23 ส.ค. 2023 เวลา 12:00 • การเมือง

Breaking Pop : นโยบายที่ทำได้จริง ?

ก่อนอื่นเลย ทาง Instant Pop ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับ “เศรษฐา ทวีสิน” จากพรรคเพื่อไทย ว่าที่นายกประเทศไทยคนที่ 30 !!
2
หลังจากประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อ “นายเศรษฐา ทวีสิน” พร้อมกับมีผู้รับรองชื่อถูกต้อง
2
เมื่อดำเนินมาถึงการโหวตเลือกนายเศรษฐา เพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีผลปรากฏว่า สมาชิกรัฐสภาลงคะแนนเลือกให้ เศรษฐา ขึ้นมาบริหารประเทศ ในฐานะ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 โดยมีคะแนนเสียงเห็นชอบ 482 ไม่เห็นชอบ 165 งดเสียง 81
ทั้งนี้ก่อนอื่นเลยเรามาลองส่องประวัติคร่าวๆของ ว่าที่นายกคนที่ 30 กัน …
ประวัติของ ว่าที่นายกของประเทศไทย คนที่ 30
ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน ชื่อเล่น นิด
เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2506 ปัจจุบันอายุ 60 ปี
ประวัติการศึกษา
  • 1.
    ระดับปริญญาโท สาขาการเงิน จาก Claremont Graduate School สหรัฐอเมริกา
  • 2.
    ระดับปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ จาก University of Massachusetts สหรัฐอเมริกา
ประวัติการทำงาน
  • ปี พ.ศ. 2529 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล
  • ปี พ.ศ. 2533 ไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับอภิชาติ จูตระกูล ในชื่อ บริษัท แสนสิริ จำกัด (ชื่อเดิมของ แสนสิริ) ในตำแหน่งประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่
  • ต้นเดือนเมษายน 2566 เศรษฐาได้ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งของแสนสิริ พร้อมโอนหุ้นทั้งหมดกว่า 661,002,734 หุ้น ให้แก่ นางสาวชนัญดา ทวีสิน ผู้เป็นบุตรสาว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
นโยบายเพื่อไทย
เพจ พรรคเพื่อไทย
ถ้าพูดถึงนโยบายของเพื่อไทยแล้ว.. หลายคนคงนึกถึง เงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน หรือเงินเดือนขึ้นต่ำ วุฒิปริญญาตรี 25,000 บาทก็ตาม แต่จริงๆยังมีอีกหลายนโยบายที่น่าสนใจอีกนะ !!
1. นโยบายเศรษฐกิจมหภาค หรือ GDP ของประเทศ : การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน ภายในปี 2570 และสร้างเขตธุรกิจใหม่ นำร่อง 4 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่
2. นโยบายสร้างรายได้แก่เกษตรกร ทั้งต้นและดอก รวม 3 ปี เน้นการผลิตที่ลดการนำเข้าพืชเกษตรหลัก มุ่งเพิ่มรายได้ของเกษตรให้เป็น 3 เท่า
3. นโยบายบริหารจัดการน้ำ โดยประเทศไทยต้องไม่แล้ง ไม่ท่วม ประชาชนต้องมีน้ำ น้ำใช้ตลอดปี เพิ่มพื้นที่ชลประทาน 50 ล้านไร่ ภายในปี 2570 สร้างทางระบายน้ำสู่ทะเล และปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ
4. นโยบายคมนาคม รถไฟฟ้า กทม. 20 บาทตลอดสาย ยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศ ติดแอร์ให้รถไฟชั้น 3 ทุกขบวน สร้างความเชื่อมโยงการขนส่งสินค้า เชื่อมโยงโครงสร้างรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ
5. นโยบายสาธารณสุข บัตรประชาชนใบเดียวสามารถรักษาได้ทั่วโลก ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีแก่เด็กผู้หญิงตั้งแต่ 9-11 ปี และผู้หญิงที่ยังไม่เคยรับเชื้อ HPV ทุกคน และส่งเสริมให้มีสถานชีวาภิบาล
6. นโยบายการท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านการแพทย์และสุขภาพ แบบ Wellness Destination และวางจุดยืนให้ประเทศไทยเป็น Festival Hub of Asia มีการเชื่อมต่อสายการบินจากทั่วโลกมาต่อเครื่องที่ไทย เพื่อให้ประเทศไทยเป็น Regional Transport Hub
7. นโยบาย Soft Power สนับสนุนทุกอุตสาหกรรม Soft Power ให้เติบโต พร้อมสร้างแรงงานทักษะสูง
8. นโยบายการศึกษา ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านขั้นตอน Learn to Earn ให้ทุกคนสามารถเข้าสู่การเรียนรู้ได้ทุกช่วงวัย, โครงการ Free tablet for all คือ 1 นักเรียน ต่อ 1 แท็บเล็ค และ โครงการ 1 ครู ต่อ 1 แท็บเล็ต, โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน (ODOS) และศูนย์การเรียนรู้แบบ TCDC และ TK Park ทุกจังหวัด รวมถึงมีอาหารกลางวันฟรี และเพิ่มงบประมาณอาหารกลางวัน บริการรับส่งนักเรียนฟรี
9. นโยบายรัฐบาลดิจิทัลเพื่อประชาชน ใช้ระบบ Blockchain เพื่อสร้างความโปร่งใสให้รัฐบาล ซึ่งทุกอย่างต้องตรวจสอบได้ เพื่อลดการคอร์รัปชัน
10. นโยบายแก้รัฐธรรมนูญ โดยคงรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตนอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
11. นโยบายต้านยาเสพติด ทำการปราบปรามทั้งผู้ผลิตและผู้ขาย ทำลายแหล่งผลิตถาวรตามชายแดน และทำการบำบัดเพื่อลดการกลับไปใช้ยาเสพติด
12. นโยบายปราบอาชญากรรมไซเบอร์ การวางระบบป้องกันภัยไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตรงนี้ต้องมาดูกันว่า เรื่องการปิด Facebook จะเป็นอย่างไรนะ?
ความเป็นไปได้ของนโยบาย
เพจ พรรคเพื่อไทย
หลังจากที่เราได้ส่องดูนโยบายหลักๆของพรรคเพื่อไทยกันไปแล้ว หลายคนต้องมีการสงสัยกันบ้างว่า.. จะทำได้จริงหรอ? แล้วเมื่อไหร่จะได้? โดยเฉพาะนโยบาย “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” เพราะงั้นเรามาดูรายละเอียดของนโยบายนี้กันหน่อยดีกว่า ว่าเราจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะได้ตามนโยบายนี้ ???
เงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ทุกคน ???
ก่อนอื่นเลย เราต้องมาดูรายละเอียดของนโยบายนี้กันก่อน…
เพจ พรรคเพื่อไทย
เงินดิจิทัล หรือ Digital Wallet คือ ??
คำตอบ :: เงินที่ไม่ได้ใช้จ่ายด้วยเงินสด ต้องใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่รองรับ โดยเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย เพื่อหวังว่าจะกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชน ให้มีเงินเข้าระบบหมุนเวียนเศรษฐกิจ
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ ?
คำตอบ :: คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงวัยทำงานตามกฎหมาย สำหรับประชาชนที่มีสวัสดิการอื่นๆ เช่น ผู้พิการ คนชรา ก็ได้รับเต็มจำนวน ไม่มีการหักใดๆ
เงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท?
คำตอบ :: สามารถซื้อของ ณ ร้านค้าในรัศมี 4 กิโลเมตร จากตามทะเบียนบ้าน ได้ทุกอย่าง ยกเว้นใช้หนี้ การพนัน ยาเสพติด อบายมุขต่างๆ และสินค้าออนไลน์ โดยผู้มีสิทธิไม่ต้องลงทะเบียนใดๆ เพราะระบบผูกกับบัตรประชาชน
เงินดิจิทัลมีวันหมดอายุไหม ?
คำตอบ :: ใช้จ่ายเงินดิจิทัลให้หมดภายใน 6 เดือน ซึ่งสามารถใช้ทีเดียว หรือทยอยใช้จ่ายก็ได้ โดยจะเริ่มนับจากวันเริ่มต้นที่ได้รับเงิน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเริ่ม 1 มกราคม 2567
นโยบายนี้จะสร้างประโยชน์ได้จริงไหม ?
คำตอบ :: พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศทาง Facebook ว่า สามารถสร้างประโยชน์ได้จริง โดยในระยะสั้น คือ เพิ่มเงินในระบบ 6 เท่าตัว (ราวๆ 3ล้านล้านบาท, ระบบกลาง คือ วางมาตราฐานและเงื่อนไขให้รัฐเก็บภาษีคืนได้ และระยะยาว คือ วางโครงสร้างพื้นฐานประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
นอกจากนี้ทางพรรคได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นมาตราการเฉพาะหน้า เป็นรากฐานสำคัญเพื่อต่อยอดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ
การมาของเงินดิจิทัล 10,000 บาท
จากการอ้างอิงเอกสาร “กำหนดนโยบายของพรรคการเมืองที่ต้องให้จ่ายเงิน ตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติประกอบร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560” ที่พรรคต้องส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีที่มาดังนี้
  • ประมาณการรายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 2567 : 260,000 ล้านบาท
  • ภาษีที่ได้มาจากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย : 100,000 ล้านบาท
  • การบริหารจัดการงบประมาณ 110,000 ล้านบาท
  • การบริหารงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 90,000 ล้านบาท
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ ว่า นโยบายแจกเงินของพรรคเพื่อไทยจะสร้างประโยชน์ได้จริงไหม??? เพราะงั้นเรามาลองดูบทสัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญกัน …
ศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ว่า ...
“การแจก นโยบาย Digital Wallet จำนวน 10,000 บาทควรทบทวนอย่างเร่งด่วน เพราะเศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤติ แม้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ไม่สูงไม่เต็มศักยภาพ แต่ก็น่าจะขยายตัวได้แค่อย่างต่ำ 3.5-3.6%”
“นอกจากนี้ ข้อจำกัดของโครงสร้างงบประมาณ ก่อหนี้สาธารณะเพิ่มอย่างแน่นอน ทำให้เกิดการขาดดุลงบประมาณปี 2567 เพิ่มทะลุ 1 ล้านล้านบาท หากเศรษฐกิจไม่สามารถขยายตัวได้ตามเป้า และอาจเกิดความเสี่ยงทางการคลัง”
รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ว่า ...
“หากว่าที่รัฐบาลใหม่ สามารถขับเคลื่อนได้จริงก็คงไม่มีปัญหา อาจช่วยให้เศรษฐกิจไทยหมุนเวียนได้อย่างน้อย 2 รอบ คือ เป็นเงินที่ใส่เข้าไปในกระเป๋า 5.5 แสนล้านบาท ทำให้เกิดการบริโภคของประชาชน การลงทุนของภาคธุรกิจ และทำให้ GDP เพิ่มขึ้น รอบ 2 เกิดการบริโภคหมุนอีกรอบ ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจตามมา”
“แต่มีข้อน่าห่วง เช่น ความพร้อมของร้านค้า และหากใน 4 กม. ไม่มีร้านค้า และ บริการ จะทำเช่นไร?”
ต่อมา.. ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ระบุว่า
“มองว่าปัญหาของนโยบายนี้ ‘ยังเป็นเรื่องของงบประมาณ ส่วนในเชิงเทคนิค และ วิธีการ’ ส่วนการประเมินไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำได้ เพราะเป็นการเปลี่ยนช่องทางที่จากเดิมรัฐบาลจะเติมเงินเข้าแอปฯเป๋าตัง เปลี่ยนเป็นกระเป๋าดิจิทัลแทน” ซึ่ง ตอนนี้คนไทยเองก็เริ่มจะคุ้นชินกับเทคโนโลยี ทั้งพร้อมเพย์ และเป๋าตัง
2
ล่าสุด นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่า ..
“ในหลักการสามารถทำได้ แต่ต้องประเมินผลความคุ้มค่าในแง่เศรษฐกิจให้ชัดเจนและรอบด้านเพราะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาล ห่วงแหล่งงบประมาณ 5 แสนล้านบาทมาจากไหน ?”
นโยบาลดิจิทัล 10,000 บาท ที่แจกให้กับคนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ราวๆ 50 ล้านคน แปลว่า ต้องใช้งบประมาณสูงกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งหากว่าที่รัฐบาลใหม่ไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้า อาจทำให้ทางภาครัฐกลายเป็นหนี้ถึง 1 ล้านล้านบาทได้ แต่ถ้าสามารถทำได้จริงก็อาจทำให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้ถึง 5-6% เรียกได้ว่า เป็นนโยบายที่แอบมีความเสี่ยงสูงเหมือนกัน …
และนอกจากนี้แล้ว จากหลายๆที่ต่างก็เป็นห่วงเรื่อง ที่มาของแหล่งงบประมาณว่ามาจากไหน? แล้วจะกระทบต่อฐานะการคลังมากน้อยแค่ไหนอีก? ซึ่งหากมีข้อสนับสนุนตรงนี้อย่างชัดเจน อาจทำให้เสียงวิพากย์-วิจารณ์ออกมาในแง่ดีมากขึ้นได้
เพราะเราต้องมองด้วยว่า การมีคนแจกเงินดิจิทัลนี้ อาจนำมาซึ่ง ‘ภาวะเงินเฟ้อ’ ว่าทางภาครัฐจะจัดการปัญหานี้อย่างไร แต่ถึงอย่างไร ทาง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมการเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้ออกมา ยืนยันว่าทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ได้ทำการบ้านและคำนวณ เรื่องผลกระทบ ของเงินเฟ้ออย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยยืนยันว่า จะไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ อย่างแน่นอน รวมถึงประเด็นเรื่องความมั่นคงทางการเงินการคลัง ได้มีวิเคราะห์ผลในเชิงบวกเชิงลบยืนยันว่าไม่มีผล กระทบในเรื่องนี้
เพจ พรรคเพื่อไทย
จากข่าวที่ว่า “แบงค์ชาติอาจไม่อนุมัติเรื่อง เงินดิจิทัล 10,000”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ส.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ตอบมาแล้วว่า “เรื่องเงินดิจิทัล ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดของนโยบาย คงต้องขอดูความชัดเจนก่อน”
ซึ่งก่อนหน้านี้ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังงานผู้ว่าการ ธปท. พบมื่อมวลชน เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 66 ว่า ในเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท “มุมมอง ธปท. ที่มีต่อแนวทางนโยบายไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งหากมีนโยบายกระตุ้นใช้จ่าย ต้องพยายามชี้แจงและดูรูปแบบว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะทำไม่ได้”
ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องรอดูรายละเอียดของนโยบาย และความชัดเจนของนโยบายของพรรคเพื่อไทยอีกที ซึ่งหมายถึงว่า ยังไม่ได้ตอบว่าได้หรือไม่ได้อย่างชัดเจน นั่นเอง
——————————————————————————————
หากถ้าคุณอยากได้การจัดงาน #Event แบบเต็มรูปแบบและครบวงจร ในส่วนของระบบลงทะเบียนหน้างาน หรือต้องการทำงาน Trade ในรูปแบบ Business Matching รวมไปถึงงาน Live Streaming และงาน #Virtual ต่างๆ สามารถติดต่อเราได้ที่ ..
Website : www.eventpass.services
LINE Official @eventpassservices
#Eventpass #Eventpassinsight #Eventpassservices

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา