ย้อนไปซัก 10 กว่าปีก่อน คอมพิวเตอร์เกือบทุกเครื่อง จะต้องมีโปรแกรม Anti virus ติดไว้ เพื่อจะได้ดักจับพวก malware ต่างๆ ที่จะมาทำอันตรายกับคอมพิวเตอร์ของเรา
อธิบายคร่าวๆ ว่า Anti virus ทำงานอย่าง มันเป็นโปรแกรมที่เราสอนมันว่า malware ต่างๆมีหน้าตาอย่างไร (Signature) โดยเราจะสอนมันล่วงหน้าแล้วมันก็จะคอยเช็คว่า มีอะไรที่เหมือนกับที่เราเคยสอนมันบ้าง แล้วคอยบอกเราเมื่อเจอ malware เหล่านั้น
แต่เมื่อโลกเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากในปัจจุบัน บรรดา hacker ก็พัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด การไปสอนมันล่วงหน้าแล้วมาคอยอัพเดท anti virus ว่า หน้าตาของ Signature เป็นอย่างไร มันไม่ทันการ ทำให้เกิด technology ใหม่ขึ้นมา ที่เรียกว่า EDR (Endpoint, Detect & Response)
EDR เปรียบเสมือนเป็น new generation ของ Anti virus ที่เราๆเคยใช้กันนะแหละ กล่าวคือ เค้าจะลงโปรแกรมนี้ไว้ในเครื่องเรา แล้วตรวจการทำงานของตอมพิวเตอร์เราตลอดเวลา สมมุติว่า มีการลงโปรแกรมนี้ไว้ 1 ล้านเครื่อง ถ้าหากว่า โปรแกรมตรวจเจอภัยคุกคามซักเครื่องนึง มันจะจัดการต่อภัยคุกคามนั้นทันทีเพื่อป้องกันภัยคุมคามนั้น และ ส่งข้อมูลไปยังส่วนกลางเพื่อนให้บอกเครื่องอื่นในเครือข่ายทั้งหมดว่า โจรมันมีหน้าตาแบบนี้ ทำงานแบบนี้นะ
วิธีการพวกนี้ ทำให้การป้องกันของเราสามารถที่จะต่อกรกับภัยคุกคามเหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที
บริษัทที่ทำเกี่ยวกับ EDR เหล่านี้ มีหลายเจ้า ที่คุ้นๆชื่อกัน ก็มีทั้ง Crownstrike, Microsoft, SentinelOne, Palo Alto Network
ตอนนี้ คนที่เป็นเจ้าตลาดเบอร์ 1 คือ Crownstrike ตามมาด้วยเบอร์ 2 อย่าง Microsoft
วิธีการขายของบริษัท CyberSecurity เหล่านี้ เป็นที่รู้กันเรียกว่า Land & Expand กล่าวคือ ช่วงแรก อาจจะขายไปแค่ 1 module ก่อน แล้วค่อยๆขยายในการขายลูกค้าเดิมใน module อื่นๆต่อไป เล่น Log management เป็นต้น
นี่คือที่มาของการเติบโตของบริษัท โดย Crownstrike อาศัยความเป็นเจ้าตลาด ขาย EDR ไปก่อน แล้วค่อยๆขาย product อื่นๆตามมานั่นเอง
ปัญหาของลูกค้าอีกอย่างของลูกค้าคือ เมื่อใช้งานหลายๆ module จาก vendor หลายๆเจ้า มักจะสร้างความปวดหัวให้กับลูกค้ามา ทำให้เกิด trend ที่เรียกว่า vendor consolidation คือ ใช้ vendor แค่ 1-2 เจ้า แล้วซื้อจากเจ้าเดียวหลายๆ module จะได้ไม่ต้องปวดหัว แล้วพอซื้อหลายๆ product ก็สามารถต่อราคาได้ดีขึ้นด้วย
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ Crownstrike ค่อนข้างได้เปรียบคู่แข่งรายเล็กๆพอสมควร เนื่องเจ้า ความเป็นเจ้าตลาด และ มี product หลายๆ module ทำให้ลูกค้าเลือกใช้งานได้ง่ายกว่า
ส่วนเรื่องของ TAM เราลองคิดง่ายๆว่า ถ้าหากในปัจจุบัน และ ในอนาคต ธุรกิจต่างๆต้องเอาข้อมูลต่างๆที่มีค่าของเค้าไปอยู่ในโลกดิจิตอล กิจกรรมเกือบทุกอย่างของเราไปอยู่ในนั้น มันคือสิ่งที่มีค่าของเรา แล้วเราจะไม่ป้องกันมันเลยเหรอ
ผมเชื่อตลาดตรงนี้ใหญ่มาก ยิ่งโลกของ IT มันใหญ่แค่ไหน การป้องกันก็จะมีมูลค่ามากขึ้นตามไปด้วย
ส่วนในเรื่องของ Unit economy เนื่องจากเกือบทั้งหมดคือ software เราจึงเห็น GPM ของบริษัทเหล่านี้สูงถึง 70-80%
ปัจจุบัน CRWD สามารถสร้าง FCF margin ได้สูงถึง 30% ของ Revenue ถือว่าสูงมากที่เดียว ปี 2023 คาดการณ์ว่า จะสามารสร้าง FCF ได้กว่า 900m
แถมไตรมาสล่าสุดที่ผ่านมา บริษัทสามารถมีกำไร GAAP ได้แล้วด้วย
ผมเชื่อว่า นี่คือธุรกิจที่ดี น่าติดตาม มีโอกาสเติบโตไปได้อีกมากเลยครับ
- 7
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
