16 ก.ค. 2023 เวลา 09:47 • ประวัติศาสตร์

เติ้งเสี่ยวผิง (Deng Xiaoping) ค.ศ.1904-1997

เติ้งเสี่ยวผิงเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่ ความเป็นผู้นำและการปฏิรูปเศรษฐกิจของเขาเปลี่ยนจีนจากเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ การวางแผนจากส่วนกลางไปสู่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจระดับโลก
ชีวิตในวัยเด็กและการศึกษา:
เติ้ง เสี่ยวผิง เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ.1904 ที่เมืองกว่างอาน มณฑลเสฉวน ประเทศจีน เขามาจากครอบครัวชนชั้นกลางและได้รับการศึกษาแบบจีนดั้งเดิม ในปี ค.ศ.1920 เติ้งเดินทางไปศึกษาต่อที่ฝรั่งเศส ซึ่งเขาได้สัมผัสกับแนวคิดและทฤษฎีการเมืองแบบตะวันตก เขาได้เข้าเป็นสมาชิกสันนิบาตเยาวชนลัทธิคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนในยุโรป (ปัจจุบันคือสันนิบาตเยาวชนสังคมนิยมแห่งประเทศจีนในยุโรป)
เติ้ง เสี่ยวผิง อายุ 16 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่ฝรั่งเศส (ค.ศ.1921)
อาชีพทางการเมืองในช่วงต้น:
เมื่อเติ้ง เสี่ยวผิง กลับมาที่ประเทศจีน ปี ค.ศ.1927 เป็นช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนและก๊กมินตั๋งอยู่ในภาวะตึงเครียด เติ้ง เสี่ยวผิง ในวัย 23 ปี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการใหญ่คณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนจนถึงปี ค.ศ.1929 เป็นตัวแทนของพรรคในการนำการปฏิวัติในมณฑลกว่างซี
ต่อมาได้เป็นเลขาธิการใหญ่องค์การบริหารส่วนกลางในกองทัพแดง ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.1934 ได้เข้าร่วมการเดินทางหมึ่นลี้ เมื่อเหมาเจ๋อตงขึ้นเป็นผู้นำคณะรรัฐบาลกลางอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม ค.ศ.1935 เติ้ง เสี่ยวผิง ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าหน่วยเผยแพร่อุดมการณ์ของกองทัพแดง เมื่อสงครามกับญี่ปุ่นปะทุขึ้น เขารับหน้าที่เป็นรองหัวหน้าฝ่ายบริหารของกองทัพปลดปล่อยประชาชนที่ 8
เติ้ง เสี่ยวผิง ได้เข้ารบในสมรภูมิที่ราบจงหยวน ซึ่งได้แก่ พื้นที่ใต้เขตแม่น้ำหวงเหอ(แม่น้ำเหลือง) มณฑลเหอหนัน ตะวันตกของมณฑลซันตง และภาคใต้ของมณฑลเหอเป๋ยและซันซี ในช่วงสุดท้ายของสงคราม เขาได้เป็นผู้บัญชาการในสมรภูมิรบทั้งเขตจงหยวนและหัวตง สามารถยึดฐานที่มั่นของก๊กมินตั๋งเป็นบริเวณกว้างได้ อาทิ หนันจิง ศูนย์บัญชาการของก็กมืนตั๋ง เซียงไฮ้ อันฮุย เป็นต้น
1
เติ้ง เสี่ยวผิงกับเหอหลง (กลาง) และจูเต๋อ (ขวา) (ค.ศ.1949)
ยุคลัทธิเหมาและการต่อสู้ทางการเมือง:
หลังจากการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ค.ศ.1949 เติ้ง เสี่ยวผิง มีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติจีน ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาล ปี ค.ศ.1954 ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ รองนายกรัฐมนตรี ปี ค.ศ.1959 เป็นกรรมการประจำคณธกรรมการกลางการทหารของพรรค เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานและพัฒนาระบบสังคมนิยมตามแนวทางที่เหมาะสม
การฟื้นฟูและการกลับมาของเติ้ง เสี่ยวผิง
ปี ค.ศ.1966 การปฏิวัติวัฒนธรรมได้ระเบิดขึ้น เติ้ง เสี่ยวผิงประสบกับมรสุมทางการเมือง ถูกปลดออกจากตำแหน่งและได้รับคำสั่งให้ไปใช้แรงงานในมณฑลเจียงซี แต่ในปี ค.ศ.1973 ได้กลับมาดำรงตำแหน่งรองประธานของพรรค เมื่อโจวเอินไหล นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ป่วยหนัก เติ้ง เสี่ยวผิงภายใต้การสนับสนุนของผู้นำเหมาเจ๋อตง รับหน้าที่ฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายที่เกิดจากการดำเนินนโยบาลที่ผิด
แก๋ง 4 คน จาง ชุนเฉียว , หวัง หงเหวิน , เหยา เหวินหยวน , เจียง ชิง เรียงจากซ้ายไปขวา
หลังจากที่การเสียชีวิตของประธานเหมา ตุลาคม ค.ศ.1976 แก๋ง 4 คนได้ถูกล้มล้างลง พร้อมการสิ้นสุดของปฏิวัติวัฒนธรรม เติ้ง เสี่ยวผิง ได้กลับมาเป็นผู้นำจีนและครานี้เขาอยู่ในอำนาจอย่างมั่นคงจนกระทั้งเสียชีวิต เติ้ง เสี่ยวผิงตระหนักถึงความสำคัญของการเกษตรในฐานะรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจ และริเริ่มการเลิกเก็บผลผลิตทางการเกษตร เขาแนะนำระบบความรับผิดชอบในครัวเรือนซึ่งอนุญาตให้เกษตรกรมีที่ดินส่วนบุคคลและขายผลผลิตส่วนเกินเพื่อหากำไร
1
การปฏิรูปเศรษฐกิจของเติ้งและนโยบายเปิดประตู
เติ้ง เสี่ยวผิงส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เขาสนับสนุนการร่วมทุนระหว่างบริษัทต่างชาติและคู่ค้าของจีน ส่งผลให้เกิดการถ่ายโอนเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้านการจัดการไปยังประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม เติ้งเผชิญกับความท้าทายเมื่อการประท้วงปะทุขึ้นในปี ค.ศ.1989 ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองและประชาธิปไตย รัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยการปราบปราม ส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิตจำนวนมาก แม้ว่าเหตุการณ์ในจัตุรัสเทียนอันเหมินจะทำให้ชื่อเสียงของเติ้ง เสี่ยวผิงเสื่อมเสีย แต่เขายังคงมีอิทธิพลในฐานะผู้นำสูงสุดและยังคงใช้อิทธิพลอยู่เบื้องหลังจนกระทั่งเกษียณอายุอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1992
ป้ายโฆษณาเติ้ง เสี่ยวผิง ในสวนหลี่จื้อ เซินเจิ้น หนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกของจีน และถือเป็นซิลิคอนวัลเลย์ของจีน
เติ้ง เสี่ยวผิง ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบที่กรุงปักกิ่ง วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1997 แม้ว่าเขาจะไม่เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี หรือ นายกรัฐมนตรีเลย ทว่าภารกิจที่รับผิดชอบต่อการบริหารประเทศนั้นยิ่งใหญ่กว่าตำแหน่งทางการเมืองใดๆ คุณูปการทั้งหลายที่เขาได้กระทำไว้แก่ประเทศชาติและประชาชน ตลอดจนแนวความคิดที่ตกทอดมาในประเทศ ทำให้เติ้ง เสี่ยวผิงได้ชื่อว่าเป็นนักปกครองที่นำความมั่งคั่งมาสู่ชีวิตชาวจีนในวันนี้
นอกเหนือจากผลงานที่ยิ่งใหญ่แล้ว สิ่งหนึ่งที่คนทั้งประเทศจีนและทั่วโลกต่างจดจำนั้นก็คือ วาทะเด็ดที่แสดงให้เห็นทั้งความคิดและทฤษฎีของเขา ดังเช่น
ไม่ว่าแมวขาวหรือแมวดำ ขอเพียงจับหนูได้ก็คือแมวที่ดี
เติ้ง เสี่ยวผิง
ประโยคยอดนิยมของเติ้ง เสี่ยวผิงที่คุ้นหูกันเป็นอย่างดี และยังมีคำกล่าวที่สะท้อนให้เห็นถึงการมองการไกลและเข้าใจในชีวิต บนแนวทางปฏิบัติที่เป็นจริง ดังคำกล่าวที่ว่า
การปฏิบัติคือมาตรฐานเพียงหนึ่งเดียวที่จะทดสอบสัจธรรม
เติ้ง เสี่ยวผิง
นี้คือความในใจของวีรบุรุษผู้เติบโตภายใต้การกล่อมเกลาด้วยจิตวิญญาณแห่งวัฒนธรรมจีน
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference เติ้งเสี่ยวผิง (Deng Xiaoping) :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา