23 ก.ค. 2023 เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์

เฟอร์ดินานด์ มาเจลแลน (Ferdinand Magellan) เดินเรือรอบโลกคนแรก

ชีวิตในวัยเด็กและภูมิหลัง
Ferdinand Magellan หรือที่รู้จักในชื่อ Fernão de Magalhães เป็นนักสำรวจชาวโปรตุเกสที่มีบทบาทสำคัญในการเดินเรือรอบโลกในยุคแรกๆ เขาเกิดราวปี ค.ศ.1480 ในเมืองซาโบรซา ทางตอนเหนือของโปรตุเกส ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับชีวิตในวัยเด็กของเขา ตามประวัติบอกเอาไว้ว่า บิดาและมารดาของเขาเสียตั้งแต่อายุได้เพียง 10 ปี แต่เชื่อกันว่าเขามาจากตระกูลขุนนางชั้นสูงที่มีพื้นเพมาจากการเดินเรือ ซึ่งนั้นทำให้เขามีความสนใจในการสำรวจและเดินเรือตั้งแต่อายุยังน้อย
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 โปรตุเกสอยู่ในระดับแนวหน้าของยุคแห่งการสำรวจ ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากความปรารถนาที่จะค้นหาเส้นทางการค้าใหม่ ๆ และสร้างการเชื่อมต่อโดยตรงกับตลาดที่ร่ำรวยของเอเชีย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจักรวรรดิออตโตมันควบคุมเส้นทางบกไปยังตะวันออก ทำให้การสำรวจทางทะเลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเข้าถึงความมั่งคั่งและดินแดนเครื่องเทศของตะวันออก
ภาพวาดของเรือในสมัยนั้น
แรกออกเดินทาง
ในช่วงต้นอาชีพของเขา มาเจลแลนรับราชการในกองเรือโปรตุเกสภายใต้ผู้บัญชาการหลายคน เขาได้รับประสบการณ์อันมีค่าและความรู้ในการเดินเรือและเทคนิคการเดินเรือ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนความพยายามในการเดินเรือของเขา เมื่อมาเจลแลนอายุได้ 25 ปี ก็ได้ออกเดินทางไกลไปยังเอเชียครั้งแรก ในปี ค.ศ.1505 โดยเขาได้ถูกส่งตัวไปที่อินเดียเพื่อแต่งตั้ง ฟรานซิส โก เดออัลไมดา เป็นผู้สำเร็จราชการโปรตุเกสในดินแดนตะวันออกไกล
การเดินทางครั้งนี้ทำให้มาเจลแลน มีประสบการณ์สงครามเป็นครั้งแรก เรียกว่าสงครามดิอู ในปี ค.ศ.1509 เกิดจากการที่ซาโมรินต้องเสียหายจากการโจมตีอย่างฉับพลันของกองเรือโปรตุเกสจนส่งผลให้ซาโมรินจำเป็นต้องหาพันธมิตรที่ต่างเกลียดชังโปรตุเกส ซึ่งคืออิยิปต์ อิยิปต์ได้ส่งกองเรือมาตั้งฐานทัพของตัวเองที่เมืองดิอู ซึ่งอยู่ห่างจากกาลิกัตไม่มากนัก กลายเป็นกองทัพร่วมระหว่างอียิปต์กับกาลิกัตที่ต้องปะทะกับกองเรือโปรตุเกสอยู่เนื่องๆ สงครามครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อ กุมภาพันธ์ ค.ศ.1509
ช่องแคบมาเจลแลน
การสงครามครั้งนี้โปรตุเกสได้รับชัยชนะจากที่ในช่วงแรกดูเหมือนกำลังจะแพ้ แต่เกิดเหตุการณ์คือสุลต่านแห่งคัมเบย์ ซึ่งก่อนหน้าเป็นพันธมิตรกับอียิปต์และกาลิกัตเป็นใจมาเข้าร่วมกับโปรตุเกส ทำให้โปรตุเกสเข้ายึดเมืองดิอูได้สำเร็จ ซึ่งสงครามครั้งนี้มาเจลแลน ได้รับบาดเจ็บและได้หลบหนีสงคราม ทำให้เขากลายเป็นที่เกลียดชังของอัลไมดา และโดนกล่าวหาว่าทำการค้าที่ผิดกฏหมายกับพวกมัวร์ (Moors พวกอาหรับ) ทำให้ต้องออกจากราชการและหนีไปทำงานที่สเปนแทน
ค้นหาเส้นทางตะวันตกสู่หมู่เกาะเครื่องเทศ
เมื่อกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 1 แห่งประเทศสเปนมีนโยบายให้เรือของสเปนสามารถเดินทางไปจนถึงเอเชียให้ได้ ด้วยแรงกระตุ้นจากความปรารถนาที่จะได้รับการยอมรับและความมั่งคั่ง มาเจลแลน ก็ถือโอกาสนี้เข้าเฝ้าและเสนอแผนการที่จะค้นหาทางลัดไปเอเชีย ในปี ค.ศ. 1517
สนธิสัญญาทอร์เดซิลลาส ได้แบ่งดินแดนที่เพิ่งค้นพบระหว่างสเปนและโปรตุเกส โดยการแบ่งคนเป็น 2 ส่วน
ในตอนนั้น สนธิสัญญาทอร์เดซิลลาส (ค.ศ. 1494) ได้แบ่งดินแดนที่เพิ่งค้นพบระหว่างสเปนและโปรตุเกส โดยการแบ่งคนเป็น 2 ส่วน โดยสเปนได้รับซีกโลกตะวันตก มาเจลแลนเชื่อว่าหมู่เกาะเครื่องเทศอยู่ในเขตปกครองของสเปน และเขาตั้งเป้าที่จะไปถึงพวกเขาด้วยการล่องเรือไปทางตะวันตก หลีกเลี่ยงเส้นทางรอบแอฟริกาที่ปกครองโดยโปรตุเกส
ในปี ค.ศ. 1519 พระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งสเปน (หรือที่รู้จักกันในชื่อจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ชาร์ลส์ที่ 5) ตกลงที่จะสนับสนุนการเดินทางของมาเจลแลน พระมหากษัตริย์สเปนทรงหวังว่าการเดินทางจะช่วยให้สเปนสามารถเข้าถึงการค้าเครื่องเทศที่ร่ำรวยและเสริมสร้างสถานะในการแข่งขันระดับโลกกับโปรตุเกส
กองเรือและการเดินทางของมาเจลลัน; เส้นคู่แสดงถึงการเดินทางของมาเจลลันจากโปรตุเกสไปยังโมลุกกะ บรรทัดเดียวติดตามการเดินทางที่ยาวนานและต่อเนื่องของเขาจากสเปนไปยังฟิลิปปินส์
หน้า 4: การเดินทางของวิคตอเรีย
วันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1519 มาเจลแลนออกเดินทางจากเมืองเซบียา ประเทศสเปน โดยมีกองเรือ 5 ลำ ได้แก่ เรือ Trinidad, San Antonio, Concepción, Victoria และ Santiago คณะสำรวจต้องเผชิญกับความท้าทายและความยากลำบากมากมายขณะเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
เดินผ่านน่านน้ำที่เชี่ยวกรากทางตอนใต้สุดของอเมริกาใต้ (ปัจจุบันเรียกว่าช่องแคบมาเจลแลน) และเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกอันกว้างใหญ่ การเดินทางเป็นไปอย่างทรหด และลูกเรือหลายคนเสียชีวิตเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย ขาดเสบียงอาหาร และความขัดแย้งกับชนพื้นเมือง ในเดือนมีนาคม ค.ศ.1521 มาเจลแลน เดินทางมาถึงหมู่เกาะซึ่งเป็นประเทศฟิลิปปินส์ในปัจจุบัน ใช้เวลาข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งหมดกว่าสามเดือน เรื่องความลำบากนี้ ได้มีลูกเรือบันทึกข้อความไว้ว่า
วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน เราผ่านช่องแคบได้สำเร็จออกมาสู่มหาสมุทรที่เราตั้งชื่อว่า แปซิฟิค แล้วเราก็แล่นเรือเข้าสู่ทะเลลึกเป็นเวลา 3 เดือน 20 วัน โดยไม่เห็นฝั่งและไม่มีเสบียงเพิ่มเติม ขนมปังกรอบมันยุ่ยกลายเป็นฝุ่นไปหมดแล้วแถมเหม็นเยี่ยวหนูด้วย น้ำดื่มก็เหม็น เราจำใจต้องดื่มมันลงไป แต่ถึงอย่างไรเราก็ไม่อดตายเพราะเรายังมีหนังสัตว์อีกมาก คือแผ่นหนังที่ใช้บุจุดสำคัญๆในเรื่อเช่นตรงจุดที่จะถูกเชือกถูไถอยู่บ่อยๆ เป็นต้น
บันทึกข้อความของลูกเรือ
มันแข็งมากเพราะโดนแดดโดนน้ำมานาน ต้องแช่น้ำทะเลตั้ง 4-5 วัน จึงอ่อน เราเอามาปิ้งกินกัน หนักๆเข้าก็กินขี้เลื่อย กินเนื้อหนูที่แสนจะขยะแขยง ไล่จับเอาในเรือนี้แหละที่ร้ายกาจก็คือหลายคนเป็นโรคเหงือกบวม บวมมากขนาดเคี้ยวอาหารไม่ได้ ลูกเรือ 19 คนตายเพราะโรคนี้
บันทึกข้อความของลูกเรือ
1
โรคเหงือกบวมที่ลูกเรือได้บันทึกคือโรคลักปิดลักเปิดซึ่งเป็นโรคสำคัญที่เกิดขึ้นกับนักเดินเรือทางไกลสมัยนั้น ว่ากันว่าสาเหตุของโรคนี้มาจากการที่ร่างกายขาดวิตามินซีจนส่งผลทำให้ร่างกายบวมและเกิดแผลตรงปากกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของมาแจลแลน, เกาะ Mactan ค.ศ.1521. ภาพจิตรกรรมโดย Gregory Manchess
วันที่ 6 มีนาคม ค.ศ.1521 กองเรือของมาแจลแลนก็มาพบกับเกาะซามาร์จองฟิลิปปินส์พบกับชาวบ้านทีมีเครื่องเทศไว้กินกันเยอะแยะ กองเรือสเปนได้รับการต้อนรับจากชาวพื้นเมืองอย่างดี ต่อมากองเรือของเขาก็เดินทางต่อมาถึงเกาะเซบู ที่แห่งนี้เองที่ มาแจลแลนต้องพบกับสิ่งที่คาดไม่ถึง
ทั้งนี้เพราะในระหว่างนั้นเมืองเซบูกำลังมีสงครามอยู่กับเมืองลาปูลาปู(Lapu lapu City)มาแจลแลนและลูกเรือจึงอาสาเข้าไปช่วยเจ้าเมืองเพื่อพิสูจน์ความจริงใจในการต่อสู้ มาแจลแลนพลาดท่าถูกชาวมัคตานสังหารในที่สุด มาแจลแลนเสียชีวิตไปเมื่อ 27 เมษายน ค.ศ.1521 ความปราชัยนี้ไม่ได้ขัดขวางลูกเรือที่เหลือ และภายใต้การนำของฮวน เซบาสเตียน เอลกาโน เรือวิกตอเรียเดินทางต่อไปทางตะวันตก
วิกตอเรียซึ่งเป็นเรือเพียงลำเดียวในกองเรือของมาเจลลันที่เดินเรือจนครบ รายละเอียดจากแผนที่ Ortelius ค.ศ. 1590
หน้า 5: การโคจรรอบโลกครั้งแรก
ภายใต้การแนะนำของเอลคาโน เรือวิกตอเรียแล่นต่อไปผ่านมหาสมุทรอินเดีย รอบๆ แหลมกู๊ดโฮป และในที่สุดก็กลับสู่สเปนในวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1522 การเดินเรือรอบโลกที่ประสบความสำเร็จถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าโลกกลมและเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับการค้าและการสำรวจทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของคณะสำรวจนี้ต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่สูง เรือวิคตอเรียเพียงหนึ่งในห้าลำที่เดินทางเสร็จสิ้น และลูกเรือเพียง 18 คนจากทั้งหมด 270 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต อย่างไรก็ตาม การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ของการสำรวจและเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นและความกล้าหาญของมนุษย์
1
สิ่งที่เหลือไว้ของเฟอร์ดินานด์ มาเจลแลนยังคงฝังลึกอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์การเดินเรือ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของการเดินทางที่เขาริเริ่มไว้ แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ได้ปูทางให้กับนักสำรวจคนต่อๆ ไป กระตุ้นให้เกิดการเดินทางต่อไปที่จะกำหนดทิศทางของประวัติศาสตร์โลก การเดินทางของมาเจลแลนช่วยเสริมแนวคิดเรื่องการเชื่อมต่อทั่วโลกและวางรากฐานสำหรับนักสำรวจในอนาคตที่ต้องการไขปริศนาของโลก
1
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference เฟอร์ดินานด์ มาเจลแลน (Ferdinand Magellan) :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา