11 ส.ค. 2023 เวลา 11:00 • ท่องเที่ยว
กาฐมาณฑุ

Ep.1 โดดออฟฟิศไปกอดหิมาลัยที่เนปาล | เนปาลในความทรงจำ

การเดินทางของพนักงานออฟฟิศ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเบิร์นเอาท์ ไม่มีเวลามากพอที่จะเตรียมตัว และก็ยุ่งมากจน
ลืมเตรียมใจ
ในตอนนั้น ความจริงเราอาจไม่ได้ลืมเตรียมใจจริงๆ ก็ได้ ก็แค่แกล้งมองข้ามมันไป
มองข้ามความกังวล มองข้ามความยากลำบากที่อาจต้องพบเจอระหว่างทาง มองข้ามความไม่รู้ แค่ต้องการพาตัวเองหลบไปอยู่ในมุมที่เงียบสงบ ทบทวนชีวิตในช่วงที่ผ่านมา
1
เอาเข้าจริงการเดินทาง มันไม่เคยเป็นไปอย่างที่เราคาดคิดเลย มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น นำพาเราไปเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ เพาะบ่มเราให้เติบโต
อ่านเรื่องราวการเดินทางในซีรี่ย์นี้ทั้งหมดได้ที่
ใช่ ฟังไม่ผิด
ปี 2070
ในขณะที่เวลาสากลคือปีค.ศ. 2010 สำหรับประเทศไทยก็คือปีพ.ศ 2553 นับจนถึงวันนี้ ผ่านมาก็นานอยู่เหมือนกันนะ ที่ตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น
บันทึกการเดินทางที่เกือบจะหลงลืม
เรื่องราวหลายอย่างถูกผนึกไว้ในส่วนลึกของความทรงจำ บางเรื่องจำได้ชัดแจ้ง แต่บางเรื่องกลับเลือนลาง
โชคดีที่เราไปค้นเจอบันทึกการเดินทางและเอกสารบางส่วน เก็บอยู่ในถุงซิปล็อคพลาสติกใสสีหม่น ทำให้รายละเอียดต่างๆ เริ่มผุดขึ้นมาในความทรงจำ ราวกับดอกไม้ในทุ่งหญ้าที่แข่งกันผลิบาน
ความเนปาลมาเสิร์ฟถึงหน้าประตูเครื่องบิน
เราเดินทางด้วยสายการบินเนปาลแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่เท่าไหร่จำไม่ได้ จำได้แค่เครื่องดีเลย์ไปจนถึง 18:10 น. (ขอบคุณสมุดบันทึก ที่จดไว้แม้กระทั่งเวลาเครื่องบินดีเลย์ จดทำไมก่อน 😅)
พอเครื่องมาถึงเราก็พร้อมที่จะเดินทาง แต่สายการบินให้เด็กกับชั้นธุรกิจขึ้นเครื่องก่อน พวกเราก็ต่อแถวรอกันไป
ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่น ทยอยกันเดินจนกระทั่งถึงหน้าประตูเครื่องบิน ก็โดนพนักงานต้อนรับยั้งไว้ไม่ให้เข้า
"ไชน่า ไชน่า"
'อะไรวะ ไชน่า ไชน่า'
เสียงพนักงานต้อนรับบนเครื่องพูดผ่านสายโทรศัพท์บนเครื่อง หันซ้ายหันขวาก็เห็นแต่ชาวสุรินทร์เนี่ยน กับชลบุเรี่ยน สมาชิกร่วมทริปอีก 2 คน ไม่เห็นมีสักไชน่า
แต่คิดไปก็ไม่ได้คำตอบ ไม่นานพนักงานก็ผายมือเชิญพวกเราเข้าเครื่อง เขาคงไม่ได้หมายถึงเราตั้งแต่ต้น
เพียงแค่ยืนหน้าเข้าไปในเครื่อง สูดลมหายใจแรก เราก็เหมือนข้ามเข้าไปในประเทศเนปาลแล้วครึ่งตัว กลิ่นเครื่องเทศนัวจนตีกับเบอร์เกอร์ซับเวย์ที่กินไปเมื่อบ่าย ความรู้สึกมันปนเปจนหยุดหายใจไปชั่วขณะ แต่ 10 นาทีให้หลังจมูกมันก็ชินไปเอง (ขอบคุณความมหัศจรรย์ของร่างกาย)
ว่ากันว่าเที่ยวบินไปเนปาล ในวันที่สภาพอากาศแจ่มใส เราสามารถมองเห็นยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ ผ่านทางหน้าต่างของเครื่องบิน เราจึงจองที่นั่งติดริมหน้าต่าง แต่...
นั่งติดหน้าต่างทางฝั่งซ้าย
Everest อยู่ฝั่งขวา
ลืมนึกไปว่าหน้าต่างมี 2 ฝั่ง แต่ก็เอาเถอะ เวลานี้พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าแล้ว ทิ้งแสงทองสุดท้ายเอาไว้ใต้ผืนเมฆเบื้องล่าง นั่งดูดาวท่ามกลางท้องฟ้าที่กำลังมืดสนิทลงแทนก็แล้วกัน โอกาสไม่ได้มีบ่อยครั้งที่จะได้นั่งดูดาวใกล้ขนาดนี้ (แพงด้วย)
อาจูม
สมาชิก 2 คนแยกกันไปนั่งติดหน้าต่าง เพราะอยากเห็นยอดเขาเอเวอเรสต์เหมือนกัน ที่นั่งข้างๆ จึงเว้นว่างไว้ให้ได้ลุ้น ว่าใครจะมาร่วมเดินทางไปกับเราในเที่ยวบินนี้
ชายร่างใหญ่เคราเฟิ้มเดินมาแต่ไกล หน้าดุตามสไตล์เชื้อสายแขก เดินมาหยุดเก็บสิ่งของใส่ชั้นที่อยู่เหนือหัว ก่อนนั่งลงบนเบาะข้างกัน
เราเอียงหน้าไปยิ้มทักทายชายที่ไม่รู้จักตามมารยาทก่อนหันกลับ กะว่าจะนั่งเงียบๆ ชมวิวภายนอกไปตลอดเที่ยวบิน
ผิดคาด ชายผู้นั้นอัธยาศัยดีเกินความดุดันบนใบหน้าของเขา ชวนเราคุยตั้งแต่เครื่องขึ้นไปจนถึงเนปาล ไม่ปล่อยให้มีโอกาสได้เหงาเลย
เขาแนะนำตัวว่าชื่ออาจูม เป็นคนเนปาลที่มีโอกาสได้ไปทำงานที่มาเก๊า 6 ปีเห็นจะได้ ทุกปีจะหาโอกาสกลับบ้านหนึ่งครั้ง
อาจูมบอกกับเราว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับบ้าน ดูจากรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของเขา เวลาที่เล่าเรื่องเนปาลให้เราฟัง รับรู้ได้ว่าความสุขของเขานั้น 'จริง' ไม่ได้โกหก
1
อาหารบนเครื่องระบุไว้ว่ามีให้แค่พวกขนมขบเคี้ยว พวกเราก็กลัวว่าจะหิว เลยฟาดเบอร์เกอร์ซับเวย์มาซะอิ่มแปล้ แต่พอเครื่องบินลอยนิ่งเหนือชั้นบรรยากาศ อาหารเนปาลถาดใหญ่ก็เสิร์ฟลงตรงหน้า
ไหนๆ ก็เอามาเสิร์ฟแล้ว
ขอลองชิมอาหารเนปาลดูสักหน่อย
สรุปจุกกินจนเกือบไม่หมด ได้แต่บอกตัวเองให้ยัดๆ เข้าไป เพราะไม่รู้ว่าไปถึงที่หมายแล้วจะยังหาอะไรกินได้อีกอยู่ไหม กว่าจะถึงก็น่าจะดึก ส่วนถั่วกับเนยก็ยัดใส่กระเป๋า เก็บเอาไปไว้กินวันหน้าก็แล้วกัน
ถึงสนามบินตรีภูวันประเทศเนปาล ผ่านด่านตมเสร็จเรียบร้อย เดินออกมาหน้าตัวอาคารก็เจอเลย
แก๊งแท็กซี่
โชคดีที่ก่อนออกเดินทาง เราได้ส่งอีเมลติดต่อที่พักให้จัดเตรียมรถมารับที่สนามบิน แต่สิ่งที่ต้องลุ้นคือเขาได้อ่านอีเมลเราไหม? เพราะเมื่อขึ้นเครื่องแล้ว เราก็ไม่มีสัญญานอินเตอร์เน็ตอีกต่อไป
เดินออกมาพร้อมกับพี่สาวคนไทยอีก 2 คน จำได้ว่าชื่อพี่ขวัญ ซึ่งคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำพวกเรา ตอนทำวีซ่าเข้าประเทศเนปาล (Visa on arrival)
ถึงพี่เขาจะช่วยเราขนาดนี้ แต่พอมาเจอแก๊งแท็กซี่หน้าสนามบิน เรากลับช่วยเหลืออะไรพี่เขาไม่ได้เลย ไม่เคยเจอความมะรุมมะตุ้มขนาดนี้มาก่อน ฮาร์ดเซลล์ ขายเก่งกันสุดๆ
ยืนดูพี่ๆ ต่อรองค่าแท็กซี่อยู่สักพัก จนกระทั่งได้แท็กซี่ที่ถูกใจ พวกเราก็ร่ำลากันหน้าอาคารสนามบิน คราวนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องเอาชีวิตรอดด้วยตัวเองแล้ว
กำลังจะรวบรวมความกล้าต่อราคาแท็กซี่ แว่วเสียงเรียกดังขึ้นมาจากที่ไหนสักที่ หันไปมองเห็นกระดาษแข็งโบกไหวอยู่ไกลๆ ข้อความบนป้ายเขียนนามสกุลเราเป็นภาษาอังกฤษ เห็นแค่นั้นก็พยักหน้าโบกไม้โบกมือโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ชายคนหนึ่งจะเดินแหวกฝูงชนมาหา และแนะนำตัวกับพวกเราว่า
เขาชื่อ
Success
ซัคเซส คือเจ้าของที่พักที่เราจะไปนอนในคืนนี้ มาพร้อมกับคนขับที่ชื่อนารายัน เขายิ้มและเชิญให้พวกเราเข้าไปนั่งเบียดเสียดกันที่เบาะหลัง ก่อนรถจะเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังย่านธาเมล แหล่งรวมเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ที่หนาแน่นที่สุดในเมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล
อ่านตอนต่อไปได้ที่นี่นะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา