30 ส.ค. 2023 เวลา 00:00 • ธุรกิจ

ย้อนไทม์ไลน์ 129 ปี “Esso” กับสโลแกนดัง “จับเสือใส่ถังพลังสูง”

เอสโซ่ (Esso) หรือชื่อเล่น ‘ปั๊มเสือ’ ถูกบางจากเข้าซื้อกิจการสำเร็จในจำนวนหุ้น 65.99% และกำลังดำเนินการเข้าซื้อหุ้นที่เหลือ 34.01% ภายในปีนี้
1
ก้าวแรกของเอสโซ่เกิดในปี 1894 หรือ พ.ศ. 2437 เมื่อบริษัท Standard Oil of New York เข้ามาจำหน่ายน้ำมันก๊าดตราไก่และตรานกอินทรี ตรอกกัปตันบุช (ซึ่งแรงบันดาลใจของชื่อมาจากนักเดินเรือชาวอังกฤษ ‘จอห์น บุช’ ที่เข้ามารับราชการในสมัยรัชกาลที่ 5)
ช่วงนั้นถือเป็นช่วงบุกเบิกพลังงานสยาม มีการนำเข้าพลังงานจากบริษัทต่างชาติหลายแห่ง และหนึ่งในนั้นคือบริษัท Standard Oil of New York
ในช่วงก่อนปี 2000 มีการควบรวมกิจการและเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าหลายครั้ง
เช่นในปี 1931 ทำการควบรวมกับบริษัทแว็คคั่มออยล์ จำกัด และจัดตั้งบริษัท โซโกนีแว๊คคั่ม คอร์ปอเรชั่น จำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นตรา ‘การ์กอยส์’ (Gargoyle) หรือชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าตรา ‘นกแดง’
1
ต่อมาอีก 2 ปี ได้เข้าร่วมทุนกับบริษัทแสตนดาร์ดออยส์ (นิวเจอร์ซี) และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท แสตนดาร์ดแว๊คคั่มออยล์ จำกัด ใช้เครื่องหมายการค้า “ม้าบิน”
และในปี 1962 ก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อบริษัทว่าเอสโซ่ พร้อมโลโก้เอสโซ่ในวงรีรูปไข่แบบที่เราเห็นในปัจจุบัน
โดยชื่อ เอสโซ่ มาจากการออกเสียง ‘S’ และ ‘O’ ของบริษัทเดิมอย่าง Standard Oil
1
แต่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเอสโซ่คือการ ‘รับซื้อกิจการคลังน้ำมัน’ จากกรมเชื้อเพลิง สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทต้องการลงทุนธุรกิจน้ำมันในไทยจริงจัง
1
ความพยายามนี้แสดงให้เห็นอีกในปี 1967 โดยทำการจัดตั้งโรงกลั่นน้ำมัน เอสโซ่ ศรีราชา บนพื้นที่เกือบ 200 ไร่ ซึ่งสามารถผลิตน้ำมันได้จำนวน 7,000 บาร์เรลต่อวัน
อีก 4 ปีถัดมา เอสโซ่ เพิ่มกำลังผลิตน้ำมันจากการขยายโรงกลั่นขึ้นอีก 5 เท่าสามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 35,000 บาร์เรล และพยายามเพิ่มกำลังผลิตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
และในเวลาเพียงแค่ 20 ปี โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ศรีราชาสามารถผลิตน้ำมันได้ถึง 185,000 บาร์เรลต่อวัน
1
ก่อนที่บางจากเข้าซื้อกิจการ เอสโซ่อยู่ภายใต้บริษัท เอ็กซอนโมบิล คอร์ปอเรชั่น (ExxonMobil) ซึ่งเคยเป็นบริษัทพลังงานสัญชาติอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
ซึ่งมาจากการรวมตัวของ 2 บริษัทได้แก่บริษัท Standrad oil ก่อตั้งโดยจอห์น เดวิดสัน ร็อกเกอะเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) ชายผู้ขายน้ำมันจนร่ำรวยที่สุดในโลก
และในปี 1999 ได้ควบรวมเข้ากับบริษัท Mobil กลายเป็น ExxonMobil ในปัจจุบัน
และไม่กี่วันที่ผ่านมา ExxonMobil ขายหุ้น Esso จำนวน 65.99% ให้บางจากเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคิดเป็นจำนวน 22,605,926,000 บาท
เหตุผลในการขายหุ้นเอสโซ่ของ ExxonMobil เพื่อหันไปมุ่งเน้นในการลงทุนในต่างประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการของโลกที่กำลังสนใจเรื่องพลังงานสะอาด ขณะเดียวกันก็ต้องการขายกิจการให้ผู้ที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าให้มากขึ้น
ในส่วนเหตุผลของบางจากคือเพื่อความมั่นคงทางพลังงานของบางจากฯ และประเทศไทย
โดยบางจากจะได้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 174,000 บาร์เรลต่อวัน รวมกับกำลังผลิตเดิมจะทำให้บางจากสามารถกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน
สถานีบริการเพิ่มอีกกว่า 700 แห่ง รวมกับจำนวนเดิม จะทำให้บางจากมีสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง ขึ้นไปเทียบเคียงกับ PTT (OR) ที่มีสถานีบริการ 2,085 แห่งและ PT ที่มีสถานีบริการ 1,958 แห่ง
และบางจากกำลังดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือ (tender offer) อีก 34.01%
หากดำเนินการสำเร็จ บางจากจะเป็นผู้ถือหุ้น 100% ในกิจการเอสโซ่
เป็นการปิดตำนาน 129 ปี ปั๊มเสือแห่งเมืองไทย ใครที่คุ้น ๆ กับภาพพี่เสือยืนกอดอกทะมัดทะแมงก็คงไม่ได้เห็นภาพนี้อีกแล้ว
ผู้เขียน: ขัตติยาภรณ์ ด้วงแก้ว Political Analyst, Bnomics
ภาพประกอบ : ชนากานต์ วรสุข Graphic Designer, Bnomics
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา