เสียมเรียบ รอบ 3 แล้วจย้า~~~ (วันที่ 3/3)
วันสุดท้าย @ นครวัด
เริ่มต้นวันด้วยกาแฟคนละ 1 แก้วแล้วขึ้นตุ๊กๆ ไปที่นครวัดตั้งแต่ 4.30 น. เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นให้ทัน รถตุ๊กๆ จอดที่หน้าทางเข้าซึ่งมืดมาก ไม่มีไฟส่องทาง ไม่มีเสียงใดๆ และไม่มีคน!!!!!! ความมืดมันทำให้จินตนาการไปได้ไกลมาก นาทีนี้คือไม่รู้จะกลัวอะไรก่อนดี ระหว่างนางอัปสรา ผีนางรำ คนมาทำร้าย หรืองูที่เลื้อยตัดหน้า แต่สุดท้ายก็เปิดไฟฉายแล้วเดินจูงมือกันไป 2 คนพี่น้องเดินไปที่สะพานข้ามน้ำทางเข้านครวัด ซึ่งไม่มีอะไรน่ากลัวเกิดขึ้นอย่างที่จินตนาการไว้
ระหว่างที่นั่งรออยู่ตรงสะพานทางเข้า ไม่เกิน 5 นาที ก็มีมอเตอร์ไซค์ของเจ้าหน้าที่ทยอยๆ มาจอด
("เหมือนเราจะมาก่อนเจ้าหน้าที่นะเจ๊ มาเปิดนครวัดไปเลยจ้ะ")
ประตูเปิดให้เข้าตอน 5.00 น. ณ ตอนนั้นก็มีคณะทัวร์ทยอยมาเยอะแล้ว นี่ได้เข้าไปคณะแรกๆ แล้วเดินดุ่มไปที่บึงน้ำชั้นในของนครวัด เพื่อที่จะจับจองที่นั่งเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น (บางคนไปนั่งตรงปราสาทหลังเล็ก 2 ฝั่งของนครวัด เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นเอง)
🤔 Note มุมที่สวยที่สุดในการถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น ที่นครวัดคือบึงน้ำฝั่งซ้ายมือ แต่ปัจจุบัน บึงน้ำทางซ้ายมือแห้งมาก เจ้าหน้าที่ทำที่กั้นไว้ไม่ให้เข้า ปัจจุบันเหลือบึงน้ำฝั่งขวาเพียงอย่างเดียว ซึ่งเดือนกรกฎาคม 2566 นครวัดอยู่ระหว่างการบูรณะ ทำให้ถ่ายรูปติดส่วนที่กำลังบูรณะ (ปราสาทชั้นในทางทิศใต้)
โชคไม่ดีที่วันนี้ฟ้าหลัว มีเมฆมาก ทำให้ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นดวงๆ เหมือนเมื่อครั้งก่อนที่เคยมา
นั่งรออยู่จนฟ้าสาง หันมองไปรอบๆ ตัว คนที่เคยรอถ่ายรูปต่างก็แยกย้ายไปที่อื่นกันแล้ว เลยย้ายที่ไปตรงพื้นที่ชั้นในบ้าง คราวนี้เดินตรงขึ้นไปที่ปราสาทหลักด้านในเลยไม่แวะที่ไหน เพราะอยากจะใช้เวลาด้านบนให้คุ้มที่สุด
พอไปถึงตรงทางขึ้นปราสาทชั้นใน ซึ่งปกติควรจะมีคนต่อคิวแล้ว ปรากฏว่าวันนี้ไม่มีคนต่อแถวเลยซักคน ทั้งๆ ที่เป็นเวลาใกล้ 7 โมงแล้ว นี่เห็นเจ้าหน้าที่ยืนคุยกับนักท่องเที่ยวคนแล้วคนเล่า แต่ก็ไม่มีใครได้ขึ้นซักคน จนกระทั่งเห็นผู้หญิงเอเชียคนนึง ถึอพวงมาลัยกับกล้วยเป็นหวี ได้รับอนุญาตให้เข้าไป เลยเดินตามไป ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ห้ามไว้
Srry Ma’am, It’s closed in Holy Day!
มานครวัด 2 ครั้ง แต่เพิ่งเคยได้ยินว่าปราสาทชั้นในสุดปิดในวันพระ!!!!!!!!!!!!!!!! ไม่เคยอ่านเจอเลยคู๊นนนนน ใครจะไปรู้ว่าปิดวันพระ แล้ววันนี้ เป็นวันพระ โอ๊ยยยยย
ยิ่งดูรูปยิ่งเจ็บ 😭
คราวนี้คือเดินเหมือนหมาหงอยเลยค่ะ กะว่าจะไปหาอัปสราที่เขาบอกว่าถ้าลูบแล้วจะมีลูก และทักทายอัปสราคนอื่นๆ ซึ่งไม่เจอกันนานเกือบ 5 ปี ทุกอย่างพังหมด (เวอร์วังมาก)
ตัดสินใจเดินวนระเบียง ถ่ายรูปจนคนเริ่มเยอะ สุดท้ายก็เลยเดินไปที่ปราสาทเล็กๆ ที่อยู่ตรงมุม 4 ทิศ ซึ่งเดินขึ้นไปได้ แต่บันไดค่อนข้างเล็กและชัน ต้องเดินระวังๆ หน่อย
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงนกร้องเสียงดังมาก มองหาต้นเสียงอยู่นานก็เลยเห็นว่าเป็นนกปากใหญ่ตัวหนึ่ง คล้ายๆ นกเงือก กำลังร้องอยู่ด้านบนปราสาท ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นนกอะไร
เดินลงมาที่ชั้น 2 ที่พระประธานอยู่ และมีพระกำลังสวดมนต์ ผูกข้อมือให้กับนักท่องเที่ยว จุดนั้นจะมีมุมฮิตที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูป และมีจุดที่ไกด์มักจะพานักท่องเที่ยวมาหยุด เพื่อบอกว่าเป็นจุดกึ่งกลางของนครวัด
จะว่าไปคนออกแบบและสร้างที่นี่เจ๋งมาก ไม่รู้ว่าเรียงก้อนหินยังไงให้ไม่ถล่ม แล้วเรียงเป็นสถูปขึ้นไปด้วย ไม่รู้ว่าทำยังไงให้ไม่ล้ม ไหนจะภาพแกะสลักตามเสา ตามระเบียงอีก ขนาดไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยอย่างสมัยนี้ ยังสร้างสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ แล้วอยู่มานานเป็นพันปี
ในเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรและยังมีเวลาอยู่ เลยเดินไปทางทิศตะวันออกของนครวัด (ด้านหลังนั่นแหละ) เป็นมุมที่สงบที่สุดแล้ว เพราะไม่ค่อยมีคนเดินมา ด้านหลังไม่ค่อยมีอะไรให้ดู นอกจากภาพแกะสลักบนผนัง และรูปฤาษีตามเสา และรูปภาพบนเพดาน ซึ่งถือว่ายังสมบูรณ์อยู่
ระหว่างทางเดินกลับก็แวะปราสาทหลังเล็กๆ 2 หลังที่อยู่ด้านหน้านครวัด เคยอ่านว่าตรงนั้นเป็น Library เก็บหนังสือโบราณมาก่อน ปัจจุบันก็ตามสภาพ
ด้านหน้านครวัด ก่อนถึงลานจอดรถมีร้านอาหารและกาแฟ ซึ่งราคาค่อนข้างแพง แต่มีห้องน้ำเข้า ถ้ามี Angkor Pass ก็เข้าฟรี ส่วนอาหารกับกาแฟมากินในเมืองราคาถูกกว่า
กลับถึงโรงแรมก็สั่งอาหารเช้าพร้อมกาแฟ ค่าเสียหายของ 2 คนประมาณ 7$ กินเสร็จก็ Check Out แล้วเหมารถไปสนามบินเลย คราวนี้ เรียกตุ๊กๆ จากหน้าโรงแรม ราคา 5$ ถูกกว่าขามาเยอะ
ค่าเสียหายของวันนี้
- ค่าอาหารเช้า: 7$
- ค่าเหมารถ: 12$ (รวมค่าดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว, จองผ่านโรงแรม)
- ค่ารถไปสนามบิน (5$ เรียกผ่านโรงแรม)
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 12$
ถามว่ามาทำไมตั้ง 3 รอบ คำตอบคือ มาทุกรอบมันก็มีอะไรที่เราไม่เคยเห็นตลอด มันเหมือนดูหนังรอบแรก เราจะเห็นแค่ concept เข้าใจเรื่องประมาณหนึ่ง พอดูรอบ 2 มันก็จะลง detail รอบ 3 ก็จะยิ่งเห็นชัดเจนขึ้น เห็นรายละเอียดมากขึ้น นี่ก็เหมือนกัน
เสน่ห์ของเสียมเรียบคืออะไร เที่ยวง่ายมั้ง แล้วก็ไม่ไกลจากไทยด้วย มีเวลาน้อยก็เที่ยวได้ (เอาจริง วันเดียวก็พอ เช่น เช้านครวัด บ่ายนครธม เป็นต้น) ค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก (แต่ทางนี้ขอสบายๆ ซักทริป เลยจ่ายรัวๆ 😁)
เริ่มทริปเพราะคำบ่น จบทริปแบบงงๆ นี่แหละค่ะ
- 3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
