บาตู ... เค้ามูอะไรกัน
เช้านี้แดดดี ฟ้าใส ออกมาหาร้านข้าวแกงท้องถิ่นกิน ร้านข้าวแกงแถวที่พักเปิดแต่เช้า กับข้าวเต็มตู้ เราก็จิ้มๆว่าอยากกินอะไร แล้วเราก็บอกว่าอยากกินไก่ นางก็บอกว่า ไอมีไก่เยอะแยะเลย พร้อมกับเข็นรถเข็นออกมา มีไก่ในน้ำซอสต่างกันประมาณ 5 แบบ นางก็พยายามอธิบาย แต่สุดท้ายก็ไม่รอด จบลงตรงที่ เลือกเลย อร่อยทุกอย่าง เราก็เลยจัดอะไรที่เดารสชาติได้มากิน
ข้าวราดแกงและไก่นานาชนิด
จากนั้นก็เดินทางซ้ำรอยเดิมจ้า วันนี้เราต้องได้ไปถ้ำบาตู เป็นอีก 1 จุดเชคอินที่ต้องมา ฟ้าใส แดดแรงเลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้ามามูอะไรกันที่นี่ แต่วิวตอนเดินขึ้นไปบนสุดสวยดี แต่ในถ้ำชื้นและเหม็นกลิ่นค้างคาว มีความสยองๆว่าจะมีเชื้อโรคประหลาดๆอะไรรึเปล่า บันไดชันอยู่ สูงด้วย แต่ค่อยๆเดิน เดี๋ยวก็ถึง แสงลอดลงมาในถ้ำสวยดี ด้านในมีเหมือนเป็นศาสนสถานของฮินดู ในพื้นที่แบบนี้เราจะไม่เดินเข้าไปเลย ไม่รู้ว่าเค้ามีธรรมเนียมอะไรรึเปล่า เดี๋ยวทำผิดธรรมเนียมกลายเป็นลบหลู่ศาสนาเค้า เดี๋ยวงานจะเข้า
ว่าเดินถึงแล้ว ในถ้ำยังมีบันไดเดินขึ้นไปอีก!!!
บริเวณรอบๆมีน้องลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนมาลงมากินผลไม้ที่คนเอามาให้ เท่าที่สังเกตพฤติกรรม ดูนิสัยดีกว่าลิงเมืองไทยมาก ยังไม่เห็นฉกของกินจากมือนักท่องเที่ยว ด้านข้างของถ้ำ ก็มีถ้ำเล็กๆให้เข้าไปชมเหมือนกัน ข้างในแสดงประวัติอะไรซักอย่าง แล้วก็มีความมืดพอสมควร ค่าเข้า 5 ริงกิต ไม่ต้องเข้าก็ได้
ถ้ำข้างๆ มาแล้วต้องเก็บให้ครบ
ตกบ่ายไปมัสยิดสีชมพู นั่งรถไฟฟ้ามาต่อรถเมล์ รอรถเมล์นานมาก ป้ายก็ไม่มี คุยกับคนขับ นางชี้ไปบอกว่าคันนี้แหละ แต่ยังไม่ออก ประเด็นคือมันเป็นรถเมล์คนละสายกับที่เราหามา พอนางจะออกรถ นางก็มาเรียก รถเมล์สายที่ไปถึงมัสยิด ไม่มีใครขึ้นเลย นอกจากเรา ก็ยังหวั่นเบาๆ ว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง รถขับออกไปได้ซักระยะก็เข้าตัวเมืองที่ดูใหม่มาก ตึกรามบ้านช่องดูสะอาดเป็นระเบียบ เมืองปุตราจายา ถึงกับต้องจำชื่อนี้ไว้เลย เมืองนี้เป็นเมืองที่เพิ่งสร้างใหม่ เอาหน่วยงานรัฐมาตั้งไว้ที่เมืองนี้ มิน่าล่ะถึงได้ดูดีเชียว
ท่ารถเมล์ที่ไร้ผู้คน บนรถเมล์ที่มีเราคนเดียว กับเมืองใหม่ที่เป็นระเบียบมาก
พอถึงป้ายคนขับก็จอดให้ลงพร้อมชี้ว่าเดินต่อไปทางโน้นนะ ถึงคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แต่นางก็น่ารักมาก ที่มาเลย์ฝนตกทุกวัน ดีที่เอาร่มมาด้วย พอถึงมัสยิดฝนก็หยุดตกพอดี การเข้ามัสยิดต้องแต่งกายให้คลุมหัว คลุมข้อมือ คลุมข้อเท้า ถ้าชุดที่ใส่มาไม่เข้าข่าย เค้ามีเสื้อคลุมให้ใส่ ถ้ายังไม่ใส่เสื้อคลุมไม่สามารถเดินเข้าบริเวณมัสยิดได้ มัสยิดแห่งนี้เป็นสีชมพูจริงๆ แล้วฮวงจุ้ยมันต้องดีมากๆ อยู่ติดริมแม่น้ำ มีความลมพัดเย็นผ่านเข้ามา เข้าไปนั่งแล้วชิลมาก แต่ด้านในเค้าก็แบ่งส่วนนักท่องเที่ยวกับส่วนคนมุสลิมแยกกัน
พร้อมเข้ามัสยิดค่ะ!!!
หลังจากเดินชมรอบมัสยิดสีชมพูก็พบว่าแม่น้ำด้านข้างมัสยิดมีให้ล่องเรือชมวิวไว้ จัดไปค่ะ!!! เดินออกจากมัสยิดมาได้หน่อยจะมีบันไดลงไปชั้นล่าง มีจุดขายตั๋ว น้ำและขนมอยู่ เรือมี 2 แบบคือเรือใหญ่กับเรือเล็ก ซึ่งเราดูแล้วว่าเรือเล็กเห็นวิวสวยกว่า แต่คนส่วนใหญ่เลือกเรือใหญ่เพราะมันเป็นห้องแอร์
ซื้อตั๋ว เสร็จก็ต้องรอรอบเรือออก เลยไปหาอะไรกินก่อน ใครจะมากิน แนะนำว่าอย่าสั่งผัดเส้น เพราะมันแฉะมาก!!! มีวางบอมพริกทั้งเม็ดมาด้วย
เส้นผัดไก่ทอดใส่พริกทั้งเม็ด!!!
พอถึงเวลาลงเรือ เรือรอบนั้นมีแค่เรากับแม่ลูกอีกคู่นึง เรือแล่นออกไปชมวิวรอบๆ ลมพัดเย็นๆหลังฝนตก อากาศดีมาก มีคนมาพายคายัคแถวนี้ด้วย
ล่องเรือรับลม ชิลไปอีก
ขากลับไปถาม tourist information ว่ารถเมล์มากี่โมง นางตอบว่า "เรียกแกรบเถอะ อย่ารอเลย"
ตามนั้นจ้ะ ไม่รอรถเมล์แล้ว เรียกแกรบไปส่งที่รถไฟฟ้าเลย ที่นี่สามารถใช้แกรบเมืองไทยเรียกได้เลย ตัดบัตรเครดิตที่ผู้ไว้กับแอปนั้นแหละ สบายสุดๆ กลับมาถึงโรงแรมด้วยความเหนื่อยล้า แต่อยากกินบักกุ๊ดเต๋กับปาท่องโก๋ แต่พอดูจากแผนที่คือแถวที่พักไม่มี ต้องออกไปอีกไกล ก็เลยเรียกแกรบฟู้ดให้มาส่งที่โรงแรมซะเลย ชีวิตมีแกรบมันดีอย่างงี้นี่เอง!!!
จบไปอีก 1 วัน ขาแทบลากทุกวัน...นอนค่ะ เดี๋ยวต่อกันวันพรุ่งนี้
สปอนเซอร์แกรบต้องเข้าแล้ว!!!
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
