) เติบโตตามกฎหมายกำหนดหรือบรรลุนิติภาวะ - เป็นการดูแลและรับผิดชอบชีวิตได้ด้วยตัวเองทุกอย่างภายใต้กฎหมายกำหนด
3) เติบโตตามวุฒิภาวะหรือความเป็นผู้ใหญ่ - เป็นการเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติและอารมณ์ที่เกิดจากการสะสมประสบการณ์การเรียนรู้ เพื่อตอบรับต่อสิ่งที่เกิดขึ้นหรือสถานการณ์รอบตัวด้วยเหตุและผลอย่างครองสติตามวุฒิภาวะที่ควรมี
► ที่มาของความ(พร้อม)รับผิดชอบ
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เติบโตและมีวิวัฒนาการการรวมกลุ่มมาเป็นสังคม เราจึงอยู่หรือชอบอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมมากกว่าการอยู่คนเดียว เราจึงมีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงทางสังคมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
บทบาทต่างๆของเราจึงถูกกำหนดขึ้น เริ่มจากความเป็นลูกที่เป็นบทบาทแรกที่ได้รับจากครอบครัวที่เป็นสังคมแรกที่เราได้สัมผัส จากนั้นก็เป็นบทบาทอื่นๆที่เกิดขึ้นตามวัยที่เปลี่ยนแปลงและการเข้าสังคมอย่างต่อเนื่องจนมาถึง ณ ปัจจุบัน
ขณะที่เราเป็นเด็กยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองและตัดสินใจทำการใดๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตได้ด้วยตัวเอง ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายและวุฒิภาวะที่มี อิสรภาพทางชีวิตทั้งหมดของเราจึงตกอยู่ในความพร้อมรับผิดชอบภายใต้การควบคุมดูแลของพ่อแม่ ตั้งแต่การเลี้ยงดูร่างกายให้เติบโต รวมถึงการดูแลเอาใจใส่ทางจิตใจและอารมณ์ให้แข็งแรงสมบูรณ์ให้เจริญเป็นไปตามวัย
กระบวนการ”เรียนรู้”เกิดขึ้นด้วยวัยที่อยากรู้อยากเห็นทำให้เกิดการลองผิดลองถูก พ่อแม่จึงมีบทบาทสำคัญในการชี้แนะนำทางและอบรมเรื่องผลที่จะตามมาจากการกระทำต่างๆ
พ่อแม่จึงถ่ายทอดทัศนคติและพฤติกรรมที่สอดคล้องตามค่านิยมและอิสรภาพทางชีวิต ที่ส่งผ่านการตัดสินใจที่ได้กำหนดเป็นเงื่อนไขกฎเกณฑ์ในการจัดการดูแลในแต่ละครอบครัว
"ความเป็นเรา"จะถูกถอดแบบจากพ่อแม่ ทัศนคติหรือพฤติกรรมบางอย่างจึงคล้ายคลึงกับพ่อแม่ เราจะมีทัศนคติและพฤติกรรมแบบนั้นจนกว่าจะค้นพบตัวตนที่เป็นของตัวเอง
ไม่ต่างจากที่พ่อแม่นกป้อนอะไรลูกนกก็ได้กินตามนั้น จนกว่าจะเติบโตแข็งแรงหากินเองได้ (พ่อแม่นกจะรวบรวมและเก็บอาหารไว้ที่กระเพาะพักเพื่อให้อาหารนิ่มลงและปลอดภัย ก่อนขย้อนใส่ปากป้อนให้ลูกนก)
โดยเฉพาะช่วงสำคัญในวัยรุ่นที่เป็นวัยเปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กไปสู่วัยผู้ใหญ่ ที่เรารู้สึกสับสน ทำให้ได้เลือกทดลองกับบทบาทใหม่ที่เป็นพฤติกรรมที่แตกต่างจากประสบการณ์เดิม จึงเลือกผิดบ้าง-ถูกบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในการเรียนรู้หาตัวเอง
ในระหว่างกระบวนการนี้ เราอาจต้องปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาตัวเองเพื่อให้เข้ากับสังคมรอบตัว จนทำให้ค้นพบค่าสำคัญหลายอย่างที่สามารถใช้เป็นตัวชี้นำทิศทางชีวิต จนกลายเป็นตัวตนที่แท้จริง
 
ขณะเดียวกัน บทบาทและความรับผิดชอบของเราเริ่มขยับมีมากขึ้นตามสังคมที่เรามีส่วนร่วม ที่มาพร้อมกับคนใหม่ๆที่”ไม่คุ้นเคย” ในแวดล้อมที่”ไม่คุ้นชิน”
เราจึงต้องเลือกตัดสินใจกับความรับผิดชอบที่เรามีมากขึ้นด้วย”ความระมัดระวัง” เพราะผลที่จะตามมา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องหมั่นเรียนรู้เพื่อพัฒนาในแต่ละบทบาทและความพร้อมรับผิดชอบที่ได้รับ”ให้เป็นนิสัย”
แม้ว่าจะมีเหตุผลร้อยแปดที่ดึงรั้งให้ชีวิตติดหล่มย่ำอยู่กับที่ แต่มีสองการกระทำที่เกิดจากตัวเองอย่างเห็นได้ชัด นั่นคือ
1) การโทษตัวเอง
“มนุษย์ไม่มีความสมบูรณ์แบบ"
การหมกมุ่นอยู่กับการตกเป็นเหยื่อกับสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ หรือเฝ้าโทษตัวเองซ้ำๆ ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่จบลงครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่กับตัวเองมากขึ้น กลายเป็นตัวดึงรั้งที่ไม่ได้ช่วยให้ความเป็นอยู่ในปัจจุบันดีขึ้น
การครุ่นคิดและวิเคราะห์เชื่อมโยงเหตุการณ์เพื่อหาเหตุผลกับสิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นพันธนาการที่ผูกมัดระหว่างที่สิ่งเกิดขึ้นซึ่งจบลงแล้วกับความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ละอายใจ หรือความรู้สึกผิด เหมือนเป็นการลงโทษตัวเองเพื่อชดเชยความผิดโดยที่ไม่รู้ตัว
ชีวิตจึงตกอยู่ในวงจรความยุ่งเหยิง ทำให้ลืมรับผิดชอบ(ดูแลตัวเอง)ต่อการดำเนินชีวิตกับเวลาที่มี ณ ปัจจุบัน
บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่างหรือให้เหตุผลกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะความผิด (false) คืออดีตที่ได้เกิดขึ้นและจบลงแล้ว ส่วนการรับผิดชอบ (accountability) คือปัจจุบันที่(ยังคง)เป็นการยินยอมและพร้อมรับต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในนามของเราอย่างรับผิดชอบ
เพราะมนุษย์ไม่มีความสมบูรณ์แบบ ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุมของเราที่เกิดขึ้นได้ทุกขณะ ดังนั้น ใช้ทุกโอกาสที่เป็นประสบการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นให้เป็นบทเรียน เพื่อป้องกันการทำผิดซ้ำๆครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ฉุดรั้งไม่ให้เราเดินไปข้างหน้า
2) การโทษคนอื่นหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว
“ใดๆ โลกนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ”
ถ้าเราติดอยู่ในลัทธินิยมความสมบูรณ์แบบที่เราสร้างขึ้นในโลกแห่งจินตนาการ เราก็จะไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าในโลกแห่งความเป็นจริงได้
2
การโทษคนอื่นหรือหลีกเลี่ยงการรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ทำให้เราติดอยู่ในพื้นที่คุ้นเคย (comfort zone) ที่เราสร้างขึ้นในโลกแห่งจินตนาการ เราจึงติดกับดักอดีตทำให้ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้า
การที่เรา"คิดว่า"ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ที่ทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้รับความรัก การชื่นชม การเคารพ ต่างๆนานา การย้ำคิดย้ำทำจนกลายเป็นความรู้สึกเรื้อรังที่อาจดึงเราไปสู่การลดคุณค่าในตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัว สุดท้ายทำให้รู้สึกถูกขังอยู่ในสถานะที่ด้อยค่า
เราต้องฝึกมองว่า “ตัวเองและคนอื่นหรือสิ่งแวดล้อม” เป็นคนละส่วนที่ต้องแยกออกจากกัน เราไม่สามารถบังคับให้คนอื่นหรือสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนได้ ดังนั้น ให้มุ่งเน้นไปที่การพร้อมรับผิดชอบ ปรับเปลี่ยนและแก้ไขในส่วนที่เราสามารถควบคุมหรือจัดการได้เท่านั้น
ชีวิตเราขับเคลื่อนได้เพราะตัวเราเอง ดังนั้น ให้เวลาตัวเองในการเยียวยาเพื่อก้าวผ่านความรู้สึกที่มีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้
ฝึกบอกเตือนตัวเอง ให้หยุดจับจดอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นและจบลงแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุมของเรา และมองชีวิตอย่างตรงไปตรงมาตามโลกแห่งความจริงอย่างไม่เสแสร้งหรือหลอกตัวเอง ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ปล่อยความเปราะบางทางอารมณ์ที่กำลังรู้สึก แทนการเก็บกดหรือเลี่ยงความรู้สึกที่กำลังเป็นไปลงที่อื่น - ลง(โทษ)ที่คนอื่นหรือลง(โทษ)ที่ตัวเอง
แทนการนำพลังงานชีวิตที่ได้ลงทุนในความสัมพันธ์ที่เสียไปแล้ว นำมาลงทุนกับความสัมพันธ์ใหม่ๆหรือที่เรามีอยู่รอบๆตัวดีกว่า
แทนการใช้เวลาเสียไปกับการครุ่นคิดกับงานที่พลาดไปแล้ว เริ่มหันมาจดจ่อใช้เวลาในการวิเคราะห์ แก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้นดีกว่า
ความสงบสุขในชีวิตนั้นจะมาพร้อมกับความพร้อมรับผิดชอบ และความพร้อมรับผิดชอบมาพร้อมกับพลังสำคัญที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งเราเลือกที่จะรับผิดชอบในชีวิตของเรามากเท่าไหร่ เราจะยิ่งมีอำนาจเหนือชีวิตของเรามากขึ้นเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ก็จะทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองและเข้าใจความหมายของชีวิตตามไปด้วย เพราะความพร้อมรับผิดชอบเป็นบทบาทในนามของตัวเองที่ทำเพื่อตัวเองให้มีความอยู่ดีมีสุขนั่นเอง
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา