12 ส.ค. 2023 เวลา 11:55 • ท่องเที่ยว
จัตุรัสพระราชวังบักตะปูร์

Ep.2 ปักตะปุร์เมืองที่ไม่อาจหวนคืน ตอน ร้านลับใต้สะพานลอย | เนปาลในความทรงจำ

แผ่นดินไหวรุนแรง เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2558 (2015) 5 ปี หลังจากที่เราได้เคยไปเยี่ยมเยียนสถานที่ต้องมนต์แห่งนี้
ปักตะปุร์
ก็ไม่อาจหวนคืนไปตลอดกาล
ความสูญเสียที่แม้ผ่านมานานหลายปี มันยังคงทำงานกับจิตใจของเราได้ เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน
เราเองก็ไม่คาดคิดว่า เหตุการณ์ก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่แค่เพียงหวนนึกถึง ทำไมมันจึงยังจะสั่นสะท้านอยู่ในใจ ยากจะหาเหตุผลมาอธิบายกลไกการทำงานของความรู้สึก และก็ยากที่จะยับยั้งดวงตาไม่ให้ชื้นด้วยเช่นกัน
อ่านตอนก่อนหน้าได้ที่นี่นะ
เมื่อคืน
หลับสบายดีไหม
เมื่อวานเราสามารถไปถึงที่พักในคืนแรกได้อย่างปลอดภัย ต้องขอบคุณ ซัคเซส ที่ทำให้ภารกิจแรกสำเร็จสมชื่อ (Success)
ย่านธาเมลในช่วงเวลาที่เราไปถึงนั้นหลับแล้ว ไม่ค่อยเห็นแสงไฟในตัวอาคาร นอกจากหลอดไฟดวงเล็กหน้าประตู ช่างต่างกับถนนข้าวสารบ้านเรานัก ที่กลับมีชีวิตชีวาในยามค่ำคืน
ที่พักของเราแทรกอยู่ในตึกแถว ยาวขนาบไปกับตรอกทางเดินเล็กๆ ทุกอย่างที่นี่ ดูซอยย่อยให้เล็กลงกว่าประเทศเรามากนัก
ประตูไม้สีฟ้าบานเล็กถูกไขออก เผยให้เห็นเคาน์เตอร์รับแขกที่ประกอบไปด้วยโต๊ะ 1 ตัว และเก้าอี้ 1 ตัววางอยู่คู่กัน ใต้แผ่นกระจกบนโต๊ะ มีธนบัตรจากต่างประเทศเรียงรายอยู่มากมาย ข้างบนมีกองเอกสารและเครื่องคิดเลขวางอยู่
พวกเราหอบสัมภาระเดินผ่านโต๊ะตัวนั้นไป ตามซัคเซสขึ้นบันไดไม้เล็ก แคบ ชัน ไปยังชั้นบน โชคดีที่เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงชั้น 4 และก้าวยาวๆ อีกหนึ่งก้าวก็ถึงประตูห้องพักในคืนนี้ของพวกเรา
ราวกับอยู่คนละโลก สีน้ำตาลเข้มของไม้ กลิ่นเย็นชื้นในห้อง ความคับแคบที่ไม่คุ้นเคย การตกแต่งที่เต็มไปด้วยไม้แกะสลักดูเก่าแก่ ทุกอย่างดูมีมนต์ขลัง เหมือนเรากำลังเข้าร่วมพิธีกรรมโบราณบางอย่าง
มันไม่ใช่ความรู้สึกหวาดกลัว แต่อาจเป็นความไม่คุ้นสถานที่ เหมือนที่ใครหลายคนเคยเป็น ยามต้องเดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่ ปรับตัวสักพักก็คงดีขึ้น
จากคำบอกเล่าของนักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนเมืองกาฐมาณฑุ บอกต่อกันมาว่าเมืองแห่งนี้ ไฟมักจะติดๆ ดับๆ เมื่อถึงที่พักสิ่งแรกที่อยากจะทำจึงเป็นการชาร์จแบตโทรศัพท์ให้เต็ม เพราะแม้ไฟฟ้าจะมาแบบไม่เสถียร แต่ถ้ามีเวลาชาร์จไว้ถึงเช้า คิดว่าแบตก็น่าจะเต็มความจุได้ไม่ยากนัก
แบตเตอรี่ก็ชาร์จแล้ว ถึงเวลาที่พวกเราต้องชาร์จพลังของตัวเองบ้าง ผลัดกันอาบน้ำอาบท่า มานอนเล่นแหย่กันเล็กน้อย จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก
อ่านตอนทั้งหมดในซีรีย์ได้ที่นี่นะ
เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง ตื่นมาก็ยื่นหน้าออกไปดูนอกหน้าต่างฝ้ามัว ฟ้าสว่างจ้า แต่ที่ไม่แยงตาเพราะตึกฝั่งตรงข้ามบังเอาไว้ ถนนแคบเบื้องล่างเต็มไปด้วยผู้คนที่ตื่นมาดำเนินชีวิตตามวิถี เหล่านักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์แบกเป้ใบใหญ่เดินไปบนตรอกแคบ ปะปนกับชาวเมืองกาฐมาณฑุ
วันนี้พวกเรายังไม่ไปไหนไกล ตั้งใจเที่ยวเล่นในตัวเมือง เดินดูนั่นดูนี่ไปตามประสา แต่หนึ่งหมุดหมายที่ตั้งใจจะไป นั่นก็คือ
ปักตะปุร์
เดินแหย่กันลงมาชั้นล่าง ได้ยินเสียงซัคเซสทักทายมาแต่ไกล ถามพวกเราว่าวันนี้จะไปเที่ยวที่ไหน เราเลยแวะสนทนาด้วยหน่อย เผื่อจะมีข้อมูลดีๆ
ข้อมูลที่เราหาลวกๆ ก่อนมา ปักตะปุร์ต้องนั่งรถออกนอกตัวเมืองไปไกลสักนิด ส่วนใหญ่ก็จะเช่ารถกันไป เราคิดว่ามันก็สะดวกดี แต่เราแค่ไม่อยากไปด้วยวิธีนี้
ส่วนเพื่อนร่วมทริปทั้งสอง ไม่จำเป็นต้องถามความสมัครใจ เพราะเคยถามแล้ว คำตอบคือ 'อะไรก็ได้' นับเป็นแขกร่วมทริปที่กินง่ายอยู่ง่าย พาไปไหนก็ไป พาเดินจนขาลากก็เดิน
เสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง กับการที่ไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย นอกจากแพ็คเกจไปปักตะปุร์ ที่ซัคเซสสามารถจัดเตรียมให้พวกเราเป็นพิเศษได้ ในราคา 90 ดอลลาร์
แถมพอรู้ว่ามีแผนจะไปแทรกกิ้งกันต่อที่โพคาราในวันพรุ่งนี้ ก็รีบเสนอตัวช่วยทำ Entry permit กับ Tims ให้กับพวกเรา
เมื่อดูทีท่าว่าจะไม่สามารถขายแพ็คเกจใดๆ ให้กับพวกเราได้ จึงเปลี่ยนวิธีการจากเป็นผู้ช่วยให้คำแนะนำ มาเป็นวาดภาพให้เรารู้สึกกังวล
ซัคเซสเริ่มพูดกับเราว่า Entry permit และ Tims สามารถทำได้ที่กาฐมาณฑุเท่านั้น Potter ที่ช่วยแบกของก็ด้วย
เมืองโพคารา เป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นแทรกกิ้งยอดฮิต ไหนเลยจะไม่มีบริการทำ Entry permit และจัดหา Potter ในเมื่อมันเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับเมือง
ปล่อยให้เขาพูดไป เข้าใจว่าคนเราต้องทำมาหากิน มีโอกาสเสนอขายอะไรได้ก็ขาย แต่เงินในกระเป๋า จะควักไม่ควักก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยเช่นกัน
สงสัยชื่อซัคเซส น่าจะตั้งเพื่ออวยพรให้ตัวของเขาเอง ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเสียมากกว่า แต่ก็ไม่ว่ากัน ถือว่าเป็นอรรถรสในการเดินทาง
บรรยากาศตัวเมืองกาฐมาณฑุ เนปาล
หาข้ออ้างปลีกตัวออกมาได้ พวกเราก็พากันเดินเล่น ถ่ายรูปบ้านเมืองเขาไปเรื่อย แต่ก็ไม่ถึงกับไร้แก่นสารเสียทีเดียว เพราะเป้าหมายจริงๆ แล้วคือ ป้ายรถเมล์สาธารณะ
ใช่แล้ว
พวกเราจะนั่งรถเมล์ไป
ปักตะปุร์กัน
เดินมาได้สักพักก็เกิดอาการหิว แต่ไม่รู้ว่าจะต้องไปหาของกินที่ไหน เพราะพวกเราเดินฉีกออกจากแหล่งรวมตัวของนักท่องเที่ยวมาไกลพอสมควร หันไปทางไหนก็เจอแต่คนเนปาล
ภาพถ่ายจากบนสะพานลอยเมืองกาฐมัณฑุ เนปาล
ถึงแม้เดินข้ามถนนจะเหนื่อยน้อยกว่า แต่พวกเราเลือกที่จะเดินข้ามสะพานลอยท่ามกลางแดดจ้า ไม่พาตัวเองเข้าใกล้คำว่าอุบัติเหตุในต่างแดนจะดีที่สุด
ลงสะพานลอยมาได้เพียงครึ่งชั้น ขณะเดินอ้อมเสาสะพานเพื่อไปต่อบันไดอีกหนึ่งขยัก พวกเราก็พบกับร้านอาหารเล็กๆ ซ่อนอยู่ระหว่างชั้นของสะพานลอย กับพื้นเบื้องล่าง ด้วยตำแหน่งที่ตั้งที่ค่อนข้างแปลกประหลาดในความรู้สึก เลยสะกิดสองคนนั้นชวนกันเข้าไปลอง
อาหารเนปาลมื้อแรกในวันนี้ของพวกเรา
พวกเราสุ่มสั่งอาหารกันมา 3 อย่างโดยที่ไม่รู้ว่ารสชาติอาหารและหน้าตาของพวกมันจะเป็นยังไง แต่เห็นโต๊ะข้างๆ กินได้ เลยคิดว่าพวกเราเองก็น่าจะกินได้เช่นกัน
อาหารที่มาเสิร์ฟจะให้เรียกว่าอย่างไรดี เพราะชื่อของมันล้วนเป็นภาษาเนปาลที่ยากต่อการจดจำ ถ้าให้อธิบายก็จะประมาณว่า มาม่าเนปาล 1 ถ้วย ผัดหมี่ซั่วเนปาลใส่เห็ด 1 จาน และเมนูสุดท้ายก็คือขนมจีบเนปาล ไส้เนื้ออะไรสักอย่างผัดกับผัก 1 ถาด
เป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่าโมโม่ไม่ใช่ขนมญี่ปุ่น แต่เป็นขนมจีบเนปาล
ที่จำชื่อได้แม่นเห็นจะเป็นเมนูท้ายสุด คนที่นั่นเรียกแป้งห่อไส้แบบนี้ว่าโมโม่ ฟังแล้วน่ารักไปอีก ถ้าไม่บอกจะคิดว่าเป็นขนมของญี่ปุ่น
กินอิ่มกันแล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อ เดินไปอีกไม่ไกลนักพวกเราก็ถึงจุดขึ้นรถบัสสาธารณะ ที่จะนำพาพวกเราวิ่งออกนอกเมือง มุ่งหน้าไปยังปักตะปุร์
ค่ารถเมล์แค่ 50 RS เอง
คิดเป็นดอลลาร์ก็แค่ 0.38
จุดขึ้นรถเมล์บนถนนเส้นหลัก ที่จะนำพาพวกเราไปปักตะปุร์
อ่านตอนต่อไปได้ที่นี่นะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา