26 ก.ค. 2023 เวลา 12:19 • การศึกษา

EP.1 กริฟฟิน สัตว์เทพผู้พิทักษ์แห่งไฮเปอร์โบเรีย ดินแดนแห่งเหมืองทองคำ

มีสัตว์ในตำนานมากมาย ในดินแดนเทพนิยาย แต่ในบรรดาสัตว์เหล่านั้น ที่ผมคิดว่าหลายคนจะต้องรู้จักกันดี นั่นก็คือกริฟฟิน หรือเรียกในอีกชื่อคือกริฟฟอน ในวันนี้ผมจะมาบอกเล่าถึงเรื่องราวของพวกมัน สัตว์เทพที่คอยพิทักษ์ดูแลเหมือนทองคำ ในดินแดนไฮเปอร์โบเรีย ดินแดนที่มีแต่แสงอรุณตลอดกาล และเรื่องราวของพวกมันจะเป็นอย่างไร?
กริฟฟอนเป็นสัตว์ในตำนานของเทพนิยายกรีก ร่างกายส่วนหัวและขาคู่หน้า จะเป็นนกอินทรีมีปีก ส่วนลำตัวและขาคู่หลังจะเป็นสิงโต กริฟฟอนจะมีหางเป็นงู บางจำพวกก็มีหางเป็นสิงโต ขนบนหลังของ กริฟฟอนเป็นสีดำ ขนข้างหน้าเป็นสีแดง ส่วนขนปีกเป็นสีขาว อาศัยอยู่ในถ้ำตามภูเขา กริฟฟอนจะมีแต่ตัวเมียเท่านั้นที่มีปีก ส่วนตัวผู้บริเวณปีก จะเป็นหนามแหลมแทน ลักษณะบางอย่างของกริฟฟอน ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยพูดถึงก็คือ มีหูเป็นม้าหรือลา และบางทีมีหางเป็นงู กริฟฟอนเป็นสัตว์ที่ชอบทองและอัญมณี
คนส่วนมากมักจะคิดว่ากริฟฟอน เป็นสัตว์ในเทพนิยายกรีก แต่ความจริงมีหลายชนชาติ ที่เล่าถึงเรื่องราวของกริฟฟอนเอาไว้ เช่น ในอียิปต์และยูเครน และคาดว่าอินเดียน่าจะเป็นชนชาติแรก (แต่ไม่มีใครยืนยันได้)
กริฟฟอนมักทำรังเหมือนนกอยู่ตามริมฝาสูง แต่ไข่ของมันไม่ใช่ไข่ของนกทั่วไปเพราะไข่ของมันเป็นโมรา คืออัญมณีชนิดนึ่ง ซึ่งมีอยู่หลายแบบทั้งในด้านสีและความทึบใสต่างๆ มีทั้งแดง เขียวอ่อน ฟ้า เทา ขาว ส้ม ฯลฯ
ชาวอียิปต์สมัยก่อนถือเป็นเครื่องรางชนิดนึ่ง กริฟฟินมีนิสัยที่ประหลาด คือเป็นคู่ปรับตัวฉกาจของม้า แต่ถ้ากริฟฟอนผสมพันธุ์กับม้า เราจะเรียกลูกของมันว่าฮิปโปกริฟ มีลักษณะเหมือนกริฟฟอนทุกอย่าง ยกเว้นจะมีลำตัวเป็นม้า ไม่ใช่สิงโตเหมือนกริฟฟอน ลักษณะที่ได้จากการผสมพันธุ์แบบนี้ คือสัญลักษณ์ของความรักที่เป็นไปไม่ได้
ในตำนานกรีก กริฟฟอนเป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์เหมืองทองคำของดินแดนไฮเปอร์โบเรีย (ดินแดนในตำนานทางขั้วโลกเหนือ มีแสงอาทิตย์ และความอุดมสมบูรณ์ตลอดกาล) เป็นรูปจำแลงของเทพีเนเมซิส เทพแห่งความพยาบาท ทำหน้าที่หมุนวงล้อแห่งโชคชะตา และกริฟฟอนยังเป็นผู้ลากรถม้าของเทพอพอลโล่ (เทพแห่งแสงอาทิตย์) ด้วย
กริฟฟอนเป็นตัวแทนของพลังอำนาจ แต่บางทีก็ถือเป็นตัวแทนแห่งความหยิ่งยโสด้วย ในยุคแรกกริฟฟอนถูกเปรียบเทียบให้เป็นเหมือนซาตาน คอยล่อลวงวิญญาณมนุษย์ให้มาติดกับ แต่อย่างที่ผมบอกว่า ไม่มีอะไรที่แน่นอนในโลกนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา
พอเวลาผ่านไป กริฟฟอนจากสัตว์ที่ถูกใช้เป็นตัวแทนพลังอำนาจชั่วร้ายของซาตาน ก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเหล่าเทพและมนุษย์ และสำหรับพระเยซูด้วย กริฟฟอนเป็นจ้าวพิภพและเวหา อีกทั้งยังมีรัศมีแห่งแสงอาทิตย์ มีศัตรูคู่อริคือบาซิลิสก์ เปรียบกับรูปจำลองของซาตาน ปัจจุบันกริฟฟอนสามารถเห็นได้ในแบบของงานศิลปะในหลายๆวัฒนธรรม และพบได้ในตราประจำตระกูล รูปสัตว์ต่างๆ ประติมากรรมเก่าแก่ นิทาน และในตำนานต่างๆทั่วโลก
จากที่ผมเล่ามากริฟฟอนมีบางอย่างที่คล้ายกับพระเยซูคริสต์ ผมจะเปรียบเทียบแยกออกมาเป็นข้อๆนะครับ
1.พระเยซูมีศัตรูคู่อริคือซาตาน กริฟฟอนก็มีศัตรูคู่อริคือบาซิลิสก์ เปรียบได้กับรูปจำลองของซาตาน กริฟฟินจะเป็นสัตว์เทพที่เป็นนก ตรงกับข้ามกับบาซิลิสก์ จะเป็นสัตว์ร้ายที่เป็นงู
2.พระเยซูมีรัศมีภาพที่ส่องสว่าง กริฟฟินก็มีรัศมีภาพเป็นดวงอาทิตย์
3.พระเยซูสัญลักษณ์มีพลังอำนาจในการเป็นมนุษย์และพระเจ้าในช่วงเวลาเดียวกัน กริฟฟอนก็มีพลังอำนาจในการเป็นทั้งจ้าวพิภพและจ้าวเวหาในช่วงเวลาเดียวกัน
เรื่องราวของกริฟฟอน นอกจากจะให้ทั้งความรู้และความสนุกแล้ว ผมยังได้ข้อคิดจากตำนานในเรื่องนี้ด้วยก็คือ ไม่มีอะไรที่จะคงสภาพเดิมไปตลอดกาล ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
เหมือนกับกริฟฟอน ที่เดิมทีถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ในช่วงยุคแรกและถูกเปรียบให้เป็นตัวแทนของกับซาตาน พอกาลเวลาผ่านไป กริฟฟินก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงาม ทั้งของทวยเทพและมนุษย์ ทั้งยังทำหน้าที่เป็นผู้ลากรถม้าให้กับเทพอพอลโล่ (เทพแห่งดวงอาทิตย์) อีกด้วย
เช่นเดียวกับมนุษย์อย่างเราๆ ที่เมื่อก่อน เราเคยเป็นคนที่ชอบก่อแต่ปัญหา ทำให้คนรอบข้างเดือดร้อนอยู่เสมอ แต่พอวันเวลาผ่านไป เมื่อเราเกิดสำนึกในความผิด ที่เคยกระทำลงไป เราเองก็สามารถกลับตัวกลับใจ เพื่อให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นในภายหลังได้เสมอ
*ห้ามนำบทความไปดัดแปลง แก้ไข หรือทำไม่ได้รับอนุญาต
แหล่งข้อมูล.
ช่องทางติดตามเรา.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา