25 ส.ค. 2023 เวลา 13:29 • ประวัติศาสตร์
ฝรั่งเศส

เฮอร์เมส (Hermes) แบรนด์ที่เริ่มจากการผลิตอานม้า

Hermes แบรนด์สุดหรู สัญชาติฝรั่งเศส เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวที่ผลิตและค้าอานม้าให้กับชนชั้นสูง สู่การเป็นแบรนด์เครื่องหนังที่มีราคาแพงและซื้อยากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก ประวัติความเป็นมาภายใต้โลโก้รูปม้า อะไรคือเส้นทางสู้ความยิ่งใหญ่ของของ Hermes ย้อนประวัติศาสตร์กลับไปเมื่อ 182 ปีก่อน
เทียร์รี่ แอร์เมส (Thierry Hermès) เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1801 ที่เมืองเครเฟลด์ (Krefeld) เมืองเจ้าของฉายา “City of Velvet” ณ ประเทศฝรั่งเศส ช่วงที่ยังถือเป็นดินแดนฝรั่งเศสของจักรวรรดินโปเลียนอยู่ มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน บิดาซึ่งมีชื่อเดียวกับเขา Thierry Hermes เป็นชาวฝรั่งเศส ส่วนมารดานามว่า Agnese Kuehnen ชาวเยอรมัน
เยอรมัน ด้วยฉายาของเมืองที่หมายถึงกำมะหยี่ซึ่งสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ในการผลิตสิ่งทอทำให้เทียร์รี่ได้รับอิทธิพลเข้าเต็ม ๆ ถือเป็นการปูพื้นฐานและสร้างประสบการณ์ศิลปะงานฝีมือให้กับเด็กชายที่ชื่อเทียร์รี่คนนี้ตั้งแต่วัยเยาว์
ฝรั่งเศสในสมัยที่รุ่งเรืองและเดินทางด้วยรถม้า
จุดพลิกผันชะตาชีวิตของเทียร์รี่ก็มาถึง เมื่อปี ค.ศ. 1821 เทียร์รี่ สูญเสียครอบครัวไปจากโรคระบาดและสงคราม เขาได้จากบ้านเกิดเดินทางไปยังเมือง Pont Audemer ทางตอนเหนือของปารีส โดยอาศัยอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าและได้ทำงานให้กับร้านเครื่องหนัง เขาได้เรียนรู้ทักษะการผลิตเครื่องหนังจนชำนาญ
แต่เหมือนสิ่งที่เทียร์รี่ต้องเผชิญไม่ได้เลวร้านเสียทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้เอง เทียร์รี่ ได้เริ่มต้นแบรนด์แอร์เมสอย่างจริงจัง ยุคที่การเดินทางยังใช้ม้าเป็นพาหนะ เทียร์รี่ ใช้เทคนิคงานฝีมือสมัยวัยเด็กร่วมกับการเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์สำหรับม้า
ไม่ว่าจะเป็นบังเหียน สายคล้องและอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงการแลกเปลี่ยนหนังเพื่อนำมาใช้เป็นวัสดุ ในปี ค.ศ. 1828 เขาได้แต่งงานกับ Christine Pétronille Pierrart มีลูกชายเพียงคนเดียวคือ ชาร์ลส์ เอมิล แอร์เมส (Charles Émile Hermès)
เมื่อการมีลูกเป็นแรงใจในการทำงาน เทียร์รี่ ต้องพัฒนาชีวิตครอบครัวไปอีกขั้น และการทำอานม้าไม่สามารถตอบโจทย์ได้ เทียร์รี่ เริ่มต้นกิจการแรกของเขา ภายใต้ชื่อ “the French house of Hermes” ตั้งอยู่บนถนน Rue Basse du Remparts (Grands Boulevards ในปัจจุบัน) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
สินค้าในร้าน the French house of Hermes
ช่วงแรกสินค้าของเทียร์รี่มีเพียงแค่เครื่องหนังและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขี่ม้าทั้งอานและบังเหียน ซึ่งลูกค้าของเขาเป็นกลุ่มคนชั้นสูงผู้ดีมีเงิน ขุนนาง ราชวงศ์ รวมถึงจักรพรรดิ นโปเลียนที่ 3 ก็มีรับสั่งให้เขาทำอานม้าถวาย จนได้รับเหรียญรางวัลจากงาน Exposition Universelle ในปี ค.ศ.1855 และ 1867
เทียร์รี่ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 มกราคม ปี ค.ศ.1878 รวมอายุได้ 77 ปี และนั่นทำให้ ลูกชายคนเดียวของเขา ชาร์ลส์ เอมิล แอร์เมส (Charles Émile Hermès) ต้องมารับช่วงต่อ ชาร์ลส์ได้ทำการย้ายร้านมาตั้งอยู่ที่ ถนน Rue du Faubourg Saint-Honoré (ที่ตั้งร้านจนถึงปัจจุบัน) ซึ่งถือว่าเป็นทำเลทองที่รายล้อมไปด้วยที่อยู่ของชนชั้นสูงและขุนนางในสมัยนั้น
บรรยากาศอาคารหลักของการจัดแสดง Exposition Universelle ปี ค.ศ. 1867 ที่ Champ de Mars
เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ช่วงจังหวะทองคำเช่นนี้ ชาร์ลส์ เอมิล แอร์เมส จึงได้ดึงสินค้ายอดนิยมอย่าง “อานม้า” มาขยายตลาด มุ่งเน้นการขายปลีกระหว่างประเทศ โดยมีฐานลูกค้าที่เป็นชนชั้นสูงมากมาย ทั้งในยุโรป รัสเซีย แอฟริกาเหนือ เอเชียและอเมริกา
ในปี ค.ศ. 1900 ด้วยความช่วยเหลือของลูกชายทั้ง2 Adolphe และ Emile-Maurice ชาร์ลได้คิดค้นและออกแบบกระเป๋าสำหรับเก็บอานม้า เป็นต้นแบบให้กับกระเป๋ารุ่น “Haut à Courroies”และ “Birkin Bag” ในปัจจุบัน เป็นเหมือนประกายจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ครอบครัวก้าวเข้าสู้วงการแฟชั่น
กว่า 20 ปีเต็มที่ชาร์ลส์-เอมิลบริหารงานพร้อมกับลูก ๆ ถึงเวลาที่ชายใกล้วัยเกษียณต้องวางมือ พร้อมๆกับการรีแบรนด์เป็น “Hermès Frères” ซึ่งแปลว่าสองพี่น้องแอร์เมสนั่นเอง ถึงแม้ในช่วงท้ายจะเหลือเพียงเอมิล-เมาริสดูแลกิจการเพียงคนเดียวเพราะ 2 พี่น้องแอร์เมสแยกทางกันในเชิงธุรกิจ
บรรยากาศอาคารหลักของการจัดแสดง Exposition Universelle ปี ค.ศ. 1867 ที่ Champ de Mars
จุดเริ่มต้นไอคอนิกไอเท็มก็เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1922 เมื่อเอมิล-เมาริสเอาใจภรรยาสุดที่รักด้วยการดีไซน์กระเป๋าถือให้เพราะเธอหากระเป๋าใบถูกใจไม่ได้เขาเลยออกแบบคอลเล็กชั่นมันเสียเองเลย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Hermès เป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ของการผลิตกระเป๋าถือ
ทำให้แบรนด์สามารถเปิดร้านในปารีสได้อีก 2 แห่งและที่สำคัญขยายอาณาจักรอาชาแห่งฝรั่งเศสไปสู่ทวีปอเมริกาด้วย ไม่นานหลังจากการถือกำเนิดของประเป๋าภรรยา เอมิล-เมาริสจัดคอมโบชุดใหญ่เปิดไลน์เสื้อผ้ากูตูร์ในปารีส กระเป๋า “Sac à dépêches” และ “Hermès carrés” หรือผ้าพันคอในปี ค.ศ. 1929, 1935 และ 1937 ตามลำดับ
เอมิล-เมาริสจะส่งท้ายด้วยการปล่อยไลน์น้ำหอมและเนกไทผ้าไหมที่โด่งดังจนถึงทุกวันนี้ แต่เขาไม่เคยทิ้งจุดกำเนิดของตัวเองชุดเสื้อผ้าเครื่องประดับที่เกี่ยวข้องกับการขี่ม้ายังถูกสอดแทรกเข้าไปในคอลเล็กชั่นอยู่เสมอ
เนกไทของแบรนด์ไอเท็มของผู้ชาย
หลังการเสียชีวิตของ เอมิล เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี ค.ศ. 1951 ปีเดียวกับที่เขาประกาศวางมือ เขาได้ส่งต่อความยิ่งใหญ่ให้กับRobert Dumas และ Jean-René Guerrand ซึ่งเป็นคนนอกสายเลือดฝั่งพ่อเป็นครั้งแรก
แต่เหมือนทุกอย่างที่มีขึ้นก็มีลงเป็นธรรมดาเมื่อสินค้าทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผ้าพันคน อานม้า และกระเป๋าไม่ตอบโจทย์ลูกค้าทำให้ยอดขายไลน์สินค้านี้ลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ โชคยังดีที่โรแบร์และฌอง-เรเน่ มองหาโอกาสทองพบ
เมื่อนิตยสารไลฟ์ปี ค.ศ. 1956 เปิดภาพเกรซเคลลี่เจ้าหญิงแห่งโมนาโกถือกระเป๋าต้นแบบ “Sac à dépêches” ปิดหน้าท้องขณะตั้งครรภ์เป็นหน้าปก หลังจากสตรีศรีแฟชั่นหลั่งไหลเข้ามาที่ร้านแอร์เมสพร้อมกับถามหา “Kelly Bag”
Grace Kelly หยิบ Sac à dépêches มาปิดหน้าท้องจนกลายเป็นชื่อรุ่น Kelly
การถามหาสินค้าของลูกค้าก็เหมือนสัญญาณของกระแสและทิศทางของสินค้า โรแบร์และฌอง-เรเน่ ทำการเปลี่ยนชื่อกระเป๋าทรงคลาสสิกฝีมือการออกแบบของเอมิล-เมาริส เป็นชื่อว่า “Hermès Kelly” ทำให้ยอดขายที่ดิ่งลงถีบตัวขึ้นสูงอย่างน่าตกใจ
อีกบทของตำนานที่โรแบร์และฌอง-เรเน่สร้างไว้คือ “Birkin Bag” เมื่อนักแสดงหญิง เจน เบอร์กินพูดกับ ฌอง-หลุยส์ ว่า
มันยากนะที่จะหากระเป๋าสำหรับการเดินทางในวันหยุดสักใบ
เจน เบอร์กิน
สิ่งที่ ฌอง-หลุยส์ ได้เห็นนั้น คือ ภาพเจนพยายามเก็บตะกร้าสานของเธอบนที่เก็บของเหนือศีรษะ แต่แล้วตะกร้าก็หล่นลงมาฝาเปิด ของกระจัดกระจายไม่เป็นท่า หลังจากนั้นปีค.ศ. 1984 กระเป๋าสุดไอคอนิกถูกออกแบบและสร้างสรรค์มาเพื่อเธอโดยเฉพาะและกลายเป็นความอมตะของแอร์เมสจนถึงทุกวันนี้
เจน เบอร์กิน (Jane Birkin) และ Hermès Birkin ไอคอนิกแบ็กสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ปัจจุบัน Hermès มีมูลค่าทางการตลาดมากกว่า 1.63 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จากการประเมินของเว็บไซต์ Interbrand ในปี 2018 และเป็นบริษัทมหาชนตั้งแต่ปี 1993 หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ Paris Bourse (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Euronext Paris) มีไลน์การผลิตสินค้าตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับ น้ำหอม นาฬิกา รองเท้า ผ้าพันคอ เน็คไท และของแต่งบ้าน
เป็นการรีโพสนะครับ
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference hermes :
โฆษณา