29 ส.ค. 2023 เวลา 10:29 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

เยือน NASA Jet Propulsion Laboratory จากห้องควบคุม สู่โรงเก็บโรเวอร์ - ตอนที่ 2

Mars Yard และ Engineering Model ยานสำรวจดาวอังคาร
เราเดินทางกลับขึ้นรถก่อนที่จะมันจะพาเราขึ้นเขาไปเป็นเวลาประมาณ 4 นาที เพื่อไปยังบริเวณที่เรียกว่า Mars Yard ซึ่งเป็นลานกว้างที่จำลองดาวอังคาร เพื่อทดสอบยานอวกาศให้ได้มาลองปีน วิ่ง และเจอกับอุปสรรคต่าง ๆ รวมถึงเป็นที่ตั้งของโรงเก็บที่ใช้เก็บยานอวกาศที่เป็น Engineering Model ของยานอวกาศโรเวอร์สองลำที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่บนดาวอังคารได้แก่ Curiosity และ Perseverance
เติ้ลและน้ำหวาน ขณะที่กำลังนั่งรถขึ้นเขาไปยัง Mars Yard
โดยเราจะขอเล่าเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คือ ยาน Engineering Model ของ Perseverance นั้นตั้งชื่อว่า OPTIMISM ซึ่งย่อมาจาก Operational Perseverance Twin for Integration of Mechanisms and Instruments Sent to Mars พร้อมกับ Engineering Model ของ Curiosity ที่ชื่อว่า MAGGIE ที่ย่อมาจาก Mars Automated Giant Gizmo for Integrated Engineering (ทั้งคู่จะฝืนไปไหน) ซึ่งเรากำลังจะได้ไปเจอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
Mars Yard ลานสำหรับทดสอบยานสำรวจดาวอังคาร
เราเดินเข้าสู่บริเวณ Mars Yard เพื่อพบกับภาพที่คุ้นเคยตามสารคดีและคลิปฟุตเทจต่าง ๆ ของ JPL โดยเฉพาะการทดสอบตัว OPTIMISM สำหรับภารกิจ Mars 2020 โดยเนินเขาด้านขวามือของภาพ ก็คือเนินที่วิศวกรให้ยานได้มาลองปีนเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ หรือในปัจจุบัน หากโรเวอร์เกิดปัญหาบนดาวอังคาร วิศวกรก็จะจำลองสถานการณ์บน Mars Yard แห่งนี้เพื่อระดมสมองช่วยกันแก้ปัญหาว่าจะต้องส่งคำสั่งไปยังตัวโรเวอร์อย่างไร
ในระหว่างที่เรากำลังเดินกันอยู่บริเวณ Mars Yard นั้นประตูของอาคารที่เหมือนโรงรถขนาด 2 คันจอด ก็เปิดขึ้น เผยให้เราเห็นถึง OPTIMISM และ MAGGIE โดยเราได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำในส่วนของ OPTIMISM เท่านั้นเพราะฝั่งที่ MAGGIE อยู่ ทีมวิศวกรกำลังทำงานอยู่เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน
OPTIMISM หรือ Operational Perseverance Twin for Integration of Mechanisms and Instruments Sent to Mars
โดยในโอกาสนี้เราได้เห็นรายละเอียดของ Perseverance ในแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ยิ่งกว่าการดูในภาพถ่ายมาก ทุกอย่างมาให้เห็นตรงหน้า การร้อยสายไฟ ระบบมอเตอร์และเซอร์โวต่าง ๆ ที่เป็นแบบ 100% เหมือนกับของยานที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่บนดาวอังคาร รวมถึง Instrument ต่าง ๆ เช่น Mastcam-Z ระบบยิงเลเซอร์เพื่อตรวจองค์ประกอบของธาตุ ซึ่งในภาพถูกปิดเอาไว้ด้วยแผ่นปิดเลนส์สีแดง
รวมถึงตัวแขนกลที่มีส่วนสำคัญสำหรับภารกิจ Mars Sample Return ที่จะเก็บตัวอย่างหินไปหย่อนไว้ในบริเวณต่าง ๆ ของดาวอังคารเพื่อรอภารกิจในอนาคตมาเก็บ อ่านได้ใน https://spaceth.co/mars-sample-return/ หรืออ่านเรื่องราวทั้งหมดของ https://spaceth.co/tag/perseverance/
สิ่งที่เราได้เห็นเพิ่มเติมก็คือตัวอย่างหินที่นำมาทดสอบอุปกรณ์เจาะ หัวเจาะ (Drill bits) ให้ลองจินตนาการภาพดูว่า Perseverance กำลังเจาะหินในลักษณะนี้ ด้วยรูแบบเดียวกันอยู่บนพื้นผิวของดาวอังคาร
หินที่วิศวกรนำมาทดลองเจาะที่ตั้งอยู่ในโรงเก็บโรเวอร์
หลังจากที่ถ่ายทำเรียบร้อยแล้ว เรายังได้เห็นวิศวกรสั่งการตัวโรเวอร์ให้ขยับ กล้องและ Mastcam-Z โชว์เล็กน้อย ซึ่งก็อยากให้จินตนาการเช่นเดียวกันว่า สิ่งเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นบนพื้นผิวของดาวอังคาร นับว่าเป็นความทะเยอทะยานของมนุษย์ในการสำรวจอวกาศมาก
หลังจากที่บอกลา OPTIMISM และ MAGGIE เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยัง Charles Elachi Mission Control Center ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งเพราะเป็นศูนย์ควบคุมหลักของภารกิจสำรวจอวกาศโดย JPL
Charles Elachi Mission Control Center
Charles Elachi เป็นผู้อำนวยการ JPL ในช่วงปี 2001-2016 ต่อจาก Edward Stone หลังจากที่ร่วมงานกับ JPL มาตั้งแต่ยุค 70s และมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางของ JPL และทิศทางการสำรวจอวกาศปัจจุบัน ชื่อของเขาได้รับการนำมาตั้งเป็นชื่อของ Mission Control Center
Mission Control Center อยู่ภายใน Space Flight Operations Facility เป็นอีกหนึ่งอาคารขนาดใหญ่สูงหลายชั้น มีโครงสร้างที่ค่อนข้างดูเก่าและขลัง และในปี 1985 ยังได้รับการจดทะเบียนให้เป็นหนึ่งใน National Historic Landmark of the United States of America โดย Department of the Interior ด้วย
ด้านหน้าของอาคาร Spaceflight Operation Facility
และเมื่อเดินเข้าข้างใน Space Flight Operations Facility นี้เองก็ได้เป็นที่ตั้งของ ป้าย JPL อันโด่งดัง ที่ใครเห็นก็ต้องมาถ่ายรูปกันตรงนี้ ซึ่งแม้อาคารด้านหน้าจะดูเก่า แต่ภายในตกแต่งอย่างล้ำสมัย มีจอ LED แสดงภาพต่าง ๆ ที่รู้สึกว่าสมกับเห็นหน่วยงานด้านอวกาศที่ล้ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และดูเหมือนเซ็ตในฉากภาพยนตร์เรื่อง The Martian มาก
ป้าย JPL อันโด่งดังที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปกันตั้งอยู่ที่ Spaceflight Operation Facility แห่งนี้
เราสามารถเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังจุดสังเกตการณ์ที่เมื่อมองลงมาเราจะเห็นห้องควบคุมภารกิจได้อย่างชัดเจน ซึ่งด้านบนนี้เองก็คือบริเวณที่เวลามีเหตุการณ์สำคัญ จะมีนักข่าวหรือบุคคลสำคัญมานั่งสังเกตการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการลงจอดของยานอวกาศ หรือการส่งคำสั่งสุดท้าย (End of Mission) ในห้องนี้ เราจะได้เห็นกันในคลิปอำลายาน Cassini และ Opportunity ที่มีคนขึ้นมาร้องไห้
มองลงไปยัง Charles Elachi Mission Control Center
หากใครที่สังเกตดี ๆ จะเห็นว่าภายใน Mission Control Center จะถูกแบ่งออกเป็นห้องย่อยอีก 2 ห้องได้แก่ บริเวณห้องด้านหลังจอที่แสดง Deep Space Network กับ บริเวณด้านซ้ายมือที่มีธงชาติสหรัฐฯ แขวนอยู่ ห้องนั้นคือห้องที่ถูกใช้ในการทำ EDL หรือ Entry Descent and Landing สำหรับภารกิจสำรวจดาวอังคาร หรือภารกิจ Cassini Grand Finale
เราได้ลงไปยังพื้นล่างของห้อง Mission Control Center ซึ่งโชคดีที่เราไปในเวลาที่ยังไม่มีภารกิจหรืองานสำคัญ จึงสามารถเดินถ่ายบรรยากาศโดยรอบได้อย่างอิสระ โดยจะมีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งคอยนั่งดูสถานะต่าง ๆ ของยานอวกาศเพียงเท่านั้น ซึ่งในห้องนี้ ก็จะเป็นห้องที่ใช้ควบคุมการติดต่อสื่อสารกับยานอวกาศผ่านระบบ Deep Space Network (DSN) ด้วย อ่านเรื่อง Deep Space Network ได้ที่ https://spaceth.co/deep-space-network/
ภาพบนหน้าจอด้านบนแสดงสถานะของ Deep Space Network ผ่านโปรแกรม DSN Now และแสดงสถานะของยานอวกาศผ่านโปรแกรม NASA’s Eye on Solar System
สิ่งหนึ่งที่อยากชี้ให้ดูคือ หน้าจอที่แสดงระยะเวลาการติดต่อสื่อสารกับภารกิจ ซึ่งในวันที่เราเข้าไปถ่ายทำ Voyager 2 นั้นดำเนินภารกิจมาแล้ว 45 ปี 307 วัน กับอีก 2 ชั่วโมง เป็นภารกิจการสำรวจอวกาศที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ตามมาด้วยยาน Voyager 1 และยาน 2001 Mars Odyssey
Voyager 2 กับสถิติการปฏิบัติภารกิจนาน 45 ปี 307 วัน กับอีก 2 ชั่วโมง
เรียกได้ว่าเป็นห้องที่โด่งดังมากที่สุดในวงการการสำรวจอวกาศก็ว่าได้ ซึ่งก็คือ ห้องที่ถูกใช้สำหรับการควบคุมภารกิจที่ฝ่ายต่าง ๆ จะต้องมานั่งประจำสถานีของตัวเอง ภาพที่โด่งดังที่สุดของห้องนี้คือตอนที่โรเวอร์ตระกูล Mars Exploration Rover คือ Spirit และ Opportunity ลงจอดสำเร็จในปี 2004 ยาน Curiosity สามารถลงจอดบนดาวอังคารได้สำเร็จในปี 2012 ยาน Cassini ทำภารกิจสุดท้ายใน Cassini Grand Finale เมื่อปี 2017 และตอนที่ Perseverance ลงจอดสำเร็จบนดาวอังคารในปี 2021
ด้านหลังของห้องยังถูกติดป้ายโครงการ Mars 2020 หรือ Perseverance
และในห้องนี้สิ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือตำนานถั่วโชคดี (Lucky Peanut) ที่เชื่อกันว่าหากกินถั่วในระหว่างที่กำลังลุ้นให้กับภารกิจอะไรบางอย่างอยู่ ภารกิจนั้นจะสำเร็จเรียบร้อย ตั้งแต่การปล่อยไปจนถึงการลงจอด จึงเป็นธรรมเนียมของ JPL ที่จะมีการวางถั่วนี้ไว้ ในภารกิจก็จะได้กินกัน เราเลยเล่าเรื่องนี้ไว้ในบทความ https://spaceth.co/lucky-peanut/
และในวันนี้เราก็ได้มีโอกาสรีวิวกินถั่ว Lucky Peanut ด้วย ซึ่งรสชาติของมันก็คือถั่วนั่นแหละไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่กินแล้วก็รู้สึกว่าจะโชคดีวันนี้ ซึ่งก็โชคดีจริง ๆ ไฟล์งานไม่เสีย ไม่ลืมอุปกรณ์ใด ๆ ไว้
ตำนานถั่วโชคดี (Lucky Peanut) ของ JPL ในห้องควบคุมภารกิจ
จากการสอบถาม ได้ความเพิ่มเติมมาว่าในห้องนี้ เมื่อพนักงาน JPL เข้ามาทำงานใหม่ ๆ จะมีกิจกรรมคือให้ทุกคนมานั่งรวมกันแล้วเปิดวิดีโอจำลองบรรยากาศในภารกิจต่าง ๆ เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและสะท้อนว่าภารกิจการสำรวจอวกาศที่พวกเขาทำนั้นยิ่งใหญ่และมีคุณค่าแค่ไหน
ป้าย The Center of the Universe ณ ห้อง Charles Elachi Mission Control Center
และสุดท้ายที่เราอยากชี้ให้ดูก่อนออกจาก Charles Elachi Mission Control Center ก็คือแผ่นป้ายที่พื้น ที่เขียนไว้ว่า The Center of the Universe และ Dare Mighty Things ซึ่งเป็นคำขวัญของ JPL นั่นเอง เพราะถ้าจะพูดถึงภารกิจการสำรวจอวกาศที่มุ่งหน้าไปยังทิศทางต่าง ๆ บนฟากฟ้าแล้ว ที่แห่งนี้ ก็นับว่าเป็นจุดกึ่งกลาง และจุดเริ่มต้นของภารกิจเหล่านี้จริง ๆ
หลังจากนั้นเราได้เดินทางออกจากห้องควบคุมภารกิจและจบการถ่ายทำในที่สุด ซึ่งจริง ๆ ก็ยังเหลือสถานที่ภายใน JPL อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นห้อง Lab หรือห้องทดสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ในโอกาสหน้าเราจะค่อย ๆ มาพาดูกันไป
จบการทัวร์ NASA Jet Propulsion Laboratory
NASA Jet Propulsion Laboratory เป็นเหมือนสถานที่พิเศษที่หนึ่งบนโลกที่สะท้อนสายเลือดของนักสำรวจอวกาศ ทุกคนที่นี่ดูเนิร์ดและมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำ โดยเฉพาะการได้เป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจอวกาศที่เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันมนุษยชาติไปข้างหน้า
ป้ายประกาศเกียรติคุณโดยผู้อำนวยการ NASA ในตอนนั้น คือ James Fletcher ปี 1972 ในช่วงหลังจากที่โครงการ Apollo และความนิยมของ NASA พุ่งไปถึงขีดสุด ในตอนนั้นเป็นสมัยของประธานาธิบดี Richard Nixon โดย Fletcher ขึ้นตรงต่อ Nixon
นอกจากนี้เราจะยังได้เห็น Element ของความสนุกสนาน การทำอะไรแปลก ๆ สร้างสรรค์ตามความชอบ เช่น ป้ายบอกทางไปยังยานอวกาศที่เราชี้ให้ดูในตอนแรก (อยุ่ในตอนที่ 1) และในภาพนี้ที่เราเก็บมาให้ชม ก็คือไฟเส้น LED ที่แสดงสถานะบอกว่าตอนนี้ระบบ Deep Space Network กำลังติดต่อสื่อสารกับยานอวกาศอะไรอยู่ Uplink หรือ Downlink ด้วยปริมาณของข้อมูลมากน้อยแค่ไหน
ไฟเส้น LED ที่แสดงว่าตอนนี้ระบบ Deep Space Network กำลังสื่อสารกับยานอวกาศอะไรอยู่ ในที่นี้ตัวอักษรที่ปรากฎก็คือกำลังส่งข้อมูลขึ้นไปยังยานอวกาศ Voyager 1
เราเชื่อว่าในอนาคตเราจะได้พาทุกคนเดินทางไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยดีเอ็นเอแห่งการสำรวจอวกาศแบบนี้อีก สำหรับในรอบนี้ขอขอบคุณทีม Media ของ JPL และคุณ Mark Petrovich รวมถึงทีมวิศวกรที่เราไปรบกวนระหว่างการถ่ายทำในครั้งนี้ และที่ขาดไม่ได้คือ ดร.ปุณณทัศน์ บดีนิธิเกษม ที่เป็นผู้ชี้ช่องทางสำหรับการได้เข้ามาถ่ายทำในรอบนี้
เติ้ล น้ำหวาน และ ดร.ปุณณทัศน์
สุดท้ายก็คงทิ้งความหมายของคำขวัญของ JPL ที่บอกว่า Dare Mighty Things คือให้แสวงหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทรงคุณค่า และไม่เหมือนใคร คงไม่มีคำไหนที่จะเหมาะสำหรับการสำรวจอวกาศไปมากกว่าคำนี้อีกแล้ว ขอให้ทุกคน Dare Mighty Things (ข้อความนี้ถูกซ่อนเป็น Binary code ไว้บนร่มชะลอความเร็วในภารกิจการลงจอดของ Perseverance)
แสวงหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทรงคุณค่า ขอบคุณ Jet Propulsion Laboratory
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co
โฆษณา